เมื่อโดนช้างเท เลยต้องเซมาสันหนอกวัว

เปียกแค่ไหน ไว้ต้องมาลองกันเอง

สวัสดีสายเที่ยววว

นี่เป็นรีวิวแรกของเราเองที่ริเริ่มคิดจะมารีวิว จากการที่ไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่แล้วแบบ ฮึ๊ยย คันปากอยากเล่า เห็นคนอื่นเค้ารีวิวรายละเอียดดีๆไปเยอะล่ะ กระทู้นี้คิดซะว่าเป็นเรื่องเล่าเม้ามอยจากชะนีน้อยละกันนะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัว มีอะไรผิดพลาดไปก็ช่วยแนะนำ ติ ว่า แต่อย่าด่าแรง 5555

พ้นจากช่วงวิกฤต แล้วค่า ขึ้นเนินลงเนินกันต่อเกริ่นจบล่ะ ป่ะ! ใครจะไปก็ตามมา เรามาลุยป่าฝ่าฝนบนเขากันเต๊อะ

ขอแนะนำตัวก่อน เราเป็นชะนีน้อย ก่อนหน้านี้ไม่ได้เที่ยวไหนมาหลายปีล่ะ มัวแต่เนิ้ด จนเมื่อปีที่แล้วมีโอกาสขึ้นภูกระดึงครั้งแรก ฮึ๊ยย ติดใจเลยค่ะ นี่ล่ะทางของชั้น! จากนั้นเหมือนเสพติดอ่ะค่ะ หาๆๆรีวิวๆตามๆๆ อยากไปทุกที่ในประเทศ จนเจอกระแสเขาช้างเผือกที่มาแรงมากๆเมื่อสิ้นปีที่แล้ว ทีนี้ สมาชิกภูกระดึงคนนึงชื่อน้องเปิ้ลคนงาม แพลนจะไปขึ้นเขาช้างเผือกกับเพื่อนนางไง อิฉันเลยเสนอหน้าเอ้ย เสนอตัวขอเข้าร่วมกลุ่มกับเพื่อนน้องเปิ้ล ชวนกันไปชวนกันมา เอ๊ยได้ 10 คนครบพอดี นัดกันดิบดีเตรียมตัวเทงานแต่ป๊าดดดด จองไม่ได้ตามระเบียบ สมาชิกทั้ง10แตกกระเซนเผ่นหาย T^T เหลือ 3คนถ้วนคือตัวเรา น้องเปิ้ล และพี่อาร์ท(เพื่อนน้องเปิ้ลที่ไปสอยมาได้) ตากล้องสายเที่ยว เที่ยวววววจนถ้ามีโล่นี่หนูคงทำมอบให้พี่ จะเที่ยวอะไรขนาดนี้ แต่ทั้งหมดนั้นเป็นทริปต่างประเทศล้วนๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่จะพาพี่อาร์ทมาตะลุยป่าเมืองไทยพร้อมๆกัน 3หน่อนี้ จะไปไหนกันดี สันหนอกวัวล่ะกัน ใกล้ๆ กาญจนบุรีเหมือนกัน (ตอนนั้นคิดว่าใกล้ 555) พี่อาร์ทไปหาเหยื่อเพิ่มมาได้1คน ชื่อหนึ่ง(เชฟมือ1ประจำทริป) ดูรีวิวนั่นนี่เรียบร้อย ต้องหาคนหารเพิ่มสินะเพื่อความประหยัดค่ะ เลยไปสอยน้องมายด์เด็กน้อยที่ไหนก็ไม่รู้บังเอิญเจอในเพจเฟสบุ๊คสันหนอกวัวว่าน้องกำลังจะไปเที่ยววันเดียวกัน เอาเลยสิคะ ทักไปชวนด้วยความเร่ง อย่ารอช้าเดี๋ยวหยื่อหาย น้องมายด์ เป็นเด็กน้อยปี 1 โดนช้างเทมาเหมือนกัน น้องจึงเปลี่ยนมาสันหนอกวัวกับคุณแม่!!! ค่ะคุ๊ณณณ ฟังไม่ผิด นางพาแม่มาเดินขึ้นสันหนอกวัว คำถามแรกที่ถาม น้องมายด์คะ คุณแม่อายุเท่าไรอ่ะ 40กว่าแล้วค่ะคุ๊ณณณ ตุ่มๆต่อมๆจะรอดกันใช่มั้ยวะทริปนี้ ไอเราก็มือใหม่ไร้ประโยชน์ เอ๊า ไปก็ไป เดินเรื่อยๆเหนื่อยก็พักกันเน๊อะ ดังนั้นสมาชิกทั้งสิ้น 6 คน เย้ๆ พร้อมลุย

