อากาศเย็นแล้ว แพ็คกระเป๋าเดินทางหลั่นล้าไปหาลมหนาว ด้วยเวลาและตังค์อันน้อยนิด จุดหมายปลายทางอยู่ที่เชียงราย ไม่ต้องจองโรงแรมอาศัยนอนบ้านเพื่อน..ทันทีที่ลงจากรถทัวร์ลมหนาวก็กระแทกหน้าโครม ควานหาเสื้อแขนยาวในกระเป๋ามาใส่ เห็นเพื่อนโบกไม้โบกมือให้ เริ่มต้นทริปอันซีนเล็กๆทันที มื้อเช้าเพื่อนลากไปตลาดเทศบาลเมืองที่นี่มีของกินอร่อยๆหลายอย่างแต่ที่ถูกใจเราที่สุดก็ปาท่องโก๋นี่แหละอร่อย กินกับกาแฟร้อนๆเริ่ดมาก

กำลังทอดกันสดๆร้อนๆ นั่งกินไปสิบกว่าตัว อร่อยกรอบนอกนุ่มในไม่อมน้ำมัน

มื้อเช้าเรียบร้อย แว๊นเอาของไปเก็บที่บ้านเพื่อน เตรียมเ

เสื้อผ้าไปเปลี่ยนกลางทางเพราะวันนี้เพื่อนจะพาไปแช่ออนเซ็น

ของไทย...ก่อนแว๊นออกจากตัวเมืองแวะเติมน้ำมันไป 80 บาท ตอนออกจากขนส่งซ้อนมอไซด์มาสั่นหงึกๆ ตอนนี้อากาศเย็นสบาย แต่ก็หนาวล่ะ เพื่อนแว๊นไปตามถนนเส้นเล็ก เลียบแม่น้ำกก ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีก็ถึงจุดหมาย 

ตอนมาถึงนี่แอบแปลกใจเล็กๆ เพราะคนที่แช่น้ำส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเกือบหมด ทั้งเอเชียและยุโรป คนไทยไม่มีแช่น้ำเลย มีสระน้ำร้อนให้ว่ายคนละ 20 บาท ว่ายได้ทั้งวัน หรือใครอยากแช่ส่วนตัวก็หัวละ 40 บาท เรากับเพื่อนเลือกแช่ส่วนตัว อยากได้บรรยากาศออนเซ็นจริงๆ(ว่าไปนั่น)

 

ต้มไข่ได้ มีไข่ขาย แต่พวกเราไม่มีใครชอบกินไข่ต้มเลยบาย

บ่อแช่เท้าฟรี ยังไม่มีใครใช้บริการ เลยลองซะหน่อย ร้อนวูบเลย  สบายเท้ามาก ยิ่งเรานั่งห้อยเท้ามาหลายชั่วโมง รู้สึกโล่งมากๆ นั่งแช่พักใหญ่ๆ ได้เวลาไปแช่ออนเซ็นแล้ว เอาตั๋วที่ได้จากเจ้าหน้าที่ตอนจ่ายตังค์ไปหาเจ้าหน้าที่ในส่วนของห้องออนเซ็น ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่บอกว่าไฟดับ สูบน้ำเข้าไม่ได้ เอาแล้วงัย จ่ายตังค์ไปแล้วตั้งใจมานอนแช่อีกตะหาก ไถ่ถามได้ความว่าคงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าจะสามารถสูบน้ำได้ มองหน้าเพื่อนเป็นเชิงปรึกษา ไหนๆก็มาแล้วรอก็รอ ระหว่างนั้นไปนั่งโซ้ยส้มตำกันพลางๆ ตำปูปลาร้ารสแซ่บ ไก่ย่าง น้ำอัดลมเย็นๆ กินไปกินมาป้าคนขายแถมข้าวเหนียวกับปีกไก่ให้อีกใจดีมั่กๆยกมือไหว้กันรัวๆ อิ่มหนำ นั่งไฟต่อ

โชคดีที่ไฟมาก่อนเวลา เลยไม่ต้องรอนานมาก(แต่ก็นาน) เจ้าหน้าที่รับตั๋วแล้วพาพวกเราไปยังห้องแช่น้ำร้อน

