ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ในวันที่...แบกเป้ลุยเดี่ยว(ครั้งแรก)เที่ยว "นครลำปาง" (เมื่อเพื่อนชอบเท เราก็แบกเป้ฉายเดี่ยว) [Let's go to Lumpang] เมืองนครลำปาง
    • โพสต์-1
    Backpackstyle •  พฤศจิกายน 15 , 2559

    ลำพัง แต่ไม่ลังเล เพราะไปลำปาง

    ต้นทาง : จ. มหาสารคาม

    ปลายทาง: ในเมืองลำปาง , อ. เกาะคา และอ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง

    ช่วงเวลา :11-13 พฤศจิกายน 2559

    การเดินทาง : รถบัสบริษัทเพชรประเสริฐ (สารคาม-ลำปาง)

    สวัสดีชาว the TripPacker นะคะ  ครั้งนี้เป็นรีวิวครั้งแรกของเราเลยและเป็นการแบ็คแพ็คเดี่ยวคนเดียวลุยๆครั้งแรกเหมือนกัน

    ปกติจะนั่งดูแต่รีวิวคนอื่น  แต่ครั้งนี้ได้ทำรีวิวเองแล้ว เย้ๆ  (ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ)

    เริ่มจากการอยากเดินทางคนเดียวก่อนอันดับแรก  อยากรู้ว่าตัวเองจะรอดมั้ยถ้าไปอยู่ในที่ๆไม่มีคนรู้จักเลย(มารีวิวได้...รอดค่ะ555)

    เลยหาเมืองที่คิดว่าไม่วุ่นวายมาก  คนยังไม่เยอะมาก  ปลอดภัยดี

    สุดท้ายก็เลยเลือกเมืองลำปางแห่งนี้ค่ะ

    แล้วหลายคนก็ถามนะคะว่าลำปางมีอะไรเที่ยว  หลายคนก็บอกว่าเป็นเมืองทางผ่าน

    แต่เราไม่คิดแบบนั้นเพราะเราคิดว่าเมืองทุกเมืองมีเสน่ห์ของตัวเอง  อยากรู้ก็ต้องออกมาหาให้เจอแล้วกลับไปตอบคำถามคนๆนั้น

    ว่า...ลำปาง มีอะไรดีๆหลายอย่าง....เดี๋ยวจะพาไปดู

    ปล.ภาพหน้าปกเป็นภาพหน้าพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง นะคะ

    • โพสต์-2
    Backpackstyle •  พฤศจิกายน 15 , 2559

     

    เริ่มเดินทาง+เที่ยววันแรก....

    10/11/2016

    (ก่อนหน้านี้ควรไปจองตั๋วก่อนนะเพราะช่วงนี้รถเต็มเร็ว)

    21.05 ขึ้นรถของบริษัทเพชรประเสริฐ  จากบขส. สารคามไปลงที่บขส.ลำปางได้เลย 

    06.00 ถึง บขส.ลำปาง(ตรงเวลามาก) แล้วไงล่ะทีนี้  ไปหอพักสิคะเพราะวันนี้เรามีแพลนก็เต็มอยู่มั้ง555  ไปไงรถเหลืองเต็มไปหมดลองๆถามป้าแถวนั้น  ให้ไปขึ้นรถเหลืองที่ชานชลา 6 นะ  ตรงนี้จะคิด 20 บาท  ถ้าเป็นตรงอื่นจะคิดแพงป้าแกบอก  ไปสิคะรอไร

    ​บขส.ลำปางค่ะ

    ขึ้นรถเหลืองที่ชานชลา 6

    7.00 ถึงที่พักชื่อ โรงแรมเขลางค์นคร ที่เลือกที่นี่ไม่ได้คิดอะไรมากแค่หนึ่งถูก สองใกล้กาดกองต้าและแม่น้ำวัง  หลังจากเข้าที่พักเก็บของเรียบร้อย  (ก่อนหน้านี้เราโทรติดต่อเช่ารถมอร์ไซด์มาก่อนนะ  ของร้านลำปางเพิ่มทรัพย์ป้ายใหญ่มาก  โทร 054218043) เราโทรไปถามก่อนว่ามีรถว่างมั้ย ร้านเปิด 8.00 -ปิด 17.00 และปิดวันอาทิตย์  พร้อมค่าเช่าวันละ 200  มัดจำ 1000 บาท