คำถามที่ 1 ไปยังไงงเรานัด น้องมายด์กับคุณแม่ไปเจอกันที่ป้อมปี่ ฉะนั้น เหลือ4 ชีวิตนี่ล่ะที่ต้องหาทางไป

แผน 1 ตอนแรกตั้งใจจะไป2วัน1คืนไง ลางานมา2วันพฤ-ศ โอ๊ยยกาญ ใกล้ๆ นั่งรถไฟไปมั้ยขึ้นจากสถานีธนบุรี หาดูรีวิวราคาถูกดีจัง 100บาท ออกซักเที่ยงวันพุธถึงเย็นที่กาญ อ่าว แล้วทองผาภูมิชั้นล่ะ ห่างไปอีกเท่านึง ข่ะ ขอบคุณ ไกลกว่าจากกรุงเทพไปกาญอีก อะไรดลใจทำให้เธอโง่เข้าใจว่ามันใกล้นะ เปลี่ยนแผนค่ะ!

แผน 2 รถตู้ ประมาณ 130 บาทไปลงที่เมืองกาญแล้วต่อรถเมืองกาญไปอุทยาน 175บาท แต่จากกระแสรถตู้คว้ำที่กระหน่ำมาอย่างต่อเนื่องนั้นนน เปลี่ยนแผนค่ะ!

แผน 3 รถทัวร์ ขึ้นที่สายใต้ ปอ.1 100บาท (ประมาณ 2ชม) ขึ้นที่หมอชิตปอ.1 120 (ประมาณ 3ชม) แล้วก็ต่อรถไปอุทยาน 175บาท (ประมาณ3-4ชม) รึไม่ก็บขส.99 กรุงเทพ-ด่านเจดีย์สามองค์ 8ชม.(293บาท) ดูไปดูมาเวลาไม่ได้เอ๊า  เปลี่ยนแผน

แผนสุดท้าย ขับรถไป (ไปซักทีเถอะค่ะไม่งั้นเหลืออีกทางคือโบกรถไปละนะ-0-) จาก2วัน1คืน เปลี่ยนจ้า ไกลขนาดนี้ลาวันพุธเพิ่มไปเลยยยย กลัวเจ้านายไม่ด่า เลยเปลี่ยนแผน พักคืนวันพุธที่ป้อมปี่ ขึ้นเขาเช้าวันพฤ จะได้ไม่ต้องรีบร้อน 

ระหว่างทางก็แวะวัดถ้ำเสือไหว้พระให้อุ่นใจขอให้การเดินทางราบรื่นค่ะ

ไหนๆก็ขับรถมา แวะไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยค่ะในวัดมีวิวงามๆเยอะแยะค่ะ สายกล้องน่าจะชอบ ร้อนนิดๆ พอทนได้

 

ขับรถออกมาจากวัดได้พักนึง พายุเข้าซะงั้น T^T จะขึ้นเขาพรุ่งนี้ จะรอดมั้ยยจะรอดรึเปล่า จะรอดมั้ยยจะรอดรึเปล่า(ขอเพลงประกอบจังหวะด้วยค่ะ) เอาเลยค่ะ ตกมาให้เต็มที่ตกให้หมดฟ้า พรุ่งนี้ขออากาศใสๆ ชั้นเป็นคนโลกสวยสาดลงมาให้เต็มที่ค่ะฝน แล้วพรุ่งนี้ขอฟ้าใสนะ

ขับรถไปซักพัก ผ่านหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมมาได้ 2นาที ก็ถึงจุดหมายป้อมปี่ตามกำหนดการ 5โมงครึ่ง การเดินทางที่ยาวนานกาญนะจ๊ะบุรี เกือบ9ชั่วโมง ไกลอะไรเบอร์นี้ นึกว่าขับไปถึงสุโขทัยแล้ว ถึงแล้ววค๊า ป้อมปี่

เนื่องด้วยคุณแม่และน้องมายด์ท่าถึงรวดเร็ว เราจึงได้พักบ้านพักอุทยานของเจ้าหน้าที่ (บ้านที่เค้าเปิดให้จองตอนแรกเต็ม) เลิศเลอมากเป็นบ้านไม้มี2ห้องนอน มีน้ำอุ่น มีพื้นที่เตรียมของ มีโต๊ะหน้าบ้าน วิวสวยงามหน้าสะพานแขวน ว๊ายยย เพอเฟคหน้าบ้านมีเจ้าของบ้านตัวนึงนอนรอต้อนรับค่ะสะพานสูงแอบเสียวไส้