หลังใครหลังมัน บางหลังมีบ่อเดียวบางหลังมีสองบ่อ ให้เวลาแช่ 45 นาที จริงๆแล้วไม่ได้แช่นานขนาดนั้นหรอก เป็นลมกันพอดี ปกติจะแช่กัน 15 นาที ขึ้นมาพักแล้วลงไปใหม่ มีป้ายอธิบายไว้เรียบร้อย  เปิดก๊อกปล่อยน้ำเข้าอ่าง น้ำร้อนกับน้ำเย็นคนละก๊อกชอบขนาดไหนก็ตามสะดวก ปกติออนเซ็นนี่เขาแช่กันที่ 45 องศาถ้าจำไปผิดนะ ตอนไปแช่ต้นตำหรับก็ประมาณนี้ แต่เพื่อนบอกไม่ไหว ร้อนไป เลยผสมให้เย็นลง แต่ก็ออกร้อนแต่ไม่มาก งานนี้ไม่ต้องโป๊เพราะเจ้าหน้าบอกว่าจะใส่เสื้อผ้าลงไปแช่เลยก็ได้ รอดตัวไป …ระหว่างแช่ก็เม้าส์มอยตามประสา ขึ้นจากน้ำมานี่โล่งมากๆ สบายตัวมาก ขึ้นๆลงๆน้ำจนเกือบหมดเวลา อาบน้ำเสร็จก็เอากุญแจไปคืนเข้าหน้าที่  ยังมีอีกที่ที่เราจะไปกันต่อ

ออกจากบ่อน้ำร้อน แว๊นกลับมาทางเดิม ไปเจอน้ำร้อนแล้วกะว่าจะไปเจอน้ำเย็นบ้าง เลยเลือกไปน้ำตกต่อ ใช้เวลาจากบ่อน้ำร้อนไม่นานก็ถึงจุดหมาย

ที่นี่เงียบมากเงียบสุดๆ ไม่มีคนเลย สงสัยไม่มีคนรู้จักหรือไม่น่าเที่ยวก็ไม่รู้ แต่ไหนๆก็มาแล้วต้องไปให้ถึงที่สุด ชมนกชมไม้รายทางกันไป เดินไปเจอชาวญี่ปุ่น(มากันถึงนี่)ตั้งใจจะมาดูน้ำตกเหมือนกัน ก็เลยเดินไปด้วยกัน เมาส์มอยกันแบบรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง 
เพื่อนตะโกนเสียงดังว่ามันสุดยอด..เหรอ ขำกลิ้งกันทั้ง 4 คน ผลัดกันเก็บรูป ก่อนที่จะเดินกลับ อย่างน้อยก็ได้ออกกำลังกายสูดโอโซน เสียเหงื่อไปหลายลิตร แยกย้ายกันตอนถึงจุดพัก เรากับเพื่อนไปนั่งกินขนมกันที่เพิงหมาแหงนที่เจ้าหน้าที่ทำเอาไว้เป็นจุดๆ เอาเท้าแช่น้ำนั่งกินหนมที่แบกมา ก่อนจะกลับ..ระหว่างทางกลับมีอีกหนึ่งที่ ที่น่าสนใจไหนๆก็ผ่านแล้วเลยแวะ
เมื่อเช้าไปบ่อน้ำร้อน บ่ายนี้มาน้ำพุร้อน ต้องลอง แต่ให้แช่คงไม่ไหวตอนนี้เหงื่อโซกเสื้อเปียกหมดแล้ว..เลยหาที่นั่งแช่เท้าให้หายเมื่อย
ปกติจะมีน้ำพุพุ่งออกมา แต่วันนี้มีเป็นระยะๆ ที่นี่มีสระว่ายกับให้แช่ส่วนตัวเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถามราคา มีบ่อแช่เท้าฟรี ใหญ่กว่าบ่อแรก

กลับบ้านตอนตะวันใกล้ลับฟ้าแล้ว เย็นนี้แม่เพื่อนทำหมูจุ่มให้กิน ทำเยอะมากกินกันท้องแทบแตก นั่งคุยสารทุกข์สุขดิบกันก่อนแยกย้าย หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เข้าห้องม่อยทันที ไม่ต้องบอกว่าเพลียขนาดไหน

                รุ่งเช้าตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้าตรู่(มั้ง)พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งอยู่บนฟ้าแล้ว หลังบ้านเพื่อนมีบึงน้ำขนาดใหญ่ มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นชัดมาก เช้าๆจะมีไอน้ำเหมือนหมอกจางๆสวยสุดๆ

หลังจากมื้อเช้า เพื่อนลากขึ้นไปดูวิวเมืองเชียงรายตรงม่อน(เขา)ใกล้ๆบ้าน ที่นี่เราได้เจอกับตำนานที่ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ยาย(คนเหนือ)ชอบบอกว่าถ้าดื้อหรือร้องไห้ตอนกลางคืนระวังแมงสี่หูห้าตาจะมากินตับนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร จนกระทั่งมาเห็นที่นี่