    เริ่มออกเดินทาง  ตอนนี้แหละเป็นตอนที่ปวดหัวที่สุด  เพราะหลงทางไงล่ะ  คนที่มาครั้งแรกอย่างเราตอนแรกๆจะงงกับวันเวมากเพราะไม่รู้ว่าซอยไหนยังไง  วนอยู่นั่นแหละกลับไปมาที่เดิม สักพักก็เริ่มไม่ไหวเลยเปลี่ยนใจเป็นเที่ยวข้างนอกเมืองก่อนละกัน

    แผนที่แบบละเอียดของเมืองลำปางจากร้านเช่ารถ เพราะเขาสงสารเราจากการอ้อนวอน555

    ออกเดินทางไปพระธาตุลำปางหลวง อ. เกาะคา  ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กม.

    10.00 นิดๆ ก็ถึงพระธาตุลำปางหลวง  ด้านหน้าจะมีรถม้าเต็มไปหมด  แต่เราไม่ได้ขึ้นีอไปขึ้นในเมืองดีกว่า  แล้วก็ตรงดิ่งไปที่พระธาตุเลยค่ะ

    ทางเข้าพระธาตุลำปางหลวงค่ะวันนี้ วันนี้ฟ้าครึ้มนะคะ

    แต่ข้างในไม่ได้มีแค่พระธาตุนะ  จะมีศาลาอยู่ด้านหน้าสุดก่อนเราก็เข้าไปกราบข้างใน  แล้วด้านหลังไปอีกจะเป็นตัวพระธาตุ

    บริเวณพระธาตุจะมีให้สวดมนต์(มีกระดาษให้)เดินวน 3 รอบ พร้อมกับถือเทียนสามเล่มเขียนชื่อเราลงไปบนกระดาษที่ติดกับเทียนด้วย ช่วยเรื่องโชคลาภประมาณนี้  แล้วก็เอาเทียนทั้งเล่มนั้นไปเผาจนหมด  เสร็จแล้ว

    เขียนชื่อตัวเองลงที่กระดาษเลย

    เผาเทียน

    ด้านหลังพระธาตุอีกนะจะมีโบสถ์เล็กๆอยู่ห้ามผู้หญิงเข้าไป  มีน้องผู้ชายเข้าไปแล้วบอกว่าเห็นเป็นรูปพระธาตุนี้แหละแต่กลับหัว  ภาพเหมือนดูฉายโปรเจกเตอร์

    (วันที่เราไปมีงานกฐินด้วย  เลยมีให้ทำบุญคนเยอะแยะ)

    ด้านหลังไปอีกนะ555 จะมีบ้านไม้เล็กๆ  เป็นที่ประดิษฐานของพระแก้วแต่ตอนที่ไปพระแก้วไม่ได้อยู่ตรงนั้น  เพราะถูกอันเชิญไปทำพิธีตรงไหนจำไม่ได้แล้ว  เพราะถามลุงแกบอกว่าจะย้ายพระแก้วออกทำพิธีแค่ตอนวันลอยกระทงเท่านั้นแล้วก็ย้ายกลับคืนที่เดิม

     

    ที่ประดิษฐานจะอยู่ข้างในล็อคไว้อย่างแน่นหนา

    ออกเดินทางต่อ  เข้าเมืองสิคะ  ก็วางแผนกันตอนนั้นเลยว่าทำไงถึงไม่หลง555 

    วัดแรกในเมืองประเดิมด้วยวัดศรีชุม  เป็นวัดออกแนวพม่าด้วย  เราว่ารูปทรงแปลกตาไม่เคยเห็น  ข้างในก็จะมีลวดลายเป็นเรื่องเล่าของคนสมัยก่อนตามผนังและก็เสาวัด  สวยมากค่ะ

    13.00 และแล้วก็มาถึง ท้องร้อง คือเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า(มีแค่ขนมปัง)  หาร้านเลยค่ะทีนี้จากรีวิวก่อนๆ  เลยจัดร้านนี้ คือร้านก๋วยเตี๋ยวปู่โยง(นิยมโอชา) เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเท่านั้น  มีเฉพาะเส้นใหญ่กับเส้นหมี่ขาว  แต่สิ่งที่เลื่องชื่อลือชาคือ “ลูกชิ้น”  คือคนเยอะมาก  จะบอกว่าร้านเป็นร้านเล็กๆดูเก่าหน่อยในซอยแคบๆมุมถนน  คือเราวนหลายรอบมากกว่าจะได้เข้าซอยนี้5555 มาแล้วยังไงต้องกินให้ได้  พอได้กินเท่านั้นแหละ  เราว่าลูกชั้นอร่อยนะแต่รวมๆ เป็นไปตามสไตล์น้ำใส

