ภาพที่รถไฟจอดอยู่เหนือระดับน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ทอดยาวเป็นทางโค้ง

เราหลายคนเคยเห็นผ่านตามาบ่อยครั้ง

 

และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้ไปสัมผัสบรรยากาศจริง หลังจากที่คอยติดตามเรื่องราวมาหลายปี

ในที่สุด!!ก็กลับมาเปิดอีกครั้ง กับรถไฟขบวนนำเที่ยวบนเส้นทางที่สุดจะ Unseen 

ปีนี้เปิดให้บริการทั้งหมด 6 รอบด้วยกัน คือวันที่ 14 15 21 22 28 และ 29 มกราคม 2560

โดยมีอัตราค่าโดยสาร (ไป-กลับ) เริ่มต้นจาก

สถานีกรุงเทพ,สามเสน,บางซื่อ,บางเขน,หลักสี่,ดอนเมือง,รังสิตและอยุธยา ราคา 270 บาท

สถานีสระบุรีและแก่งคอย ราคา 110 บาท

สถานีแก่งเสือเต้น ราคา 60 บาท (ตั๋วยืน)

สามารถจองตั๋วได้ที่สถานีรถไฟทุกสถานี หรือโทร.1690 (ล่วงหน้าก่อนเดินทาง5วัน)

((หากต้องการวิวที่ดีที่สุดควรจะเลือกนั่งทางขวาของขบวนรถไฟ))

 

เชื่อว่ามีหลายคนที่ไม่เคยเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟ อาจมีหลายคำถามเกิดขึ้น

ร้อนมั้ย สบายรึเปล่า นั่งนานมั้ย เหนื่อยรึเปล่า

บอกได้เลยว่าคุณควรทิ้งคำถามเหล่านี้ไปซะ เพราะสิ่งที่คุณจะได้พบเจอมันมีแค่รถไฟเท่านั้นที่จะพาคุณไปได้

บรรยากาศสองข้างทางมันทำให้คุณลืมเหนื่อย และจุดหมายปลายทางของทริปนี้มันจะทำให้คุณรู้สึกตื่นตาตื่นใจ

 

เราเริ่มเดินทางจากสถานีดอนเมือง

รถไฟเสียเวลาไปประมาณ 20 นาที แต่นี่แหละเสน่ของรถไฟ ถ้าตรงเวลาก็ไม่ใช่รถไฟสิจริงมั้ย

ระหว่างรอรถไฟแนะนำให้ซื้ออะไรกินรอไปก่อนเพราะหากขึ้นรถไฟแล้วการนั่งมองดูคนรอบข้างมาพร้อมเสบียง

มันอาจทำให้เรารู้สึกหิวตามได้จริงๆ (โดนมาแล้ว)

และแล้วรถไฟของเราก็มาถึง

รถไฟนำเที่ยวขบวนนี้เป็นรถไฟชั้นสาม บรรยากาศภายในดูสะอาดเบาะนั่งยังใหม่อยู่มาก

และอย่างที่เราบอกไว้ว่าหากอยากได้ที่นั่งวิวดีๆต้องจองด้านขวาของขบวน

((ซึ่งข้อเสียของมันก็แค่คุณต้องโดนแดดช่วงเช้า แปปเดียวเองเนาะ))

 

ส่วนเรานั้นตอนจองตั๋วก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย ได้ตั๋วที่นั่งทางซ้ายไปสิ

ระหว่างทางก็นั่งชมวิวข้างทางสวยๆไป (นั่งทางซ้ายวิวข้างทางจะมีสายไฟอยู่ด้วยตลอดทาง)

นั่งไปสักพัก ด้วยเสน่ของรถไฟที่มีลมปะทะหน้าตลอดเวลา และถูกขับกล่อมด้วยเสียงของรถไฟ มันก็ทำให้เราเผลอหลับไป

ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงผู้โดยสารทางด้านขวาช่วยกันเปิดม่านบังแสง มันทำให้เราสะดุ้งตื่น

และหันไปมองด้วยความตื่นเต้น ใกล้ถึงแล้ว เห็นน้ำแล้วจ้า  

คนนั่งทางซ้ายอย่างเราทำไงดีล่ะ รีบเดินไปขอเค้าถ่ายรูปด่วนๆๆ  กลับมานั่งสักพัก รถไฟก็ไปจอดอยู่เหนือสะพานกลางน้ำ ให้ทุกคนลงไปถ่ายรูป 30 นาที 

