ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    วันหยุดอาทิตย์นี้ไปไหนดี?

    เป็นคำถามที่หมุนติ้วๆๆอยู่ในหัวทุกวันพุธ (เชื่อว่าหลายๆคนเป็นแบบเรา)
    กลางสัปดาห์ทีไรหัวใจมันเรียกร้องการบำบัดจากธรรมชาติทุกทีเลย
    ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงวันพุธ โอ๊ยๆ เหนื่อย อยากพัก อยากไปเที่ยวขึ้นเขาเข้าป่าที่ไหนซักที่
    รอบนี้มีเวลาน้อย เลยเลือกที่จะไปเที่ยวไม่ไกลกรุงเทพฯนัก
    และแล้ว เราก็ตกลงปลงใจไปที่นี่ค่ะ “พะเนินทุ่ง”

    เราถือว่าสิ่งนี้เป็นการบันทึกประสบการณ์
    ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นเรื่องราวดีๆที่จะพาหลายๆคนให้ออกไปเที่ยว เติมพลังความสุขแบบเรา
    ไม่พูดพร่ำทำเพลง ออกเดินทางกันดีกว่าค่าาาาา ^_^

    • โพสต์-2
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    Day 1 
    19/11/59
    ตื่นลืมตาขึ้นมาตีห้ากว่าๆ อาบน้ำขนของ รีบออกจากบ้านเพราะไม่อยากรถติด
    ทริปนี้ไม่ได้นั่งรถประจำทางไปนะคะ เราขับรถไป แต่ก็ยังไม่ทิ้งลายสายโบก ฮ่าๆๆ
    ออกจากบ้านเวลา 06.30 น. ขับรถมุ่งหน้า ถนนพระราม 2 สายธนบุรี-ปากท่อ 
    (สายนี้ สายออกสายรถติดนะคะเพราะเป็นเส้นทางลงใต้แค่ทางเดียว)
    ผ่านจังหวัดสมุทรสงคราม เฉี่ยวราชบุรี ใช้เวลาไม่นานก็เลี้ยวเข้าเขตเพชรบุรี 
    10.00 ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 
    (ที่จริงขับรถไม่นานหรอกค่ะ แต่เราแวะกินข้าว ตุนขนม กว่าจะเสร็จก็กินเวลาพอสมควร สายกินก็งี้ อิอิ)
    บริเวณด้านล่างนี้เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 1 หากใครไม่ขึ้นข้างบนสามารถหาทำเลดีๆ นอนชิลล์ๆริมน้ำได้สบาย

    อันดับแรกเราต้องติดต่อจุดบริการนักท่องเที่ยว เพื่อชำระค่าเข้าอุทยานฯ 
    ราคาชาวไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 300 บาท
    ถ้าเอารถขึ้นไปข้างบน จ่ายเพิ่ม 30 บาท และถ้าค้างคืนเพิ่มอีก 30 บาทค่ะก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าพะเนินทุ่งสามารถขึ้นได้เฉพาะรถปิคอัพที่มีกำลังพอสมควร 
    เนื่องจากเส้นทางโหดใช้ได้เลย ถ้าใครขับรถเก๋งไปต้องต่อรถเพื่อขึ้นสู่พะเนินทุ่ง 
    ซึ่งหากไปกรุ๊ปใหญ่ๆก็เหมาได้เลย ค้างคืน 2,000 บาท ไป-กลับ 1,600 บาทไทย
    แต่ถ้าใครไปคนเดียว หรือไปแค่ไม่กี่คน ก็ใช้วิธีเรานะคะ คือหาคนแชร์ค่ะ 
    ไม่รู้จัก เดี๋ยวก็ได้รู้จัก หาคนหารค่ารถ ประหยัดไปอีกหน่อย 
    ถ้าไม่กล้าถาม บอกพี่เจ้าหน้าที่นะคะ พี่เค้าจะช่วยหาคนให้ เจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีทุกคนค่ะ

    ชำระค่าเสียหายเรียบร้อยก็ออกเดินทางต่อ ทีแรกเรากะว่าจะหาคนแชร์ค่ารถแบบครั้งแรกที่มา
    (อ่อ! ลืมบอกไปว่านี่เรามาพะเนินทุ่งเป็นครั้งที่สองแล้วค่ะ แต่รีวิวในเฟสบุ๊ค)
    รอบนี้พี่เจ้าหน้าที่แนะนำให้ขับรถไปข้างบน แล้วค่อยหารถไปต่อ
    (คือรถเก๋งสามารถขึ้นได้ถึงบ้านกร่างแคมป์นะคะ เพราะถนนยังราดยางดีอยู่ แต่หลังจากจุดนั้น ได้แค่ปิคอัพค่ะ)
    ระหว่างทางไปบ้านกร่างแคมป์ ถนนหนทางจะดีมากค่ะ ราดยางยาวๆ 
    เราต้องผ่านจุดตรวจด่านเขาสามยอดเพื่อตรวจตั๋ว หรือถ้าใครยังไม่ได้ซื้อ สามารถซื้อตรงนี้ได้เลยถัดจากด่านมานิดนึง เราจะเจอกับสิ่งนี้ค่ะ อุโมงค์ต้นไม้ เป็นระยะทางยาวประมาณ 300 เมตรเห็นจะได้
    ธรรมชาติมักสร้างอะไรสวยๆมาให้เราเชยชมเสมอว่าไหม ^^

