คนเดียวกับเฟี้ยวได้ กับการเดินทางขึ้นเขาช้างเผือก

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อเบ้นซ์ โดยส่วนตัวผมชอบถ่ายรูปแนวๆธรรมชาติพวกภูเขา ทะเล
และผมชอบเที่ยวแนวๆผจญภัย ต้องการหาสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ( Life is journey ) ครั้งนี้ผมเลยเกิดคึกอยากไป "เขาช้างเผือก" ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ซึ่งเป็นเขาที่จองยากมากๆ


การจอง

การจองนั้นต้องโทรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิล่วงหน้า 7 วันก่อนขึ้นเขา 034-510-979 และ 098-252-0359 (เวลาราชการ) เรียนเจ้าหน้าที่ว่ามีความประสงค์จะเดินทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะไกลเขาช้างเผือก ระบุวันที่ที่จะเดินทาง จำนวนสมาชิกในทีม พร้อมระบุชื่อนามสกุล เลขบัตรประชาชน รวมถึงจำนวนลูกหาบ ณ ตอนที่คุยกับเจ้าหน้าที่เลย
โดยปกติแล้ว เจ้าหน้าที่นำทาง 1 คน จะดูเเลนักท่องเที่ยว 10 คนครับ  

(ค่าเจ้าหน้าที่นำทาง คนละ 200 บาท/คน) 

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติฯ คนละ 40 บาท  ค่าใช้สถานที่ คนละ 30 บาท รวม 70 บาท                              ค่าลูกหาบ 1300 บาท ลูกหาบคนนึงแบกได้ 30 กิโล

 

ทริปนี้เกิดจากการที่ผมรุ้ข่าวมาว่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจะเปิดให้ขึ้นเขาช้างเผือก ซึ่งเปิดให้จองในวันที่ 10 ธันวาคม 2559  

 

พอถึงวันที่10ธันวาคม ที่ผ่านมา เราก็ได้โทรไปที่อุทยานเป็นร้อยๆสาย (โทรติดยากมาก) โทรตั้งแต่ 8โมง กว่าจะโทรติดก็10โมง เมื่อโทรติดเราโคตรดีใจ บอกเจ้าหน้าที่ไปว่าจะไปวันศุกร์ที่16 ธันวาคม ก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ซึ่งวันนั้น้เป็นเรามีสอบตอนบ่ายจึงทำให้ไปขึ้นรถจาก บขส.กาญจนบุรีไปทองผาภูมิไม่ทัน เราก็พยายามหาวิธีมาหลายวันแต่ก้ไม่โอเคสักวิธีก็เลยเข้าไปในเพจของอุทยานฯ ก็ได้ทักคนที่ไปวันเดียวกับเรา เราได้ทักไปคุยกับน้าคนนึ่งชื่อว่า "ปืน" เราก็บอกไปว่า"ผมขอติดรถไปด้วยคนได้มั้ย ช่วยออกค่าน้ำมันให้" พี่เค้าก็โอเคบอกมาว่า "พี่ให้เราไปกับพี่ก็ได้" ตอนนั้นโคตรดีใจก็นัดแนะสถานที่นัดเจอกัน ในวันที่15 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ออกเดินทาง  

 

วันที่15ธันวาคม2559 ก็ตื่นมาอ่านหนังสือทวนตัวเองนิดนึงและก็ออกไปสอบ พอสอบเสร็จก็กลับหอไปเตรียมตัวออกเดินทาง นั้งรถตู้ไปที่อยุธยาตรงเค้กบ้านสวน3 ซึ่งเป็นสภานที่นัดเจอกับน้าปืน ก็ช่วงเวลาที่รอก็นั่งกินข้าวชาร์จแบดโทรศัพท์ กล้องถ่ายรูป จนถึงเวลาที่น้าปืนมาถึง ก็เริ่มออกเดินทางไปกาญจนบุรีโดยรถกะบะ เรานั่งท้ายกะบะ (ลมเย็น ตีเข้าหน้า มีความหน้าชา) ก็ต้องเรียกชนิดที่ว่าขับรถข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว แต่น้าปืนไม่ไหว ก็เลยพักที่บ้านพักเล็กๆถูกๆ นอนเองแรง แถวตลาดสดทองผาภูมิ บ้านพักหลังนี้แอร์หนาวอย่างกะขั้วโลก ปรับเเอร์แล้วก็ยังหนาวอยู่จนต้องฝืนนอนไป

      เริ่มออกเดินทางตอน 2 ทุ่ม ของวันที่ 15 ธันวาคม 2559 โดยการนั่งท้ายรถกระบะของน้าปืน    

