ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เดอะแก๊งปากหมาฯ พาหลง…ตามรอยเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พิชิตยอดเขาหลวงสุโขทัย เขาหลวง-สุโขทัย (Khao Luang-Sukhothai) จ.สุโขทัย
    • โพสต์-1
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    เริ่มต้น>>>ไปตามใจ...ไม่ได้ตามแผน

    จากแผนการที่วางไว้จะไปน้ำตกทีลอซู ทริปใหญ่ประจำปีของเดอะแก๊ง…ปากหมา...หน้าสวย

    เป็นอันต้องยกเลิกเพราะมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่ในเมื่อโดดงาน ลาพักร้อน และบอกเพื่อนฝูงไว้แล้วว่าจะไปเที่ยว… ก็ต้องไป >>>>

    เปลี่ยนแผนภายในครึ่งวันเช้าในวันเดินทางว่าจะไปที่ไหนกันดี

    สรุปจบ>>>จากน้ำตก>>>เราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่เขาหลวงสุโขทัยหละกัน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้เหยียบไปที่เมืองเก่าสุโขทัยจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ชาติไทยให้รำลึก และขอย้อนตามรอยเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่เคยเสด็จทางเท้าพิชิตยอดเขาหลวงเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2537

    รอบนี้สมาชิกเดอะแก้งค์ไปกันครบพร้อมหน้าพร้อมตา แถมน้องนุชคนสุดท้องที่ขอมาร่วมกะเดอะแก๊งฯ

    ยินดี๋ ยินดี ถ้าคุณสมบัติครบคือ 1. แกร่ง ทน ถึก  2.ปากหมาเข้าขั้นพอน่ารักไม่ชวนตบตีกะชาวบ้าน และ 3. มั่นหน้าว่าสวย เรายินดีให้ร่วมทริปเสมอ

    ต้องรื้อกระเป๋าขนเสื้อกันหนาวยัดใส่แทนชุดเล่นน้ำ เต้นท์ที่ตระเตรียมต้องรื้อเก็บเพราะเลือกที่จะเช่าเต้นท์ของอุทยาน เมื่อเดอะแก๊งฯ เจอกันพร้อมหน้า เมาท์มอยส์จนลืมอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่าง ยกเว้นช้อนกะส้อมที่ต่างคนต่างเตรียมเป็นอาวุธประจำตัว แต่เดอะแก๊งฯ ไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะที่อุทยานมีร้านค้าสวัสดิการฯ ขอไปตายเอาดาบหน้าหละกัน ฮึฮึ เริ่มออกเดินทางเวลาเกือบ 3 ทุ่ม 

    จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านนครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปจนถึงกำแพงเพชร แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 101 จนถึงอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ก่อนถึงจังหวัดสุโขทัย 20 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 414 จะเห็นยอดเขาสูงอยู่ทางซ้ายมือแล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 16 กิโลเมตร   ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง

    ระหว่างเดินทางเกือบเที่ยงคืนแวะหามื้อเย็นของวันเพราะต่างคนต่างรีบมาเจอที่จุดนัดหมาย สาวเท่ห์บ่นหิวเพราะยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลยขอรวบ 2 มื้อเป็นมื้อเดียว ณ เวลานี้อะไรจะดีไปกว่าข้าวต้มร้อนๆ 

    เมื่ออิ่มท้องต้องหาจุดพักสายตา เราขับรถกันไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง นครสวรรค์-กำแพงเพชร เข้า – ออกรีสอร์ทหลายแห่ง แต่ยังไม่ค่อยถูกใจกับราคา เพราะขอแบบเดอะแก๊งฯ คือ เปิด 2 ห้อง และนอนกัน 3 และ 4 คน ในราคาที่ไม่บวกเพิ่ม 5555

    ในที่สุดก็ตกลงปลงใจกับที่นี้ “มังกี้รีสอร์ท” จำพิกัดไม่ได้เพราะมัวแต่สอดส่ายสายตาหาที่พักอย่างเดียวไม่ได้ดูระหว่างทางเลย ถูกใจกับราคา 450 บาทต่อห้อง อืม!!!! ก็ถือว่าใช้ได้  

