มีแต่คนไป รถไฟลอยน้ำ


รถไฟลอยน้ำ คนเยอะแล้วจะถ่ายอะไร ก็ถ่ายคนไง!
หลายคนคงทราบกันดีแล้วกับรถไฟขบวนนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์หรือที่เราเรียกกันว่ารถไฟลอยน้ำ ไปหลอกเด็กไม่ได้นะ ว่ามันลอยอยู่ในน้ำตุ๊บป่องเหมือนเป็ด ต้องอธิบายว่าวิ่งบนรางปกตินั่นแหละ แต่มันผ่านเขื่อนนะลูก ข้างทางมันเป็นน้ำ แล้วเหมือนเรากำลังลอยอยุ่บนน้ำเลยค่ะลูก
เปิดทริปมา 1 เดือนกระแสดีมาก จนเปิดรอบเดือนกุมภาพันธ์ ติดต่อสอบถามเรื่องตั๋วกันเองที่ 1690 นะคะ อันนี้ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ชัดเจนเท่า จนท.นะ
กระแสดีจนคนไปเยอะมาก หลายคนบ่นเพราะไม่ชอบคนเยอะ ไปแล้วก็ถ่ายติดคน แต่สำหรับคนที่เที่ยวคนเดียวบ่อยมากอย่างเรา ก็ชอบนั่งรถไฟเที่ยวซะด้วย เลยไม่อยากพลาด ทำใจนะว่าต้องเจอกับคนเยอะ และเจอกับอะไรบ้าง และนั่นไม่ใช่ปัญหา เราแค่คิดว่า ถ้าคนมันเยอะเราก็ถ่ายคนซะเลย
แล้วถือว่าเป็นทริปหัดถ่ายรูปไปในตัว ทริปสั้นๆ วันเดียวเอง ภาพทั้งหมดถ่ายจากมือถือซัมซุง แต่งภาพด้วย VSCOCAM นะคะ ไม่มีกล้องเทพอะไรทั้งนั้น ไปกันแค่มือถือนี่แหละ รีวิวนี้สาระอาจจะไม่ค่อยมี มีแต่รูปล้วนๆ เผื่อจะเป็นไอเดียสำหรับคนที่กำลังจะไปและไม่รู้ว่าจะต้องถ่ายอะไรบ้าง การเก็บภาพการเดินทางนี่แหละ เป็นภาพที่มีชีวิตมากที่สุดแล้ว
เมื่อคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว ต้องไปเที่ยวกับคนอื่น กับขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ คนอื่นรีวิวไว้เยอะแล้วเนาะ เลยไม่ต้องรีวิวการเดินทางอะไรมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการไปคือ ตั๋ว! ได้ตั๋วมาก่อนก็โชคดีเท่าไหร่แล้ว เพราะตั๋วจองยากมาก เต็มเร็วมาก
เช้าวันที่ 28 มค. 60 ตาลีตาเหลือกเพราะตื่นสาย เกือบไม่ทันรถไฟ 07.10 น. อ้าวรถไฟเลท 15 นาที ก็ยังดีกว่าตกรถไฟนะ เคยโดนมาแล้วไง ตกรถไฟขบวนนำเที่ยวนี่แหละ รถไฟหวานเย็นรับคนแต่ละสถานีมาเรื่อยๆ
    ขึ้นรถไฟปุ๊บ ตารางท่องเที่ยว เดี๋ยวมี จนท.มาแจกเอง         ใครชอบถ่ายภาพแคนดิด ถ้ามานั่งรถไฟแล้วไม่มีเลยซักรูป ถือว่าพลาดมาก มันดูมีชีวิต และกำลังใช้ชีวิต                 ได้ที่นั่งในมุมไม่ค่อยดีไปหน่อย เลยไม่ค่อยได้รูปสวยๆ จะยื่นมือออกไปถ่ายข้างหน้าต่าง ก็เกรงใจ                 เอกสารแจก บอกเราว่ากิจกรรมในวันนี้มีอะไรบ้าง ทำตามเอกสารนั่นแหละค่ะ ไปดูรถไฟจอดกลางเขื่อนแล้วถ่ายรูป กินข้าว เดินเที่ยว ซื้อของ นั่งรถไฟกลับ รายละเอียดคร่าวๆก็เป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่สำคัญเล็กๆน้อยๆที่ห้ามมองข้ามที่อยากแนะนำคือ อากาศร้อนมากกกกกกกกกกก เส้นนี้ค่อนข้างแล้ง ต้นไม้ข้างทางไม่เขียวเหมือนสายเหนือ สิ่งที่ต้องเตรียม! และควรมี คือ เสื้อแขนยาว ร่ม หมวก แว่นกันแดด ผ้าคลุม ยาหอม ยาลม หรือผ้าคาดปากเวลานั่งรถไฟ เพราะจะมีทั้งฝุ่นและเศษใบไม้ปลิวเข้ามา ไม่ต้องแต่งตัวสวยมาก ลากส้นตึกไป แต่งตัวธรรมดาให้คล่องตัว เพราะอาจมีปีนขึ้นปีนลงระหว่างรถไฟจอดถ่ายรูป                   ถึงเขื่อนแล้วทุกคนก็ต่างกรีดร้องกันอย่างบ้าคลั่งเพราะอากาศร้อน มะ มะ ม่ายช่าย แดดดีก็จริง แต่ลมพัดตึงตะลึงตึงตึงมาก ดูจากหน้าตาแต่ละคน คิดว่าชอบนะ                    
ไม่ต้องกลัวถ้าร่วงลงไป มี จนท.รอช่วย อย่างมากแค่อายและเครื่องมือสื่อสารพัง และไม่อยากกลับมานั่งรถไฟลอยน้ำอีก แค่นั้นเอง