ตื่นมาตอนเช้าตอนแรกออกมาจากบ้านพักตั้งแต่7โมง ฟ้าขมุกขมัว เมื่อคืนฝนตกทั้งคืนค่ะคุ๊ณณณ ไม่อยากจะคิดถึงทางที่ต้องเดิน พอมาถึงจุดลงทะเบียน สรุปยังไม่เปิดค่ะ ไม่ต้องรีบกันนะเจ้าหน้าที่บอกให้กลับไปนอนต่อ5555 เก็บข้าวเก็บของกินข้าวที่ร้านสวัสดิการพร้อมกับซื้อเสบี่ยงข้าวเที่ยงห่อไปกินเพราะไม่คิดว่าจะเดินไปถึงเร็วแน่ๆ โอ้เอ้ไปมา ลงทะเบียนเสร็จ เกือบ10โมง ได้ไปเป็นกลุ่มรองสุดท้าย  จังหวะที่กำลังลงทะเบียนอย่ะคุ๊ณณ แอบฟังเจ้าหน้าที่เค้าเม้ากัน ว่าวันนี้เขาช้างเผือกปิดไม่ให้ขึ้นเจ้าค่ะ ว๊ะฮะฮะฮะ รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่จองไม่ได้ เป็นไงล่ะพวกเอ็ง แย่งข้าจองดีนัก อดเลย แต่ก็แอบสงสารเล็กๆ บางคนลางานเดินทางมาตั้งไกลสุดท้ายโดนห้ามขึ้น แต่ก็นะเพื่อความปลอดภัยค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าทำถูกแล้ว ว่าแล้วก็หันไปถามพี่ที่รับลงทะเบียน

อิฉัน: พี่คะแล้วขึ้นเรานี่ยังขึ้นได้มั้ยคะ น้ำป่าจะไหลลงมาทับมั้ยคะ

คุณพี่เจ้าหน้าที่ : ได้ค่ะน้อง ของเราขึ้นได้ จะยกเลิกหรอคะ?? (เจ้าหน้าที่ถามเพราะวันนี้มีคนยกเลิกทริปไปหลายกลุ่มมาก ก็แหงสิพยากรณ์อากาศบอกพายุเข้าค่ะ เหลือพวกเรา กะอีกประมาณ 5กลุ่มนี่ล่ะที่สู้ตาย รึไม่ก็โง่ -0-)

ปล.คุณพี่แอบเม้ามอยด้วยความน้อยใจว่ามีแต่คนแห่ไปจองเขาช้างเผือก นี่วันนี้ถ้าพวกที่โดนเขาช้างเผือกเทมาจะไม่รับจอง เช๊อะ! (0___0) หื๊มมมม

คุณแม่ สู้ตายค่ะ

หลังจากเจอเจ้าหน้าที่นำทาง (หน้าตาท่าทางน่ารักน่าแอ๊ว อายุยังเอ๊าะๆพอให้แซวให้กระชุ่มกระชวย ชื่อน้องหนู)  และพี่ลูกหาบแพคของเรียบร้อย (ทริปนี้จ้างลูกหาบเฉพาะของกองกลางประมาณ 25 kg ส่วนเสื้อผ้าของตัวเองแบกกันเองฮ๊าฟ แบกกันให้หลังเด๊าะ ใครจะเอาเดรสส้นสูงมาใส่เดินสวยๆข้างบนก็แบกกันไปตามอัธยาศัย) สำหรับน้ำไม่ต้องเอาไปนะคะ ตอนแรกไม่รู้ซื้อมาตั้ง2แพค กลัวอดตาย สรุปลูกหาบไม่แบกไปให้เค้าบอกเดี๋ยวขึ้นไปข้างบนเค้าตักน้ำให้กินไม่ต้องกลัว แต่ตอนเดินควรเอาน้ำติดตัวไปอย่างน้อยที่สุด 2 ขวดเล็กนะคะระหว่างทางไม่มีเซเว่นให้แวะเน๊อะ แฮร่!

หมายเหตุ ราคาเจ้าหน้าที่นำทาง 2 วัน 1000 บาท ลูกหาบ 25kg 1400 บาทค่า

พี่ลูกหาบประจำทริป ลืมถามชื่อ เสียใจจังเก็บของพร้อมแล้วก็เตรียมตัวขึ้นรถกระบะของเจ้าหน้าที่ นั่งไปจุดสตาร์ทห่างออกไปจากป้อมปี่ประมาณ 9กิโลค่า

ทางขึ้นเป็นทางโค้งไปโค้งมาขึ้นเขา พ้นโค้งลูกแรกสัญญาณโทรสับก็หายไป เออลืมบอกไปที่ป้อมปี่มีสัญญาณทรู ais อยู่ค่อนข้างดียกเว้นแถวๆจุดลงทะเบียนที่สัญญาณมาเป็นพักๆ ส่วนDTACนั้น สัญญาณดีในป่าแต่ว่าไม่ค่อยมีแถวนี้ค่า

หมายเหตุ ค่ารถรับส่งไปกลับ 1000บาทค่า

พร้อมแล้วก็ลุยสิฮะรออะไร!