    ใช้เวลานอนเพียง 4 ชั่วโมง เดอะแก๊งฯ ต้องไปต่อตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1

    ไม่ลืมที่จะแวะหาเสบียงเพื่อไม่ให้ท้องว่าง มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ เดอะแก๊งฯ จึงจัดหนักข้าวเหนียวไก่ย่าง ขนม นม เนย ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำเต้าหู้ เพื่อให้มีแรงเดินขึ้นเขา ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตาชีวิตว่าหนทางข้างหน้าจะโรยด้วยดอกไม้อะไร ^^       

    กองทัพอิ่มท้องต้องเดินทางต่อตามเส้นทางหลวงหมายเลข 101 เห็นลิบๆ ยอดเขาที่โดนปกคลุมด้วยเมฆหมอก ยังพูดเล่นกันในรถว่า “นั้นไง เขาที่เราต้องไปพิชิต” สาว(เหลือ)น้อยสิงห์สุพรรณโอดครวญ “ช่ายหรา…คงไม่ช่ายมั้ง…” พร้อมถอนหายใจอึดใหญ่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจและความพร้อมของร่างกาย

    ระหว่างชมบรรยากาศข้างทาง ไม่นานก็ถึงเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ติดต่อเจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่คอยมาต้อนรับ จริงๆ แล้ว พี่ๆ เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมตัวต้อนรับ​คณะอธิบดี ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาตรวจราชการต่างหาก พวกเราเลยได้รับอานิสงส์ 555 คิดมโนเองว่ามารอต้อนรับคณะเราเลย 555 ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 40 บาท และค่าจอดรถคันละ 30 บาท

    พี่ลูกหาบ หรือจะเรียกลุงลูกหาบดี 555 คิดราคาค่าบริการแบกข้าวของกิโลกรัมละ 25 บาท ชั่งน้ำหนักแล้วแค่ 40 กิโลกรัมเอง รวมของบรรดาพี่ๆ เจ้าหน้าที่ฝากขึ้นไปด้วย สบายบรื้ออออ ลุงบอก แต่ลองไปยกแล้วไม่ว่าจะเอาท่าไหนก็ไม่ขึ้นเลยสักนิด 555

    เดอะแก๊งฯ จึงรีบจัดแจงรวบสิ่งของที่จำเป็นรวมอยู่ในกระเป๋าใบเดียว ขอย้ำเน้น !!! สิ่งของจำเป็น เท่านั้น เพื่อความประหยัด 555 ที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ ต้องใส่กระเป๋าเป้ของแต่ละคน อ่ะ อ่ะ อย่าลืม!!! ขวดน้ำประจำตัวคนละ 1 ขวด

    สั่งข้าวกระเพราไข่ดาวคนละ 1 ห่อ จากร้านสวัสดิการด้านล่างพกติดตัวไปกินระหว่างทาง 

    ก่อนขึ้นเขาหลวง พี่เจ้าหน้าที่ขอชี้แจงและเล่าเรื่องราวประวัติเล็กๆ น้อยๆ ของเขาหลวงสุโขทัย เขาแห่งนี้เป็นเขาศักดิ์สิทธิ์มีเรื่องราวมากมาย แต่อยากให้ทุกคนไปฟังเอง เดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น 555 แถมได้ข้อคิดดีๆ จากพี่เจ้าหน้าที่ว่า “จงอย่าเอาอะไรออกมาจากป่าเว้นแต่ภาพถ่ายและความทรงจำ และจงฝากเพียงแค่รอยเท้าไว้ให้กับผืนป่า”

    ว่าแล้วขอไหว้พระ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อยเถ๊อะ เพี้ยง!!! ขอให้เจอเนื้อคู่ เฮ๊ย!! ขอให้เดินทางปลอดภัย 555

    เริ่มเดินทาง... ขณะนี้เวลา 11.30 น. กับเส้นทาง 3,720 เมตร หรือ 3.72 กิโลเมตร ใจสู้..รึป่าว??? ชีวิตการเริ่มต้น ลั้ลลากันน่าดู >>> 555  