ในส่วนของวิวนั้น โล่งๆ สุดลูกหูลูกตา เสาบังนิดหน่อย แต่เราว่าสวย





ในส่วนของงานแอบถ่ายนั้น





















นี่ถ้าใครมาเจอรูปตัวเอง บอกเราลบได้นะถ้าไม่ชอบ แต่นี่คิดว่ารูปพวกเธอดูดีสุดแล้ว ถึงแอบถ่าย เผื่อเจอแล้วเอาไปเก็บไว้ได้ จะได้จดจำไว้ว่าเรามาขบวนเดียวกัน

เดี๋ยวเราก็ไปพักทานเข้าแล้วนะ มีเวลาให้แวะถ่ายรูปแป๊บนึงระหว่างรอหัวรถจักร














พักทานอาหาร ถ้าเป็นไปได้อย่าเอ้อระเหย เลือกนาน เล็งแล้วคิดแล้วตัดสินใจ เพราะคนเยอะมาก คือทริปนี้นั่งรถไฟไปก็จริง แต่เวลาไปพักทานข้าว มีนักท่องเที่ยวที่เอารถส่วนตัว มาเป็นครอบครัวด้วย ไม่ได้มีแค่พวกเรานาจาาาาา ของเราเดินพุ่งไปข้าวมันไก่จานเดียวก่อนเลย ขนาดอาหารจานเดียวแต่รอนานมาก ถ้าอยากขึ้นรถรางนำเที่ยว ถ้าทานข้าวนาน เดินเล่นข้างนอกนาน ล้านเปอร์เซ็นที่จะไปไม่ทันนั่งรถรางชมเขื่อน เป็นไปได้ให้ทานข้าวเร็วที่สุด หรือไม่หิวมาก ไม่ต้องทาน แล้วไปเข้าคิวซื้อตั๋วนั่งก่อน หรือเอาข้าวมาจากบ้าน ทานบนรถไฟก่อนเลย (อย่าเอาที่มีกลิ่นแรงมากๆขึ้นมารบกวนคนอื่นพอ) หรือลงจากรถไฟปุ๊บค่อยหาที่นั่งทาน ส่วนเราทัน แต่รอบสุดท้ายพอดีและไปคนเดียวด้วย ซื้อที่เดียวเลยสะดวก

มาคนเดียวไม่ต้องกลัวเหงา ยิ่งคล่องตัว หาโต๊ะง่าย ขอนั่งกับคนอื่นได้ มีแต่คนคุยด้วย ชวนกินขนม ชวนเดินเที่ยว เค้าคงกลัวเราเหงามั้ง ไม่เลย ชินแล้วววววว ถนัดเดินถ่ายรูปคนเดียวมากกว่า