หน้าทางเข้ามีไม้ให้หยิบ หยิบด้วยค่ะ ช่วยท่านได้

คือไม่บอกก็ไม่รู้อ่ะว่านี่ทางเข้า หลืบมากก

มาถึงจุดทางเข้า ห๊ะ นี่หรอคะทางเข้า ตัดข้างป่ากันแบบนี้เลยโอเค เข้าเลยค่ะ ก่อนเข้าไปหันไปถามน้องหนู

ฉัน : สถิติมีไว้ทำลายค่ะ น้องหนู บอกพี่มา สถิติที่นี่อยู่ที่กี่ชั่วโมง

น้องหนูของพี่ : บางคนสองสามชั่วโมงก็ถึง

ฉัน : หนูจ๋า พี่หมายถึงสถิติช้าสุดค่ะ กี่ชั่วโมง!!!

ทางเดินที่นี่ช่วงแรกไม่ยาก ลงเขาขึ้นเขาสลับไปสลับมาสลับมาสลับไป อะไรของมันวะ มีทางตัดตรงไม่ต้องขึ้นๆลงๆได้มะ T^T ผ แต่เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตก ทางเลยค่อนข้างลื่นก็เดินไปไหลไปจะไหลยังไงก็ได้แต่ต้องไม่ให้ลื่นก้นลงพื้น เพราะกางเกงมีตัวเดียว แต่ฝนเพิ่งตกนี่ก็มีข้อดีนะ ทุกอย่างในป่านี่เขียวสดมากก ชุ่มฉ่ำ สวยงามม ทุกอย่ามีหยดน้ำเกาะ เดินมาได้ไม่ถึงโล เริ่มหอบกันค่ะอย่างที่บอกสมาชิกล้วนฟิตและบึกบึน (หรา) พี่อาร์ทผู้เดินมาแล้วหลายประเทศในโลกเริ่มออกอาการตั้งแต่เนินแรก 200เมตรจากจุดทางเข้า 5555 จะถึงกันมั้ยวันนี้ แต่น้องเปิ้ลสุดสตรองของเราก็ยังคงถ่ายรูปอย่างเมามัน รูปงามๆทั้งหลายในป่านั้นล้วนมาจากฝีมือน้องเปิ้ลนี่เอง 

ผ่านจุดพักจุดที่1 จะเจอหินก้อนใหญ่ๆ พักสิคะรออะไร พักยังไม่ทันหายเหนื่อย เสียงกลุ่มสุดท้ายไล่หลังมา  เชิญค๊า ไปก่อนเลย เรากำลังตั้งใจจะทำลายสถิติกันค๊า

น้องหนูน้อยกลอยใจของพี่คือพ่อหนุ่มใส่หมวกน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้นี่เอง คนที่พาชาวคณะฝ่าฝนจนมาถึงข้างบนจนได้

ผ่านจากป่าเปียกๆเขียวๆ ก็จะเจอช่วงป่าไผ่ค่ะ โอ๊ววว ไผ่เต็มไปหมดบ้องใหญ่ๆอวบๆ นึกว่อยู่ อาราชิยาม่า เจอไผ่นี่รีบมองหาหน่อไม้เลยค่ะ แต่น้องหนุก็ดับฝันว่าช่วงนี้ไม่มีนะ มันจะมีช่วงหลังจากหน้าแล้ง หลังไฟป่า ช่วงนั้นจะมีเยอะ หื๊มมมม งั้นซื้อที่ตลาดก็ได้ค่ะ ไม่อยากเจอไฟป่า

เราแวะกินข้าวกันที่จุดพักที่3 ด้วยความเอ้อระเหยลอยชาย น้องหนูเลยบอกว่าให้กินข้าวกันที่นี่แหล่ะ ไปถึงเนินหมาถอยไม่ทัน (ส่วนมากคนอื่นจะแวะกินกันก่อนถึงเนินหมาถอย) ข้าวหมูกระเทียมที่ห่อมา อร่อยมากกก จังหวะนี้กินข้าวเปล่ายังอร่อยเลยค่ะ หิวสุด

หมอกเริ่มลงเยอะขึ้นหัวเปียกตัวเปียก แต่เอาเถอะ ยังโชคดีฝนยังไม่ตก ระหว่างที่เดินๆอยู่นั้น  อยู่ๆก็ได้ยินเสียงนกร้อง ฟังจากเสียง ตัวใหญ่แน่ๆ สมาชิกเลยหันไปถามน้องหนูจ๋า นกเงือกใช่มั้ย