     

    • โพสต์-2
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ก้าวต่อไป>>>ในป่าใหญ่....^^

    เส้นทางการเดินร่มรื่น ใจยังหวั่นๆ ว่าจะเจอฝน แต่ไม่ต้องห่วงพกเสื้อกันฝนมาพร้อม ^^

    สองข้างทางชุ่มชื่น ต้นไม้ใหญ่ยังคงมีให้เห็นตลอดเส้นทาง

    ด้วยทางที่เดินเป็นทางชันตลอดเส้นทำให้เดินมาเพียง 630 เมตรก็ขอพักเพราะมันหมดแรงข้าวเหนียวไก่ไปนานแล้วตอนนี้ใครไหวขอให้ล่วงหน้าไปก่อน เพราะเรารักกันจึงขอท่องสุภาษิตส่วนตัวที่ว่า "แยกกันเราอยู่ แต่ถ้ารวมตัวกันอาจตายหมู่ได้" 555

    ณ เวลานี้ ลูกอม ยาดม ยาหม่องที่ติดตัวมาเริ่มใช้งาน น้ำที่พกมาเกลี้ยงไปตอนไหนแต่ไม่ยักกะปวดฉี่ เหงื่อออกยิ่งกว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ 

    ท้องเริ่มหิว เราเดินมาเกือบชั่วโมง ว่าแล้วก็พักแวะกินข้าวที่พกมา เผื่อน้ำหนักที่แบกรับข้าว 1 ห่อจะเบาลงมาสักนิด  ขณะนี้อยากแปลงร่างเป็นผีเสื้อที่บินฉวัดเฉวียนเยอะเย้ยชาวเดอะแก๊งฯ มากมายจะได้บินขึ้นไปอย่างใจคิด

    ไปต่อกัน ข้าวในห่อยังไม่หมด เพราะแต่ละคนกินได้ทีละน้อยด้วยความเหนื่อยและอาจเจอจุก

    นี่ถือเป็นการพักยกแรก

    เดินกันไปหอบกันไป มีบางช่วงยกขาก้าวไม่ขึ้นเหมือนอยากตัดขาทิ้งเพราะรู้สึกหนักเป็นภาระ 555 บางจังหวะเหนื่อยและคิดถึงเก้าอี้เบาะนิ่มๆ แต่พอนึกได้ว่าเส้นทางนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เคยเสด็จ ทำไมเราจะไปต่อไม่ได้ ฮึด !!!! สู้ สู้ 

    ตามจุดที่พักจะมีถังขยะ และถังเติมน้ำ เป็นน้ำดิบสามารถดื่มได้ ขอบอกรสชาติอร่อย บริสุทธิ์เย็นชื่นใจ แต่ฝากไว้สำหรับคนที่ธาตุอ่อนอาจท้องเสียได้ เพราะสมาชิกในแก๊งฯ โดนมาแล้ว แต่สำหรับเราธาตุหนักเลยจัดไปเต็มๆ ทั้งขาขึ้นและลง สบ๊ายยยยย

    เริ่มลิ้นห้อยและหอบเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ขอนั่งพักยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนือสักนิดส์ เพราะตอนนี้ขาเริ่มไม่สามัคคีกัน ใจสั่งให้ก้าวแต่ขาบอกหยุดก่อนเถอะ เซกันไปมา สะดุดกันเองก็มี 555

    ยาดมยาหม่องที่พกติดตัวได้นำออกมาใช้ เสียงฟืดฟาดกันเป็นระลอกใหญ่ 555

    เดินไป ชมต้นไม้ต้นเล็กต้นน้อยสองข้างทางกันไป หอบกันไป จากที่ส่งเสียงแซวคนโน้นคนนี้ เริ่มเงียบกริบได้ยินแต่เสียงของแม่วัวหอบฟืดฟาด 5555

    ในที่สุดเดินทางมาได้ครึ่งทาง ก็ถึงจุดพักชมวิว

     