ถึงตลาดทองผาภูมิแล้ว

 

วันที่ 16 ธันวาคม 2559 ตื่นมาเวลาตี4ครึ่ง เพื่อเตรียมตัวไปอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนขออนุญาติขึ้นเขาช้างเผือกให้ทันก่อนเวลา 7โมง-8โมงเช้า แต่เราก็ถึงในเวลานั้นพอดี เมื่อถึงอุทยานฯก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯกับค่ากลางเต้นไปรวมทั้งหมด70บาท/คน จากนั้นก็ขึ้นสำนักงานอุทยานฯเพื่อไปทำเรื่องพร้อมวางเงิน200บาทเป็นค่านำทาง

 

ถึงอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิแล้ว  ^_^

มีนกเงือกมาตอนรับด้วยน่ารัก

  จากนั้นก็ไปที่ปิล็อกซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นจุด start ของเขาช้างเผือก

 เมื่อมาถึงก็หาของกินข้าวเช้าพร้อมกับซื้อเสบียงเป็นข้าวเหนียวไก่ทอดกับน้ำดื่มเพื่อไปกินข้างบนเขา

ลูกหาบสุดเเกร่งที่จะมาแบกของให้เราได้น้ำหนักสูงสุดถึง30กิโลกรัม  เราก็ให้กระเป๋ากับ เต้นท์ ให้ลูกกาบแบก เเละแล้วก็มาถึงช่วงที่ปล่อยตัว

พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่ได้ขึ้นก่อน(กลุ่มนึงจะมี10คนกับเจ้าหน้าที่นำทาง1คน)

 

ระยะทางจากจุดเริ่มต้นไปจุดกางเจ้นท์ เส้นทาง8กิโลเมตร สัญญาณโทรศัพท์ทุกเครื่อข่ายบอดหมดหรืออาจจะมีแต่ช้า ยกเว้นAIS ที่มีตลอดเส้นทาง 

                น้าตากล้องสายลุย2คน ที่คอยเก็บภาพสวยๆให้ตลอดเวลา

 

ระหว่างทางมีวิวสวยๆให้เก็บภาพตลอด เช่น ดอกหญ้า ภูเขา ท้องฟ้า

เจ้าหน้าที่นำทางคุณบุญมีกับคุณชานนท์

ในระหว่างทางก็จะมีจุดพักเอาแรงตลอดเส้นทางประมาณ 6 จุด แต่เมื่อเดินมาถึงเขาที่ชื่อว่า "เขาช้างน้อย" ก็ดูเส้นทาง โอโห ! ชันมากแต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

จนในที่สุดเราก็ได้เห็นยอดเขาช้างเผือกที่อยุ่ตรงหน้าก็ยิ่งมีกำลังใจเดินไปอีกหน่อย แต่หมอกหนามาก

และเมื่อถึงจุดกางเต้นท์ เราก็ไม่รอช้าก็กางเต้นท์เลย

 

จุดที่กางไม่รุ้ว่าดีหรือไม่ดี เพราะลมพัดตลอดเวลาก็หนาวดี แต่บางทีมันก็แรงจนเต้นท์จะปลิวยังไงไม่รู้ และเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่า"พวกเราจะขึ้นสันคมมีดกันตอนบ่าย3" เพราะต้องรอให้กลุ่มอื่นขึ้นมาให้หมดก่อน เราก็มองดูบริเวณยอดเขามันมีหมอก ก็แอบเซ็งนิดๆ เพราะอยากเห็นวิวทั้งหมด แต่ในช่วงเวลานั้นก็นอนรอ และเมื่อถึงเวลาเจ้าหน้าที่ก็เรียกรวมถามความสมัครใจว่าจะขึ้นหรือไม่ขึ้น ส่วนคนที่ขึ้นก็ลุยต่อไป ทางมันมีความพีคมาก เพราะมันจะชันเป็นเกือบจะ90°ก็ต้องเกาะหินเพื่อดันตัวเองขึ้นไป หวาดเสียวมาก แต่ก็ผ่านมาด้วยดี

ปีนสันคมมีด

อีกจุดนึงก็คือจุดที่มีก่อนหินเหมาะกับการถ่ายรูปมากๆซ้ายเหว ขวาเหว ก็จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยแนะนำวิธีการข้ามเราก็ข้ามไป ก็กลัวๆนิดนึง ทางเดินก็เเคบ จนถึงด่านสุดท้ายเป็นทางชันค่อนข้างมากก็อดทนปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขาช้างเผือก แต่มันมีแต่หมอก ด้านซ้ายมีแต่หมอกขาวไปหมด ด้านขวาเห็นวิวเขาช้างเผือกทั้งหมดเห็นแม้กระทั้งจุด start (หมู่บ้านอีต่อง)