น้องหนู : #$&(%%$?>

น้องหนูได้แต่ทำร้ายจิตใจพวกพี่โดยการขอให้พวกพี่หยุดมโนแล้วรีบๆเดินกันได้แล้ว (จากนั้น ทุกครั้งที่หันไปถามน้องหนูเวลาได้ยินเสียงนก น้องหนูจะหันมาตอบว่านกเงือกครับ น่าร๊ากกกก)

ในที่สุดก็ถึงเนินหมาถอยในตำนานแล้วค่า

เนินหมาถอยเกือบถอยตามหมา สภาพพื้นที่เป็นทางค่อนข้างชัน บางจุดจะมีเชือกให้จับ ถ้าเป็นดินแห้งๆก็น่าจะเหนื่อยหน่อยตอนเดินขึ้น ฝุ่นคงฟุ้งแน่ๆ แต่พอเป็นดินเปียกๆ โอ๊วววเหนื่อยมว๊ากก เดินขึ้น 3ก้าวไหลลง 1 ก้าว (อันนี้ก้เวอร์ไป 555) ที่ยิ่งกว่านั้น ป๊าดดดดด ฝนเทครัชพี่น้อง เอาให้สุด ไหนๆหมอกก็ทำหัวเปียกไปละ ตกลงมาเลยจะได้บีบแชมพูใส่ทีเดียวค่ะ ระหว่างที่เดินก็นึกอยู่ในใจ คนที่เขาช้างเผือกนี่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ห้ามขึ้นนะ เพราะบางช่วงฝนตกแรง มันน่ากลัวนะฮะพี่น้อง ยิ่งทางชันๆนี่ อู๊ยยย เล็บจิกดินกันสุดชีวิต ตัดสินใจใส่เสื้อกันฝนกันดีกว่าค่ะ 

 

ถัดจากเนินหมาถอยมาหน่อยนึง จะเจอจุดพีคของชั้นละ คนอื่นอาจพีคที่เนินหมาถอย แต่ชั้นเนินหมาถอยนี่พอไหว แต่เหวนี่ อิฉันไม่สู้เลยเจ้าค่ะ เดินๆไปตามทางแคบๆ เรียงเดี่ยว ด้านซ้ายเป็นหญ้าเอียงขึ้นไปเป็น่า ด้านขวาเป็นเหวเทลงไปเลยจ้า มีหญ้าขึ้นประปราย คล้ายๆกับทางของเขาช้างเผือกแต่เป็นเหวด้านเดียว พอถึงจุดนั้นล่ะค่ะ รู้เลย อิฉันนกลัวความสูงงงงงงงงง  ขาสั่นระริกๆถ้าพื้นแห้งนี่อิฉันจะคลานไปแต่ตอนนี้พื้นเปียกไง ถ้าคลานไปตอนนี้พรุ่งนี้ต้องถอดกางเกงเดินนะคะ T^T ดันนั้น อิฉันจึงได้แต่กอดหญ้าด้านซ้ายเดินย่อๆไปตามทาง เดินไปได้50เมตรเจ้าค่ะ เจอลูกหาบไล่ตามหลังด้วยเลยคิดว่าเพื่อไม่ให้พี่เค้าเสียเวลา หลบให้ค่ะ กระโดดเกาะหญ้าด้านซ้าย พี่ลูกหาบบอกว่าเดินตรงนี้ระวังด้วยนะน้อง เห็นรอยทางขวามั้ย มีคนตรงลงไปนะ เค้ามัวแต่ถ่ายรูปเพลิน ห๊ะ! ห๊ะ! ห๊ะ! นี่พี่เค้าเล่นมุขรึอะไร อิฉันได้แต่อึ้งๆไปพร้อมเหลือบตาไปดูทางขวา เชรดดดด มีรอยหญ้าถากๆนิดนึงเหมือนมีคนเคยร่วงจริงๆค่า โอ่ยยยย ขาสั่นนน หลังจากพ้นช่วงนั้นมาได้ก็เจอกับน้องหนูที่ยืนรออยู่ที่ลาน เลยถามซะ เมื่อกี้เขาเล่นมุขรึรอยของจริง สรุปว่า จริงค่ะ!  