               
    • โพสต์-3
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    จุดสิ้นสุดคนพันธุ์อึด>>>>

    หายเหนื่อยไปสักแป๊บ ลุยต่อเราเลยมาเกินครึ่งทางแล้ว     

    ระหว่างทางผ่านถ้ำ จำไม่ได้ว่าชื่อถ้ำอะไร แต่มีรูปปั้นจำลองของพระแม่ย่า (เป็นท่านแม่ของพ่อขุนรามคำแหง ทราบหลังจากสอบถามพี่เจ้าหน้าที่) แต่ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ

    เพราะขณะนั้นกำลังเหนื่อยและหูตาลาย เดินมองก้มเพื่อดูทางตลอดไม่ได้เงยหน้ามองป้ายใดๆ อีกอย่างก็ไม่กล้าเข้าไปในถ้ำเพราะมันเริ่มมืด ขอเก็บภาพแค่นี้หละกัน ^^

    จุดหมายต่อไปของเราต้นไทรใหญ่ โอ้โห้!!! ลำต้นใหญ่แผ่กิ่งก้าน รากปรกคลุมดิน ว่าแล้วขอนั่งพักชื่นชมสักแป๊บก่อนไปต่อ

    อีก 200 เมตรกับเส้นทางจะถึงจุดกางเต้นท์แล้ว อึด!!! แรงขาสุดท้าย ลุย+++

    ในที่สุดก็มาถึงจนได้>>> จุดสิ้นสุด...คนพันธุ์อึด...

     

       
    • โพสต์-4
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    ถึงร่างแหลก...ก็ขอคลานไปดูพระอาทิตย์ตก...^^

    เมื่อถึงจุดหมาย ขณะนี้เวลา 15.30 น. เดอะแก๊งฯ ใช้เวลาเดิน 4 ชั่วโมงเป๊ะ สภาพแต่ละคนไม่อยากบรรยาย เหมือนจะคลานไป 555

    อารมณ์นี้นึกอะไรไม่ออก ต้องการเพียงอย่างเดียวคือน้ำอัดลมเย็นๆ โชคดีนะที่มีร้านค้าสวัสดิการฯ บริการอยู่ด้านบนนี้ด้วย

    อัดกันไปคนละกระป๋อง ขอพักเอาแรงแพร๊บ พี่เจ้าหน้าที่เลยต้องเป็นธุระจัดการเรื่องเต้นท์ที่หลับที่นอนเพราะเห็นสภาพสาวๆ แล้วคงสงสาร ^^ ราคาเช่าเต้นท์หลังละ 450 บาท ก็ถือว่าคุ้มเพราะถ้าแบกขึ้นเองคงไม่ไหว

    เดอะแก๊งฯ มารอบนี้ไม่ใช่วันหยุดจึงทำให้มีพื้นที่ในการจับจองกางเต้นท์อย่างสบายใจ อุทยานฯ นี้เป็นของเรา 555

    พักเอาแรงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต้องไปต่อจุดหมายของเราคือการไปชมพระอาทิตย์ตก ระหว่างสอบถามกับพี่เจ้าหน้าที่ เราจะต้องเดินอีกประมาณ 2 กิโลเมตร  สมาชิกมองหน้ากันโดยไม่มีเสียงตอบใดๆ เข้าใจได้ถึงสายตาที่ส่งมาว่า ขอไปตรงจุดพระอาทิตย์ตกพอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากันไหม 555 เอ้า!!! เอาไงเอากัน

    แผนที่เส้นทางเดินไปแต่ละจุด เจ้าหน้าที่บอกจุดยอดฮิตในการดูวิวและบรรยากาศ คือ ภูกา แม่ย่า และผานารายณ์ แต่เดอะแก๊งฯ บอกเดินไหวแค่ไหนแค่นั้น ตอนนี้ขอสารภาพยอมจำนนหมดใจแล้วคร้า ^^

    รวบรวมพลังเดินต่อ ตั้งต้นที่ค่ายพักแรมจุดมุ่งหมายคือ เขาพระเจดีย์กับเขาแม่ย่า เอ้า!!! 1...2...3 เดิน