    • โพสต์-3
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    12.00 น. 
    ถึงจุดหมายของเราแล้ว อ๊ะๆ ไม่สิ เกือบถึงต่างหาก เพราะเราต้องต่อรถค่ะ
    จุดนี้เรียกว่า “บ้านกร่างแคมป์” เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 2 นักท่องเที่ยวสามารถพักบริเวณนี้ได้ 
    มีจุดบริการนักท่องเที่ยว มีเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่า ห้องน้ำห้องท่าก็มีพร้อมสรรพ
    นอกจากนั้นยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ส่องนก ดูแมลงได้ค่ะ (ขอบอกเลยว่าแถวนี้มีทีเด็ด)แถ่นแท้นนนนนนนนน ทีเด็ดที่ว่า ก็คือสิ่งนี้ค่ะ “ผีเสื้อ”
    บริเวณนี้มีผีเสื้อเยอะมาก สวยมาก ช่วงแดดออก จะบินลงมากินแร่ธาตุที่โป่งดินกันค่ะ
    และจะมีเยอะมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมค่ะ

     

     

    เราจอดรถไว้บริเวณนี้ แต่ไม่ได้เหมารถต่อนะคะ เราใช้วิธีโบกเอาค่ะ ฮ่าๆๆๆ
    ใครจะขึ้นข้างบนบ้าง ... หนูขอไปด้วยยยยยยย
    และแล้วฟ้าก็มีตา ส่งพี่ๆใจดี รับเราขึ้นไปข้างบนด้วย (ขอบคุณอีกครั้งนะคะ)
    เส้นทางต่อจากนี้คือไม่ได้สบายๆแล้วน๊า เป็นถนนลูกรังตลอดทาง ชันบ้างอะไรบ้าง
    คือเอาง่ายถ้ากินอิ่มๆก็มีจุกกันบ้างหละค่ะ ต้องข้ามลำธาร 3 ลำธาร 
    ระยะทางจากบ้านกร่างแคมป์ไปข้างบน 15 กม. แต่ใช้เวลานานนะคะ เพราะทางบนเขาไม่เหมือนทางราบเกือบลืมบอกไป ว่าพะเนินทุ่งจะให้รถ ขึ้น-ลง เป็นเวลานะคะ 
    เนื่องจากถนนไม่กว้าง ทำให้รถไม่สามารถขับสวนทางกันได้ 
    จึงต้องจำกัดเวลาเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวค่ะ

    • โพสต์-4
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    ว่าจะถึงก็ทำเอาเหนื่อยเหมือนกัน แต่พอมองวิวรอบๆก็หายเหนื่อยไปเลย อากาศก็ดี๊ดี

    -----------------------------------------------------------------------------------------

    ถึงแล้ว "พะเนินทุ่ง" มีป้ายนี้ต้อนรับเป็นป้ายแรก

    ขึ้นมาถึงพะเนินทุ่ง ก็เดินหาที่เหมาะกางเต็นท์กันค่ะ ครั้งนี้เราแบกเต็นท์แบกถุงนอนมาเอง 
    แต่มาเช่าเครื่องนอนอื่นๆข้างบน งานนี้เน้นประหยัดค่ะ อิอิจุดนี้เรียกว่าจุดกิโลเมตรที่ 30 เป็นจุดกางเต็นท์ที่ 3 ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดชมวิวพะเนินทุ่ง
    ข้างบนนี้จะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณวันละ 150 คนค่ะ

     

     