นี่แหละจุดที่เราบอกไว้ว่า รถไฟเท่านั้นที่จะพาเรามาได้ และมันไม่ได้พาเรามาบ่อยๆนะ ปีนี้มีแค่ 6 วันเท่านั้น

อยากพลาดหรอ ไม่ควรพลาดนะ เพราะไม่รู้ว่าปีหน้าเค้าจะเปิดรึเปล่า

30 นาที ผ่านไปไวมาก เราไม่สามารถหยุดความตื่นเต้นนี้ได้เลย ทุกคนกลับขึ้นรถไฟเดินทางต่อไปที่สถานีปลายทาง

เมื่อถึงสถานีโคกสลุง รถไฟก็เปลี่ยนทิศ ย้อนกลับไปทางเดิมให้เราได้ชมบรรยากาศที่ผ่านมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่จอดแล้ว

ถึงแล้วสถานีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

รถไฟจอดส่งทุกคนที่สถานีนี้และเรามีเวลาในการเที่ยว 3 ชั่วโมง รถไฟจะกลับมารับ

สำหรับเราแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่มาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 

"เจ้าหน้าที่ที่ถือธงสีแดงจะพาท่านไปนั่งรถชมสันเขื่อน"

"เจ้าหน้าที่ที่ถือธงสีส้มจะพาท่านไปชมศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ"

เสียงประกาศจากเจ้าหน้าที่ประจำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่รอพาทุกๆคนเที่ยวชมเขื่อนอยู่

เราเลือกที่จะนั่งรถชมสันเขื่อนก่อนเนื่องจากใช้เวลานานที่สุด ประมาณ 1 ชั่วโมง

ค่าบริการในการนั่งรถเที่ยวชมสันเขื่อน ผู้ใหญ่ 25 บาท และ เด็ก 10 บาท

มาแล้ววว รถนำเที่ยวของเรา

เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสองจังหวัดคือ ลพบุรีและสระบุรี (ใหญ่มาก)

ระหว่างนั่งชมเขื่อนอยู่เราเจอกับกลุ่มนักปั่นจักรยานปั่นแซงไป 

และตอนนี้เราก็มาถึงจังหวัดสระบุรีแล้ว รถจอดให้เราลงไปสักการะ หลวงปู่ใหญ่ป่าสัก 15 นาที จากนั้นรถก็นำเรากลับทางเดิม เป็นเขื่อนที่ใหญ่และสวยมากจริงๆ

หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปที่ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ เด็กๆหลายคนชอบมาก เราก็ชอบเหมือนกัน^^

ปลาตัวใหญ่มาก บางคนมานั่งพักเพราะข้างนอกก็เริ่มร้อนแล้ว จากนั้นเดินต่อไปอีก มีจุดให้เราได้ให้อาหารแกะ ป้อนนมแพะ

อีกกิจกรรมหนึ่งของที่นี่ ซึ่งเราว่าเหมาะกับครอบครัวและเด็กๆชอบกันมากๆคือ การขี้ม้าและนั่งรถม้า

และหากบางคนอยากนั่งรถกอล์ฟก็มีบริการให้เช่า ราคา 2 ชั่วโมง 500 บาท (ถ้ามีผู้สูงอายุมาด้วยก็เหมาะมาก)ก้มดูเวลา เหลือเวลาอีก 1 ชั่วโมง ให้เราได้หาอะไรกินและเดินเที่ยวชมผลิตภัณฑ์ OTOP ของที่นี่ และเวลานี้ก็มาถึง ช่วงเวลาสุดท้ายของทริปนี้

หมดเวลาสนุกแล้วสิ

รถไฟมาจอดรับเราก่อนเวลาและก็ออกเดินทางตามเวลาที่กำหนดเป๊ะ

จบแล้วสำหรับทริปนี้ บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรพลาด โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆนะ

 

หลายคนอาจจะคิดว่า ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย

แต่สำหรับเรานั้นนอกจากรถไฟลอยน้ำแล้วสิ่งที่ได้มามากกว่านั้นคือความรู้เรื่อง "เขื่อนของพ่อ"

ประโยชน์มหาศาลที่พ่อได้สร้างไว้ให้พวกเราทุกคน 

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

https://www.facebook.com/takeabreakanywhere/

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------