    ถึงแล้วเขาพระเจดีย์ แค่ 320 เมตร แต่กว่าจะลากสังขารกันมา 555 ตรงจุดนี้พี่เจ้าหน้าที่บอก มันเป็นความเชื่อ... ใครรับราชการอยากจะให้ก้าวหน้าในหน้าที่การงานให้อธิษฐานและเอาหินไปวางต่อๆ กันเป็นเจดีย์ อย่าให้ล้ม แต่ถ้าบังเอิญล้มก็อย่าคิดมาก 555

    ส่วนใครที่มีธุรกิจก็ให้อธิษฐานและเอาหินวางไว้ฐานให้มั่นเพราะจะได้หนุนส่งเสริมกัน ณ จุดนี้ ก้อ..แล้ว..แต่..ความเชื่อส่วนบุคคลนะ แต่เดอะแก๊งฯ ไม่อยากลบหลู่จึงขอทำตามด้วยละกัน อาจมีผิดพลาดบ้างต้องขออภัย ^^

    เราต้องไปกันต่อเขาแม่ย่า เพราะพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าแล้ว

    แต่เดินไปไม่ทันไร พระอาทิตย์ก็เริ่มลดแสงหลบหลังก้อนเฆม เดอะแก๊งฯ จึงขอปักหลักตรงก้อนหินใหญ่ เดินไปไม่ถึงแล้วเขาแม่ย่า ขอชื่นชมตรงมุมนี้นะค่ะ ^^

     เต็มอิ่มกับบรรยากาศ ลืมไปเลยว่าคืนนี้เราจะกินอะไรกัน เพราะอุปกรณ์เครื่องครัวและเสบียงไม่มีหลงเหลือ จะมีติดเป้คือขนมเล็กๆ น้อยๆ คงต้องกลับไปสำรวจร้านค้าสวัสดิการฯ แล้วว่ามีอะไรกินบ้าง ^^

    ด้วยความเหนื่อยและเพลียเมนูคืนนี้จึงเป็นต้มมาม่ากับปลากระป๋อง มันอร่อยสุดๆ ยิ่งได้แย่งกันกินในถ้วยคัพเดียวกัน มันเพลินไปอีกแบบ คืนนี้จึงรู้สึกฟินกะมาม่าอุ่นเคล้าอุณหภูมิที่เย็นสบายแค่ 16 - 17 องศา อาร๊ายมันจะปังเวอร์ขนาดนี้ ^^

    จากระเบียบของอุทยานฯ กับนักท่องเที่ยวที่มีอยู่ไม่ถึง 10 เต้นท์ ช่างเงียบสงบ เดอะแก๊งฯ ฟินจังกับบรรยากาศขอหลับเอาแรงเพื่อตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นอีกครั้ง 

    นั่งถามตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมพวกเราต้องมาที่นี้?? ทำไมเลือกที่จะเดินขึ้นเขาแทนที่จะขับรถสบายๆ นอนบนดินแทนที่จะนอนบนที่นอนนุ่มๆ อุ่นๆ นั่งถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำมีความสุขหรือไม่??? ขอตอบเลย มีความสุขมากมาย เคยได้ยินมาว่าเราต้องอยู่กับธรรมชาติเพื่อให้ธรรมชาติบำบัดความเป็นสัตว์สังคม บำบัดอารมณ์ที่ขุ่นมัวและร้อนรนออกซะบ้างถึงจะเติมเต็มให้กับชีวิต อาจจะจริง... อ้าวเพ้อไปไหนอีกแล้ว นอน นอน แล้วพบกันพรุ่งนี้ พอดีบรรยากาศมันพาไป ^^

       
    • โพสต์-5
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    เช้าวันใหม่...เพิ่มพลังใจให้ไปต่อ>>>

    ตื่นเร็ว!! พระอาทิตย์ออกมาทักทายแล้ว.... สาวห้าวเมืองเหนือ กะ สาวสวยเมืองคอน​ศรีฯ รีบวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อไปให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานารายณ์ 