    15.00 น. 
    กางเต็นท์ เก็บของเสร็จก็นอนพักผ่อนกันซักแปปนึง ต่อไปก็เป็นเวลาออกล่าแล้ว 
    ออกล่านี่หมายถึงหาอะไรกินนี่แหละค่ะท่านผู้โช๊มมมมมม หิวขนาดนี้ 
    ข้างบนมีร้านอาหารตามสั่งไว้บริการนักท่องเที่ยว นะคะ รสชาติอร่อย มีกาแฟ เครื่องดื่มไว้คอยบริการ
    แต่สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มใหญ่ๆ ก็สามารถทำอาหารทานเองได้นะคะ 
    วันนี้บรรยากาศรอบๆเต็นท์ของเราหอมอบอวลไปหมด นอนพักไป หิวไป 
    ก็ดูสิ คุณพี่ คุณลุง คุณป้า ทั้งทอดหมู ปิ้งบาร์บีคิว เผากุ้ง ... พี่จ๋า.... ใครจะไปทนไหว (ขออนุญาตบุคคลในภาพด้วยนะค๊าาาาา)
    • โพสต์-5
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    17.00 น.
    ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้าเปลี่ยนสีไวมาก ยังไม่หกโมงพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว
    เราเดินมุ่งหน้าไปยัง “จุดชมวิวพะเนินทุ่ง”เดินไปเรื่อยเราก็จะได้พบกับลานกว้างๆ เป็นจุดชมวิวภูเขาสลับซับซ้อน 
    เรียกได้ว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆเลยค่ะ เชื่อไหม ... ไม่เชื่อดูนี่สิคะ18.00 น.
    นั่งชิลล์ดูพระอาทิตย์ตกเรียบร้อย ท้องร้องอีกแล้ว 
    มื้อนี้เราขอฝากท้องไว้กับร้านอาหารตรงจุดบริการนักท่องเที่ยวนี่แหละค่ะ
    มีส้มตำ ไก่ย่าง อาหารตามสั่ง ตบท้ายด้วยของหวาน อยากทานแบบไหน เลือกเอาเลย ^^ก่อนกลับเต็นท์ก็แวะนั่งคุยเม้ามอยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่กันซักหน่อย 
    และอีกอย่างที่เราได้เจอก็คือ เจ้าตัวนี้ค่ะ “เม่น”
    หลายๆคนไม่รู้ แต่พี่ๆเจ้าหน้าที่บอกว่า ทุกๆวันเม่นพวกนี้จะมาหาอาหารด้านหลังครัว ถ้าอยากเจอก็ให้ไปรอเลย

    มแล้ว ดูน้องเม่นเสร็จแล้ว ก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ววว  วว ว


    ***** ที่นี่ตอนกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็น เรียกได้ว่าเย็นตลอดปีเลยหละค่ะ

     

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

    21.00 น.
    “ในคืนนี้มีดาวเป็นล้านดวง แต่ใจฉันมีเธอแค่เพียงดวงเดียว”
    (แหม บรรยากาศแบบนี้ ขอซักเพลงนะคะ อิอิ)
    คืนนี้เดือนมืด แต่ดาวสว่าง ท้องพะเนินทุ่งฟ้าค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับสวยงามมากๆค่ะถ่ายได้ไม่กี่รูปเมฆหมอกก็มาบังดาวหายไปหมดเลย งือออออออ กลับเต็นท์ก็ได้ 
    คืนนี้นอนเร็วหน่อยเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ^^
    (บนนี้จะดับไฟตอนสี่ทุ่มตรงนะคะ ควรมีตะเกียงหรือไฟฉายพกมาด้วย เผื่อเข้าห้องน้ำจะได้ไม่ลำบากนะคะ)

    • โพสต์-6
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    Day 2
    20/11/59
    ตื่นขึ้นมาตีห้ากว่าๆรีบล้างหน้าแปรงฟันออกไปชมความสวยงามยามเช้าของพะเนินทุ่ง
    (ขอกระซิบหน่อยว่าเมื่อคืนฝนตก เล่นเอานอนผวาเลยค่ะ กลัวน้ำท่วมเต็นท์ 5555)
    ทำภารกิจส่วนตัวเรียบร้อย ก็เดินไปยังจุดชมวิวเหมือนเดิม
    บรรยากาศเช้าที่นี่พิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะอะไรน่ะเหรอค่ะ 
    เพราะสิ่งนี้ไง ...............ทะเลหมอกแห่งพะเนินทุ่ง สวยงามสมกับที่รอคอย มาแบบท่วมท้น ไม่ทำให้คุณผิดหวัง
    ซึ่งบางวันถ้าลมแรงหมอกอาจฟุ้งจนไม่เกาะกลุ่ม แต่ถ้าคุณโชคดี คุณจะเจอกับหมอกแน่นๆอ้วนๆแบบนี้ 
    บอกเลยว่าแทบไม่อยากละสายตาเลยทีเดียว ^^

     