รูปปั้นแมงสี่หูห้าตา คนโบราณเชื่อว่าแมงนี้(ตัวนี้)กินถ่านไฟแดงๆแล้วถ่ายออกมาเป็นทองคำ คนเลยเอาถ่านมาบูชา จะได้มีเงินมีทองตามความเชื่อนั้น

มัวแต่ตื่นเต้นกับตำนาน เลยไม่ได้ถ่ายรูปวิวมุมสูงของเชียงราย มานึกได้ตอนลงมาจากดอยแล้ว จบกัน
บ้านเพื่อนอยู่ใกล้ๆสิงห์ปาร์ค เลยลากมาถ่ายรูป เด๋วจะหาว่ามาไม่ถึง ตอนแรกว่าจะปั่นจักรยาน แต่เพื่อนไม่อยากปั่น เลยเดินๆเอา ลิ้นห้อย ที่ว่าจะไป จะถ่ายรูป สุดท้ายก็ได้แค่ที่เห็น

มาเช้าๆมันดีอย่างนี้นี่เอง ไม่มีคนเลยจ้า เดินๆเก็บรูปแล้วไปเที่ยวกันต่อ งานนี้มาเที่ยวจริงจัง ขณะกำลังจะออกจากไร่ เพื่อนบอกว่าลืมไปวันนี้มีงาน ต้องแวะไปทำงาน เอาสิแล้วเราจะไปเที่ยวยังงัยกันเนี่ยะ สุดท้ายก็ลากไปด้วย งานที่ว่าคือสัมภาษณ์ว่าแล้วเพื่อนก็แว๊นออกนอกเมือง จุดหมายอยู่ที่งานสัมภาษณ์แต่ทำไมยิ่งขับยิ่งเข้าป่า ถึงบางอ้อตอนที่แว๊บเข้าไร่เชิญตะวันของท่าน ว. แต่เพื่อนบอกว่าไม่ได้มาทำงานที่นี่แต่ผ่านเลยแวะเข้ามา

กินมื้อเช้าเกือบเที่ยงกันที่นี่ ได้หมูปิ้งนมสดข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ เริ่ดอย่าบอกใคร นั่งรับลมเย็นๆ ก่อนจะแวะทำบุญกันบรรยากาศเงียบสงบ ลมพัดเย็นสบาย จนเกือบหลับ

ออกจากไร่มามุ่งหน้าไปไร่สตอเบอรี่ที่อยู่ถัดจากไร่มาไม่ไกล เห็นเพื่อนบอกว่าแบบนั้น ขับรถไปเรื่อยๆจากถนนลาดยางกลายเป็นลูกรัง ขับต่อผ่านสวน ผ่านเนิน จนไปถึงจุดหมาย 

เพื่อนต้องมาเก็บข้อมูลที่นี่ แต่ไม่รู้นัดกันยังงัยเจ้าของสวนไม่อยู่ซะนี่

เลยสั่งน้ำสตอเบอรี่สดปั่นมานั่งโซ้ยกลางลมหนาว ที่นี่มีสตอเบอรี่ให้เก็บและขาย คุณแม่เอาสตอเบอรี่สดมาให้ชิม เพื่อนกินคนเดียวเกลี้ยง เราไม่ค่อยชอบกินอะไรเปรี้ยวๆเลยบาย
อากาศดี น้ำสตอเบอรี่อร่อย

                ออกจากไร่ตอนคล้อยบ่าย แว๊นกลับเข้าเมือง วันนี้ชิวๆไปเที่ยวมาหลายที่แล้ว เลยคิดว่าจะกลับไปพักผ่อน เพื่อนเลยพาแวะเข้าไปที่สวนสมเด็จย่า ก่อนกลับบ้าน

รู้สึกดีที่ได้มา บริเวณสวนมีต้นฝ้ายคำ(เพื่อนบอกมา)ออกดอกเต็มต้น ดอกใหญ่มาก สีเหลืองสดสวยสุดๆ....

                กลับถึงบ้านตอนเกือบสี่โมงเย็น เย็นนี้แม่เพื่อนทำขนมจีนน้ำเงี้ยวของโปรดไว้รอ เข้าบ้านไม่พูดพล่ามทำเพลงโซ้ยขนมจีนพุงกาง

                เช้านี้พี่สาวเพื่อนพามาเที่ยวที่เขื่อนแม่สลวย พอเห็นบรรยากาศแล้วอยากมาพักสักคืน แต่เพื่อนบอกว่าจองยากมาก เพราะมีบ้านพักอยู่ไม่กี่หลัง เลยได้แต่เดินสำรวจเอาเท้าแช่น้ำรับลมเย็นๆ