น้องหนู : จริง! เคยมีคนตกลงไปนะ ระวังด้วย

อิฉัน : แล้วทำไงอ่ะ ร่วงไปหรอ

น้องหนู : เค้าก็ไต่ขึ้นมาอ่ะครับ พอดีตกลงไปแล้วหญ้าเยอะ เค้าเลยขว้าหญ้าไว้ทัน

อิฉัน : %&**)(_)&%^ หอยหลอด หัวใจเกือบวาย

ทุกท่านที่จะไปเที่ยวป่าเที่ยวเข้า ก็ระวังกันด้วยนะเจ้าคะ ดูทางดีๆอย่ามัวแต่เซลฟี่เพลิน ตาดูทางเถอะ อย่าเพิ่งดูกล้อง เอ็งจะมาไลฟ์สดอะไรกันข้างหน้าผาแบบนี้!!!

หมายเหตุ ช่วงนี้ไม่มีรูปถ่ายเพราะอิฉันกลัวมาก ใช้สมาธิไปกับการเกาะหญ้าอยู่ทำให้ตากล้องเปิ้ลต้องช่วยหามอิฉันออกมาจึงไม่มีรูปมาให้ชม ขอให้ทุกท่านที่กลัวความสูงเตรียมใจไปให้พร้อม แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่กลัวเค้าก็เดินได้ไม่มีปัญหานะT^T

หลังจากผ่านจุดหน้าผา เดินขึ้นลงเขาอีกซัก 3 รอบ (รึมากกว่าก็ไม่รู้อ่ะตอนนั้นเริ่มสติหลุด) ประมาณ 500เมตรค่ะ เราก็มาถึงจุดกางเตนท์ของเรา เป็นกลุ่มสุดท้ายยยยย เฮ้ๆ หันมาดูนาฬิกา โห่ยยยย ทำลายสถิติไม่ได้อ่ะ ใช้เวลาไปเกือบ 7   ชั่วโมง 5555555555 นี่เดินหรือคลานมา ภาพแรกที่เห็นพอถึง งงเลยค่ะ จะทำอะไรต่อ เต้นท์เกิดเหตุคือสีน้ำเงินอันเล็กค่ะ

ฝนตก ลมพัดรุนแรงมากกกกก หมอกลง มีเต้นท์กางเอาไว้อยู่ที่ลาน มีของสัมภาระที่ลูกหาบแบกขึ้นมาถึงก่อน วางกองอยู่ข้างต้นไม้ มีผ้าใบพลาสติกคลุมของและมีลูกหาบนั่งซุกอยู่ใต้ผ้าใบ ใกล้ๆกองของ มีเต้นท์ 4 หลังกางอยู่ ขนาด 2 คน 2 เต้นท์ เต้นท์สำหรับ 1 คน 2 เต้นท์ เงยหน้าขึ้นมา เต้นท์หลังเล็กกำลังกลิ้งม้วนไป 2 รอบ อ๊ากกกก ระวังเต็นท์ปลิวค๊า

ใครซักคนในกลุ่ม : เห๊ยมีคนในเต็นท์ป่ะวะแม่ง ดีนะไม่ปลิวตกเหว

ด้วยความรวดเร็วของน้องหนู วิ่งไปเอาขาคว้าเต็นท์กลับมาไว้ได้

และไม่มีคนอยู่ในเต็นท์ค่ะ

แหงสิอิบร๊า มีคนอยู่มันจะปลิวไหมล่ะคุ๊ณณณณ แต่เต้นท์ใครวะน่าสงสารข้างในน่าจะเปียก สรุปได้ว่าเป็นเต้นท์กลุ่มเรานี่แหล่ะค่ะ ผู้โชคดีได้แก่พี่อาร์ท เฮฮฮฮ้

หลังจากเอากระเป๋าเปียกๆยัดใส่เต้นท์เปียกๆเสร็จ เราก็พยายามที่จะมาเดินเล่น ชมวิว เนื่องจากฝนเริ่มซา  มองไปรอบๆตัวเห็นแต่หมอกขาวๆ พร้อมกับควาามคิดที่เกิดขึ้นมาว่า นี่พวกเราขึ้นมาทำอะไรบนนี้T^T

ลมพัดมาเป็นวูบๆ เห็นหนอกวัวลางๆจางๆเป็นแว๊บบๆ โอ๊วว นี่หรือหนอกวัว ที่เราพยายามคลานขึ้นมากันน เกือบ7 ชั่วโมงของเรา ขึ้นมาให้เปียก รึชั้นต้องมาซ่อม T^T

ทำอะไรไม่ได้ล่ะ แต่ตอนนี้มีปัญหาใหญ่ จะจุดทำกับข้าวกันยังไง เพราะไม้เปียกหมด เจ้าหน้าที่เลยต้องพยายามฝ่าท่อนไม้ออกมาเพื่อเอาไม้ตรงแกนกลางที่ไม่ค่อยเปียกมาจุดไฟ เนื่องจากไฟจุดค่อนข้างยาก ดังนั้นคืนนี้เราเลยจุดไฟกันแค่กองเดียว ทุกกลุ่มที่ขึ้นมาวันนี้ต้องใช้ไฟกองกลางในการทำอารและผิงไฟแก้หนาว (เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าปกติจะจุดให้ทีมละกองไฟ) เฮ้ยยย สเปเชียลว่ะ นี่คนอื่นขึ้นมาไม่เจอแบบนี้ นี่พวกชั้นเป็นคนพิเศษ VIP โอ๊ววน้ำตาจะไหล