    07.30 น.
    ดูทะเลหมอกสวยๆเสร็จ ก็ถึงเวลาอาหารอีกแล้ว (สายกินก็งี้แหละค่ะ)
    ที่นี่มีอาหารขายเยอะแยะเลยค่ะ ทั้งข้าวราดแกง มาม่า กาแฟ โอวัลติน เลือกซื้อเอาตามชอบเลยจ้า

    08.00 น.
    นอกจากจุดชมวิว กม.30 แล้ว ถัดจากนี่ไป จะเป็นจุดชมวิวอีกแห่ง เรียกว่า จุดชมวิว กม.36
    เราโบกรถไปอีกตามเคย ตรงนี้เป็นจุดชมวิวแบบกว้างๆเลย สวยไม่แพ้ด้านบนทีเดียว

    ถัดจากจุดนี้ไปประมาณ 2 กม. ก็จะสุดทางรัก เอ้ย! สุดทางรถแล้วค่ะ
    เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ น้ำตกทอทิพย์ 
    ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าถ้าใครอยากเข้าชมความงามของน้ำตก
    ต้องฟิตร่างการมาพอสมควร เพราะคุณต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 4 กม. กลับอีก 4 กม.
    อุปกรณ์กันทาก กันแมลงต้องพร้อม ไม่งั้นคุณอาจกรี๊ดลั่นป่าเพราะทากก็ได้ค่ะ (อันนี้พี่เจ้าหน้าที่บอกมา)ขาลุยอยู่แล้ว อย่าได้กลัว อิอิ
    ด้วยความอยากรู้ เราเลยลองเดินเข้าไปเส้นทางนั้นดู แต่ไปได้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ กลับดีกว่า 
    ก็ทางเล็กนิดเดียว แถมยังชัน ด้วยสภาพของเราเองก็ไม่พร้อม
    ถ้าขืนดื้อเข้าไป มีหวังลำบากคนไปแบกกลับอีก จะยุ่งไปกันใหญ่ 555-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

    09.00 น.
    หมดเวลาสนุกแล้ว กลับมาเก็บข้าวเก็บของเตรียมบ๊ายบายพะเนินทุ่ง
    ซึ่งขากลับก็อย่างเลยหละค่ะ โบกรถ!!
    รอบนี้มีพี่เสก เจ้าหน้าที่สุดเท่ประจำพะเนินทุ่ง คอยดูแลฝากเด็กตาดำๆให้มีรถกลับ (ดูน่าสงสารมาก 555)
    แล้วเราก็กลับลงมา ผ่านเส้นทางแสนสนุกอีกครั้ง รอบนี้นั่งกระบะ เรียกได้ว่ามันส์สุดๆไปเลยยยยย

    https://youtu.be/ZMPXaWHpxmg

    • โพสต์-7
    เอ็น เอ เอ็ม •  มกราคม 09 , 2560

    ถ้าถามว่าเราได้อะไรจากการไปพะเนินทุ่งรอบที่สอง 
    เราคงตอบว่า “เอาเบอร์ไป” 555555555 โทรคุยไหมเรื่องมันยาว (ล้อเล่นนะค๊า)
    คือประสบการณ์เวลาเดินทาง มันไม่สามารถถ่ายทอดได้ทั้งหมด
    ถ้าคุณอยากรู้ ก็ต้องออกไปสัมผัสด้วยตัวเอง
    เปิดตา เปิดใจ ให้กว้าง ทิ้งทุกอย่าง และเก็บเกี่ยวสิ่งดีดีจากธรรมชาติให้มากที่สุด
    แค่นี้ความสุขก็อยู่แค่เอื้อมมือนี่เอง ^^

    ***********************************************************************************

    ปล.1 สำหรับคนที่ไปพะเนินทุ่ง ที่นี่มีโครงการ “ขยะคืนถิ่น” คือเมื่อเรานำขยะมา 
    เราก็ต้องนำกลับไปไม่ทิ้งไว้ข้างบนนะคะ ถือว่าเป็นการช่วยกันลดปริมาณขยะบนนี้
    ปล.2 ที่นี่เป็นแหล่งธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ 
    เราในฐานะมนุษย์ที่เข้าไปในที่ของสัตว์ป่า เราต้องช่วยกันดูแล และปฏิบัติตามกฎของอุทยานนะคะ ไม่ยากเลย
    ปล.3 ในวันหยุดนักท่องเที่ยวจะเยอะ ช่วงหลังปิดไฟงดส่งเสียงดัง และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
    เพราะบางทีเมื่อคุณส่งเสียงดัง ดูตลก ดูน่ารัก แต่เราอยากบอกว่า อาจจะไม่ได้น่ารักกับทุกคน 
    เพราะเมื่อรบกวนคนอื่น เจ้าหน้าที่จะเชิญคุณลงข้างล่างทันทีนะคะ ขอบอก...