น้ำน่าลงไปว่ายมาก แต่หนาวล่ะ ทำได้แค่เอาเท้าลงไปแช่

ขับรถใหญ่มาเลยตกลงกันว่าจะไปต่อที่ไร่ชาฉุยฟง

มื้อเที่ยงเป็นซาปาเก็ตตี้ราดน้ำพริกอ่อง ชาเชียวเย็น ตบท้ายด้วยเค้กชาเขียว  ก่อนที่จะไปเริงร่าอยู่ในไร่ชาอย่างกะเด็กๆ โดนแซวว่าระวังเมมมือถือเต็ม ถึงได้ออกจากไร่ชา

ปิดท้ายวันด้วยการไปไหว้พ่อขุนเม็งราย ก่อนที่พรุ่งนี้จะไปลุยกันต่อ

เช้าวันที่3 ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ หลังจากใส่บาตรแล้วก็มุ่งหน้าไปตาเส้นทางเลียบแม่น้ำตก ไปเที่ยวบ้านกระเหรี่ยงรวมมิตรกัน สามารถไปได้ 2 ทางคือขับรถไป และนั่งเรือชมสองฝั่งน้ำ ไม่ว่าจะอันไหนก็ต้องเหมาไปทั้งนั้น ว่าแล้วก็ลองซะเลย

                มีท่าเรือหางยาวให้เหมาชมสองฝั่งแม่น้ำกก มาหลายๆคนคุ้ม มาน้อยจะดูโล่งไปนิด

 

โดดขึ้นเรือไปกันเลยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ส่วนข้าพเจ้าจะแว๊นไป เด๋วไม่มีรถกลับ จะเหมาเรือทั้งไปทั้งกลับก็ไม่ไหว เลยต้องเลือก ใครจะนั่งเรือ ใครจะซ้อนท้ายไป

มาถึงก่อนเรือ เลยมานั่งจิบชาเขียวเย็นๆท่ามกลางอากาศเย็นๆ มันยอดมากเลย ..ราวๆครึ่งชั่วโมงก็ครบองค์ประชุม ยามนี้เดินสำรวจคงไม่มีอะไรให้สำรวจ มาถึงที่นี่แล้วสิ่งที่น่าทำคือการนั่งช้างสำรวจ ช้างหนึ่งตัวนั่งได้ 2 คน เหมาตัวละ 300 บาท ตอนไปนี่ญี่ปุ่นมารอคิวกันแยะเหมือนกัน พอพวกเราไปต่อคิวสักแป๊บ มีชาวสแกนดิเนเวียนมาเพิ่มอีก 2 คันรถ 

น้องช้างรอคิวทำงาน

ระหว่างการขึ้น-ลงมันวุ่นวายจนไม่สามารถถ่ายรูปได้ รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นมานั่งบนหลังช้างแล้ว 

เดินกันกลางแม่น้ำกกเลยเชียว ยิ่งเดินยิ่งลึก 

เดินดุ่ยๆๆตามแม่น้ำ ลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน วิวสวยมาก แต่ถ่ายรูปลำบาก โยกไปโยกมาตามจังหวะช้างเดินและเมื่อยเอวสุดๆ กลับมาที่จุดเดิมเล่นเอาร้าวไปทั้งตัวนั่นแหละ เพื่อนที่นั่งเรือมาบอกว่าตอนนั่งเรือกระแทกคลื่นก็เจ็บเหมือนกัน กระดูกกระเดี้ยวสั่นคลอนกันเป็นแถบๆ ออกจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงตอนเกือบบ่าย ปิดท้ายทริปกันที่วัดร่องขุ่น กลับกรุงเทพฯกันแล้วครับคืนนี้

ไปถึงวัดร่องขุ่นหวุดหวิดมาก เป็นคนสุดท้ายที่ได้เข้าไปเลยจ้า ไม่ได้สำรวจอะไรมากมาย เจ้าหน้าที่ปิดประตูไล่หลังมาแล้ว เอาน่ายังงัยก็มาทัน

 

เที่ยวจนนาทีสุดท้ายจริงๆ กลับไปแพ็คของกลับ คืนนี้นอนกันบนรถทัวร์

ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านค่ะ

ปล.1ทริปนี้ยังสงสัยว่าทำไมป้ายทางถึงไม่แสดงเอาไว้ให้ชัดเจน บางป้ายหลบอยู่หลังต้นไม่ บางป้ายหมุนไปหมุนมา ขับรถไปงงไป แล้วป้ายกับหลักกิโลควรปรึกษากันก่อนนะ จะได้เข้าใจตรงกัน(เฮือก)

ปล.2 บางมุมของเมืองไทยก็ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ท การหาข้อมูลล่วงหน้าไว้ก่อนจะได้ใช้ในยามจำเป็น