บนเขาสันหนอกวัว พี่ลูกหาบจะไปตักน้ำมาให้เราไว้ใช้ กินและล้างหน้าแปรงฟัน นอกจากนี้พี่เจ้าหน้าที่จะมีหม้อสนามให้ยืมพร้อมทั้งต้มน้ำร้อนไว้ให้ค่า

 

คืนนี้เนื่องจากมันหนาว เราต้องมาผิงไฟรวมกัน ทำให้เรารู้จักคนอื่นๆที่มาเที่ยวด้วย มีทั้งจ๊ะจ๋า สาวสวยที่มาเที่ยวพร้อมกันแฟน (คือดีมากก  อยากมีโมเม้นนี้ หันไปซบไหลกับไอเปิ้ล T^T) กลุ่มน้องๆจากมหิดลและสมาชิกจากทีมอื่นอีกมากมาย เราได้มานั่งเล่นเกมทายคำโง่ๆ กับใครที่ไม่เคยรู้จัก เห๊ยยดีอ่ะ ถ้าวันนี้ฝนไม่ตก พวกเราคงไม่ได้มารู้จักกัน ไม่ได้มาล้อมวงเล่าเรื่องฮาๆ พร้อมกับเอารองเท้าที่เปียกๆมาปิ้งไฟคู่กับมาชแมโล 0__0 ปิ้งไปปิ้งมา ยางละลายหัวรองเท้าเปิด ขอบคุณค่ะ- -' ดีนะเตรียมมาเผื่ออีกคู่ ตลอดการละเล่นรอบกองไฟจะมีเจ้าหน้าที่  มาคอยดูแลและช่วยเหลือ ต้มน้ำให้พร้อมเรื่องเล่าฮาๆตลอดเวลา(เจ้าหน้าที่วีระ เรื่องเล่าเด็ดมากฮะ) ขอบพระคุณมากจริงๆค่ะ

4ทุ่ม ได้เวลาแยกย้ายไปนอนพร้อมสวดมนภาวนาให้พรุ่งนี้ฟ้าเปิดฟ้าใส ขอให้ฉันเห็นซักหนอกเถอะเพี๊ยง

กลางคืนนอนไม่หลับด้วยความหนาว คือหนาวมากกก ลมตีเต้นท์กระหึ่ม ในใจก็คิด ชิบหาย พายุเข้าอีกละ เอาวะ ช่างมัน มาซ่อมก็ได้ (ขออีก3ปีค่อยมา) นอนไม่หลับขาเย็นมากก ถุงเท้าและกางเกงลองจอนกันหนาวเอาไม้อยู่เพราะประตูเต้นอยู่ทางช่องลมผ่านและปลายเท้าอยู่หน้าเต้นท์พอดี ต้องนอนจับเท้าทั้งคืน ทรมาณมากค่ะ

ตื่นมาตอน6โมงเช้าสวดมนต์ 1 จบ เผื่อความหวังจะเป็นจริง เปิดประตูเต้นท์ออกมา โว๊ยยยยย หมอกไปหมดแล้วโว๊ยย  ไม่ต้องซ่อมแล้วโว๊ยยยยยยยย จังหวะนั้นดีใจมากค่ะ อยากจะรีบวิ่งมารอพระอาทิตย์ขึ้น แต่หนาวเกินแปรงฟันไม่ไหว ด้วยความเป็นกุลสตรีไทยเอาวะ น้ำยาบ้วนปากทดแทนไปก่อนแล้วก็วิ่งขึ้นสันหนอกเล็กไปเลยค่ะหอมฉุย

ทางขึ้นสันหนอกเล็ก ก็แอบน่ากลัวนะคะ ข้างๆเป็นเหวอีกแล้ว อิฉันมีปัญหากับทางแบบนี้ เห็นแล้วจะเป็นลมให้ได้ ตื่นเต้นกว่าเวลาเจอหน้าผู้ชายหล่อๆอีกค่ะ ข้างซ้ายที่เห็นนั่นเทลงไปเลยนะ

อิชั้นเลยต้องเดินเอียงซ้ายตลอดเวลาดังที่เห็น มารู้ตัวอีกทีตอนเจ้าหน้าที่บอก อย่าไปซ้ายเยอะครับ มีเหวเหมือนกัน แค่มีต้นไม้บังอยู่