จนท.ประกาศตลอดว่าสำหรับคนที่นั่งรถไฟมาต้องนั่งได้กี่รอบ เหลืออีกกี่คน เพราะจะหมดรอบ 13.30 น.เป็นรอบสุดท้าย นั่งรถชมเขื่อนใช้เวลาไป-กลับ 50 นาที จะทำให้กลับมาไม่ทันรถไฟออก 15.00 น. อันนี้ต้องเชื่อ จนท.นะ อย่างอแง เพราะเค้าคำนวณไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่ทัน คนอื่นก็เฟลนิดหน่อยหลังจาก จนท.ประกาศว่าไม่ทันแล้ว ส่วนหนึ่งก็หาที่กินข้าว ต้องรอนานเพราะคนเยอะ สั่งเยอะ เพราะมาหลายคนด้วย อย่างที่บอก ไม่ได้มีแค่คนที่นั่งรถไฟมาเที่ยว มีคนอื่นด้วย มาเป็นครอบครัว ยืนต่อคิวคนนึง แต่ซื้อตั๋ว 5-10 ใบก็มีนะจ๊ะ ตั๋วเลยเต็มเร็วมาก





ตั๋วก็แค่ 25 บาทเอง อย่างที่บอก ให้รีบไปซื้อตั๋วให้เร็วที่สุดหลังจากลงจากรถไฟ อย่าเอ้อระเหย ขอบอกว่าอากาศร้อนก็จริง แต่เวลานั่งรถลมพัดตึง อากาศดีมาก ชมวิวรอบเขื่อน มีไกด์ตัวน้อยคอยแนะนำตลอดทางว่าแต่ละสถานที่ที่ผ่านคืออะไร โรงงานผลิตอะไร ต้นอะไร ซึ่งถ้ามาถามตอนนี้ว่าจำได้มั้ย ก็ไม่แล้ว 55555








ไม่ทันรถรางก็เช่ารถกอล์ฟชมวิวได้ แต่อันนี้ไม่ได้ถามราคามาว่าเท่าไหร่


ขวามือนี่ก็รถไฟผ่านนะ น้องบอกถ้าน้ำขึ้นก็เหมือนรถไฟลอยน้ำเลย


ขึ้นรถรางขาไปก็ยังไม่ได้วิวเขื่อนนะ แต่ขากลับก็ได้วิวเขื่อนอยู่ แต่ทำไมรู้สึกชอบดูฝั่งโรงงานมากกว่าล่ะ






แวะไว้พระอย่าลืมซื้อไอติมกิน มันร้อนนนนนนน



ไม่ได้นั่งครั้งนี้ รอบหน้าก็ต้องมาใหม่เอง งอแงไม่ได้ ถ้าไม่ได้นั่งรถรางชมเขื่อน มีพิพิธภัณฑ์ มุมถ่ายรูป มุมสินค้า มุมโอท็อป สอนทำของโอท็อปไรงี้ก็ไปนั่งดูได้ ของเรายังได้นั่งแค่รถราง อย่างอื่นก็ยังไม่ทันดูเหมือนกันแหละ ก็มีข้อดีข้อเสีย














ก็ยังมีมุมอื่นที่น่าสนใจ












คือแบบ...ร้อนอ่ะยาย



โอ้ยยยยย ร้อนมาก ซื้อของ กลับบ้าน




ได้เวลากลับ 15.00 น. ระหว่างรอ บางมุมของรถไฟก็ไม่ค่อยมีใครถ่าย ว่างมากอ่ะ










สาระหามีไม่จริงๆ บรรยายทุกอย่างด้วยภาพหมดแล้ว ว่าถ้าไปแล้วจะสนุกแบบไหน เจอกันใหม่รีวิวหน้านะค้าบบบบบบบ

เดี๋ยวๆๆ อย่าเพิ่งไป มันยังไม่จบ

สำหรับใครมาถึงหัวลำโพงนี่ก็มืดแล้วเนาะ อย่าลืมเดินออกมาข้างนอกเพื่อถ่ายรูปมุมนี้ งืออออออออ จ๋วยยยยยย

เจอกันใหม่รีวิวหน้านะคะ ใครชอบเที่ยวคนเดียว เข้าไปคุยกับเราในเพจ "จะเที่ยวคนเดียว" ได้นะคะ ดูรูปเพิ่มเติม แลกเปลี่ยนเรื่องเที่ยวกันได้

ไปจริงละ บายยยยยยย