เมื่อมาถึงด้านบนก็ต้องถ่ายกับป้ายไว้เป็นที่ระทึกเห้ยระลึก

ก็ถ่ายรูปโดยให้คนจากกลุ่มอื่นถ่ายให้ได้เพื่อนใหม่ได้มิตรภาพระหว่างเที่ยว หลังจากนั้นก้ลงจากยอดเขา - สันคมมีด กลับเต้นท์พักผ่อน กินข้าว แปรงฟัน และก็นอน แต่ตอนนอนโคตรพีค คือนอนไม่แบบสบายใจเพราะลมกระโชกแรงมากๆ อากาศตอนนั้นหนาวมากๆ ก็หลับๆตื่นๆ จนหลับไปและก็ตื่นอีกทีตอน6โมงเช้า    

 

วันที่ 17 ธันวาคม 2559 ก็ตื่นมาตอนตี 5 ออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้น และเก็บภาพ

พอพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราก็เก็บเต้นท์เพื่อเตรียมตัวลง

ก่อนลงก็ไปถ่ายรูปกับเจ้าหน้าที่นำทาง

หลังจากนั้นก็ลงจากเขา รุ้สึกว่าตอนลงจะสบายกว่าตอนขึ้น แต่ก็มีบางจุดที่เล่นเอาซะเหนื่อยเลยเพราะทางชันมาก จนลงมาถึงจุด start ก็เดินเรื่อยๆ ตอนนั้นรู้สึกหิวข้าวมากๆ ก็ไปกินข้าวให้หายอยาก ในระหว่างที่กินข้าวเราก็เจอพี่ๆจากกลุ่มอื่นพวกค้าจะลงไปอุทยานแห่งชาติเราก็เลยขออนุญาติติดรถไปด้วย พี่เค้าก็บอกว่ามาเลยๆ (ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ)

จนมาถึงอุทยานฯก็มาเจอนกเงือกที่กำลังกระโดดไปมา น่ารักดี

เราก็เข้าไปเอาประกาศนียบัตรจากอุทยานฯ และตอนนั้นเองเราก็ไปเจอคนที่จะกลับทางเดียวกับเราชื่อว่า "หลิว" คือ ธรรมศาสตร์รังสิต

เราก็เลยขอติดรถกลับไปด้วย โดยการขับ big bike จากอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปธรรมศาสตร์รังสิต ประมาณ300++กว่าโล ขับรถข้ามจังหวัดกันเลยทีเดียวข้ามจังหวัดกันเลยทีเดียว ทำให้เราเปิดโลกทัศน์มากๆเพราะไม่เคยนั่งอะไรแบบนี้มาก่อน ได้รู้สังคมอีกแบบนึง แต่ในระหว่างทางก็มีอุปสรรคนิดหน่อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี จนถึงธรรมศาสตร์ประมาณ 3ทุ่มกว่าๆระยะเวลาเดินทางจากอุทยานฯ-มธ.รังสิต 6 ชั่วโมง ก็พามากินข้าวด้วยกัน กินเสร็จก็แยกย้ายกลับ (ขอบคุณมากๆ)
ก็กลับหออาบน้ำนอน

---------------------------THE END-----------------------------

Special Thank



พี่ปืน : ขอบคุณพี่ปืนมากนะครับแต่เอาผมติดรถไปด้วยถ้าไม่ได้พี่ผมคงไม่ได้ไปแล้ว

หลิว : ขอบคุณมากนะหลิวที่ให้เราติดรถกลับด้วย ทำให้เราเปิดโลกทัศน์มากๆ ขับรถข้ามจังหวัด ได้เห็นบรรยากาศตลอดการเดินทาง เราประทับใจจริงๆ ขอบคุณมาก



คำแนะนำสำหรับคนที่จะไปเขาช้างเผือก
1.สัญญานโทรศัพท์บอดหมดยกเว้น AIS ก็ให้ไปซื้อที่ไหนก็ได้ ที่ขายซิมAISรายวันสำหรับเล่นเน็ต
2.ไปฟิตร่างกายให้พร้อมเพราะทางมันหินจริงๆ
3.เสื้อกันหนาวหนาๆ ปลอกแขนกันแดด หมวก ถุงมือ
4.ตอนขึ้นก็เอาลูกอมหรือของหวานติดตัวขึ้นไปด้วย เพื่อช่วยเพิ่มพลังงาน

-----------ยินดีกับคนที่จองได้ เที่ยวให้สนุก-----------