เอ๊าา บอกให้เร็วกว่านี้มั้ยอีกนิดนึงจะตกแล้วนะในที่สุดก็เห็นชัดๆเต็มตา สันหนอกวัวในตำนาน เจอกันแล้วนะพ่อรูปหล่อ ของจริงดูยิ่งใหญ่มากกกก ดูในรูปมันก็เป็นแค่เนิ่นอะไรยื่นมา แต่ของจริงแบบ โอ๊วววว ใหญ่เป้งงง ประทับใจค่ะ ชอบมาก ทริปนี้ได้เจอทุกสิ่งที่ไม่เคยเจอ ได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งฝนทั้งพายุทั้งหมอกเปียก หนาว กาวรองเท้าละลาย เพื่อนใหม่ ลุ้นระทึกฟ้าฝน ลุ้นละทึกพระอาทิตย์ ถึงมาซ่อมอีกทีคงไม่เจอสภาพนี้อีกแล้ว ตอนมาเริ่มทริปรู้จักแค่เปิ้ลคนเดียวพอกลับไปได้เพื่อนเต็มไปหมด ขอบคุณโชคชะตาที่มาแบบแปลกๆ ที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกัน ทะเลหมอกกกกกเจ้าหน้าที่วีระ หัวหน้าแก๊งเด็กรอบกองไฟกับสาวเปิ้ลวิวเขาเรดาห์ค่ะ เป็นพื้นที่ของทหาร ไม่สามารถเข้าไปได้นะคะ

 

 

ตอนที่กำลังถ่ายรูปเล่นกับเพื่อนในทีมอยู่นั้น พี่อาร์ทก็บอกว่าไปหาคนเยอะๆมายืนต่อแถวถ่ายรูปกัน ก็เลยไปชวนคนอื่นที่ยืนถ่ายรูปอยู่แถวนั้น(ใครก็ไม่รู้)มาต่อแถวถ่ายรูปกัน เลยได้มาเป็นภาพที่น่ารักอบอุ่นแบบที่เห็นนี้แหล่ะค่ะ ดูอบอุ่นดีเนอะ แหะๆ ขอบพระคุณทุกคนมากเลยค่ะที่มาร่วมสร้างความทรงจำดีๆร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้ สันหนอกวัว กาญจบุรี

 

หมายเหตุ ข้างบนเขามีส้วมหลุมแต่ถ้าใครไม่สะดวกใจก็เข้าป่าได้เลยค่ะ อิชั้นไปลองส้วมหลุมมาครั้งแรกในชีวิต สะเทือนนิดๆแต่ก็พอรับไหว สภาพเป็นส้วมขุด มีไม้พาดไว้ให้มีผ้าใบสีดำกั้นรอบทิศ มีถุงขยะใบใหญ่อยู่ข้างใน ในหลุมเหมือนถูกกลบด้วยอะไรซักอย่างที่เป็นฝุ่นๆสีขาวๆ ประเด็นคือ ฉี่แรงไม่ได้นะ แม่งฟุ้ง 555555555555 พีคตรงนี้

งบคร่าวๆของทีมอิชั้นคนละประมาณ 1700 ค่ะ แล้วแต่ปริมาณการกิน

สุดท้ายแล้ว ขอบคุณรูปภาพประกอบสวยๆจาก พี่อาร์ทช่างภาพเบอร์ 1 น้องเปิ้ลช่างภาพสายอินดี้ของเรา ที่อนุญาตให้นำภาพที่ถ่ายมาใช้ประกอบการรีวิวค่ะ ส่วนภาพไหนกากๆเบลอๆนั่นก็กล้องไอโฟนน้อยของอิชั้นเองเจ้าค่ะขออภัย

สุดท้ายจริงๆเล่าให้ฟังเฉยๆ พออิชั้นลงเขาผ่านมาวันนึง ระหว่างทีกำลังนั่งทำงานอยู่ที่ทำงานเจ้าค่ะ ปวดฉี่ เดินมาเข้าห้องน้ำระหว่างที่กำลังเข้าห้องน้ำเจ้าค่ะ อิฉันเจอเห็บบบบ!!!!! เกาะอยู่ที่พุงอิชั้นเจ้าค่ะ เอ่อะ คือว่า คือ อาบน้ำมา2รอบแล้วสินะ เย็นกับเช้า อิชั้นว่าก็ถูสบู่แล้วนะT^T รึจริงๆแล้วมันจะคือเหา ไม่เกี่ยวอะไรกับป่าเขาเลย

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบเจ้าค่ะ <3 ครั้งหน้าฟ้าใหม่ จะมาเม้ามอยใหม่เจ้าค่ะ