    ส่วนป้าแก่ๆ ขอนอนอืดอยู่ที่เต้นท์แล้วแหวกดูผ่านประตูเต้นท์ละกัน เหอะ เหอะ

    ที่อุทยานฯ มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่อนข้างสะอาด แต่สังเกตว่าห้องน้ำหญิงจะน้อยกว่าห้องน้ำชาย ซึ่งแปลกจากที่อื่น อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ขึ้นมาที่นี้เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง 

        จัดแจงแต่งกายเก็บกระเป๋าเตรียมพร้อมก่อนลงจากเขา กองทัพต้องเดินด้วยท้องเดอะแก๊งฯ จึงไปพึ่งร้านค้าสวัสดิการฯ อีกเช่นเคย เมนูมื้อเช้าคือ มาม่า โจ๊กคัพ และปลากระป๋อง 

    ก่อนกลับไม่ลืมแวะทักทาย "น้องแพนเค้ก" หมาสาวเจ้าถิ่น ที่ตอนนี้ท้องเสียแล้ว 555 พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า น้องแพนเค้ก เป็นดาราประจำรีวิว สามีของนางตอนนี้ไปหลงหมาสาวๆ ข้างล่างปล่อยให้น้องท้องโย้อยู่ลำพัง โธ่!!! น่าสงสาร

    ถึงเวลาต้องกลับ เวลาดีเดย์ 08.30 น. พอดิบพอดี ขาลงจากเขารู้สึกทรมานกว่าขาขึ้น จึงต้องขอพึ่งไม้เท้าค้ำยันเพื่อช่วยให้มีแรงขาและบรรเทาอาการเจ็บข้อเท้า

    สังเกตป้ายืนมองน้องๆ วิ่งลงจากเขา ส่วนเราขอเวลาทำใจแป๊บ 555

    ระหว่างเดินลงเขา รอบนี้มีเวลาได้ชมนกชมไม้สองข้างทาง แม้จะมีอาการเจ็บเข่าเจ็บข้อและนิ้วบ้าง แต่เราก็ทำเวลาได้ดีทีเดียว  ระหว่างทางเจอนักท่องเที่ยวเดินสวนมา มีจังหวะทักทายตามประสาคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี สู้ๆ นะค่ะ ไม่ไกลแล้วเดี๋ยวก็เจอทางสบาย ไม่มีทางราบเลย ชันตลอด 555 พูดจบสังเกตสีหน้าผู้เดินสวน มีแอบงอนแถมหน้ามุ่ยนิด ๆ จึงหยอดไปว่า ไม่เท่าไรหรอกน้องขนาดพวกป้าๆ ยังเอาชีวิตรอดเล้ย 555   เจอน้องหมาวิ่งนำหน้าเจ้านายขึ้นเขามาด้วย น่ารักมากมาย

    เราทำเวลาขาลงดีมาก 3 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง แต่สภาพเท้าบวม เจ็บน่องและข้อเท้ากันไปตามๆ กัน ลงจากเขาหลวงจึงขอเพิ่มพลังด้วยสปอนเซอร์กันคนละขวด เข้าใจความรู้สึกคนที่หลงป่าเลยว่าสภาพจะหนักขนาดไหน และดีใจขนาดไหนเมื่อได้หลุดออกมาจากป่า รีบเดินทางไปต่อ ไหนๆ ก็มาสุโขทัยแล้วขอไปชมเมื่องเก่าประวัติศาสตร์ชาติไทยสักหน่อยเถ๊อะ>>>>  

    แต่พอลงจากเขาสมาชิกทุกคนหิวจัด ขอจัดส้มตำปลาร้า จ๊กข้าวเหนียว ซุบหน่อไม้ ตำแตง ตำป่า ตำมั่ว ไก่เชียรบุรีอีกตัวครึ่ง ฟาดกันเสียภาพพจน์ก็ไม่สนใจแล้วในเวลานี้ จนเจ้าของร้านตกใจว่ากลุ่มสาวๆ กลุ่มนี้ไปตายอดตายอยากมาจากไหน ไม่ทันถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานจริงๆ แม่ค้ายกมาให้ พรึบเดียวหมด 5555

    • โพสต์-6
    Taya@ •  พฤศจิกายน 10 , 2559

    เติมเต็มใจ>>>กับประวัติศาสตร์ก่อนกลับกรุง

    ลงจากเขาหลวงฯ รีบหาที่พักในเมืองสุโขทัยกันต่อ วนหาอยู่ไม่นานเทา่ไรก็มาติดใจที่ "สุโขทัยเกสท์เฮ้าส์" และการต้อนรับของป้าสายฝน เจ้าของเกสท์เฮ้าส์ ที่ถูกใจอีกอย่างคือป้ายอมที่จะให้เดอะแก๊งฯ เช่าห้อง 500 บาทโดยไม่จำกัดจำนวนคน ส่วนเราก็ไม่ใจร้ายยัดกันหมดในห้องเดียวหร๊อก จึงขอเปิด 2 ห้อง สบายใจแฮ้ 555

    ขอแนะนำเลย ป้าสายฝนใจดี น่ารัก เกสท์เฮ้าส์หลังนี้ ป้าบอกเปิดมา 20 ปีแล้ว บรรยากาศสบายมีต้นไม้และดอกไม้มีกลิ่นหอมนวลๆ ชวนผ่อนคลายดีทีเดียว ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นแขกต่างบ้านต่างเมืองโซนยุโรป ใครสนใจหรือจะสอบถามเส้นทางโทรไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง 055 610 453 หรือ 08 4050 8096 

    ป้าสายฝนที่แสนใจดี และทันสมัย สุโค๊ย!!!!

    หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เดอะแก๊งฯ จึงมุ่งหน้าไปต่อ จากตัวเมืองสุโขทัยไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 12 ตรงตลอดทางจะเจออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยประมาณ 12 กิโลเมตรก็ถึง เดอะแก๊งฯ มาในช่วงที่อุทยานฯ ยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าชมให้กับนักท่องเที่ยว โดยให้เข้าชมฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดชฯ    

    ก่อนอื่นจึงขอกราบสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อเป็นศิริมงคล

    ช่วงนี้ขอชื่นชมเมืองเก่าของเราแต่ก่อน...สักแป๊บใหญ่    

    สวยสมคำเล่าลือจริงๆ ขอแนะนำให้มาเห็นด้วยตาเพราะจะสวยกว่าภาพถ่ายเป็นไหนๆ 

    ถึงเวลากลับแล้วสิ ก่อนกลับเลยแวะกินมื้อเช้าที่ร้านขนมจีนบ้านนา ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย

    อิ่มท้องหละกลับบ้านได้ แล้วค่อยเจอกันใหม่นะเดอะแก๊งปากหมา หน้าสวย อิอิ

     

    ขอสรุปค่าใช้จ่ายประจำทริป คนละ 1,911 บาท

    อาหารมื้อหลัก 9 มื้อและมื้อยิบย่อย ทั้งมื้อเล็ก มื้อจัดหนัก มื้อเบาๆ เรียกน้ำย่อย พร้อมขนมขบเคี้ยว

    ค่าที่พัก ณ มังกี้รีสอร์ท นครสวรรค์ 1 คืน ห้องละ 450 จำนวน 2 ห้อง 

    ค่าลูกหาบกิโลละ 25 บาท ไป - กลับ เที่ยวละ 500 บาท

    ค่าเช่าเต้นท์อุทยาน 1 คืน หลังละ 450 จำนวน 2 หลัง

    ค่าเข้าอุทยานฯ 7 คนๆ ละ 40 บาท และค่าจอดรถ 2 คันๆ ละ 30 บาท

    ค่าที่พัก ณ สุโขทัยเกสท์เฮ้าส์ 1 คืน ห้องละ 500 จำนวน 2 ห้อง

    ค่าน้ำมันรถไป-กลับ คันละ 2,000 บาทจำนวน 2 คัน

    ค่าสึกหรอรถยนต์ คันละ 700 จำนวน 2 คัน