    เดินทางไปวัดอื่นๆต่อ  กางแผนที่ตามสเต็ปจ้ะ(คนก็หันมามอง)  วัดที่เขาเล่าอ้างมาว่าสวยคือวัดศรีรองเมือง  เป็นวัดแนวพม่าา  พอเข้าไปข้างในเท่านั้นแหละ  แสงระยิบระยับเต็มห้องเลย  ถ่ายรูปออกมาเหมือนมีดาวเต็มไปหมดสวยจริงๆ  มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในแต่ละจุดของห้อง  ยืนมองสักพักเดินสำรวจสักหน่อยก็เป็นเวลาอันสมควรไปต่อค่ะ

    แต่แล้วทำไมมันหิวอีกแล้วล่ะ555 จัดไปเลย  ตามหาร้านเลื่องชื่อลือชา  เลยพบร้านในรีวิวที่อยู่ใกล้วัดนี้ที่สุดชื่อร้าน ข้าวซอยอิสลาม  จัดไปค่ะเขาบอกว่าสะเต๊ะนะสุดๆ  เราสั่งข้าวซอยไก่กับสะเต๊ะเนื้อ  สะเต๊ะนะที่สุดยอดเราชอบน้ำจิ้มมากๆๆๆๆๆ (ข้าวซอย 35+สะเต๊ะ40) เที่ยวต่อได้

    ลืมบอกไปว่าฝั่งที่เที่ยวอยู่ตอนนี้คือยังไม่ได้ข้ามแม่น้ำวังนะ  เพราะยังมีอีกฝั่งที่ยังมีที่ให้ตะลอนอีก ตามมาเลย

    ประมาณบ่ายสามโมง ข้ามสะพานแม่น้ำวังไปอีกฝั่งเลย  ตามแผนที่นะเราจะไปวัดพระบรมธาตุดอนเต้ากัน  วัดนี้ก็เป็นวัดมีชื่อของเมือง  มีฝรั่งอยู่ทุกที่จริงๆ  ตอนเราไปยังไม่ค่อยมีคนมา  ลืมบอกว่าฝนเพิ่งหยุด เพราะตลอดเช้าที่ผ่านมาฝนปรอยๆตลอด เป็นอุปสรรคมากๆๆๆๆๆเลยนะ (อย่าลืมดูสภาพอากาศก่อนมาด้วยล่ะ) 

    หลังวัดจะมีสระน้ำ  กับทางเดินพญานาคในรูปเลยค่ะ

     

    ไปต่อกันที่วัดพระธาตุซาวหลัง (ซาวแปลว่ายี่สิบนะ) ขับต่อจากวัดพระบรมธาตุดอนเต้าไปอีกนิด  เขาบอกว่าถ้าลองเปลี่ยนด้านนับจำนวนพระธาตุ  จะนับได้ไม่เท่ากันซักที  ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเราตกเลขนะ555

    ตอนนี้เริ่มอิ่มบุญและ(ท้องก็ยังอิ่มอยู่) เลยอยากหาร้านนั่งเล่นชิวๆ  วนในเมืองและก็หลงอีกนิดหน่อย  จนมาเจอร้านชื่อ The prink café & hostel  เป็นร้านที่อยู่ติดกับกาดกองต้าเลย  เราชอบร้านนะตกแต่งน่ารักมาก  มีปลั๊กไฟ  wifi  พร้อม  พอดีชาร์ตโทรศัพท์เพราะเปิดดูแผนที่ทั้งวัน สั่ง ชาเขียวนมกะฮันนี่โทสต์ จริงๆไม่ใช่สไตล์เราเลย  แต่อยากรู้ไงพอชิมแล้วชาเขียวทั่วไป  แต่ชอบฮันนี่โทสส์มันฉ่ำและนุ่มด้วย ผ่านค่ะ มาถึงที่ห้องคิดวนไปมาหลายรอบมากว่าพรุ่งนี้เอาไงกะชีวิตดี  อยากไปพระพุทธบาทปู่ผาแดงแต่สภาพรถไม่น่าไว้ใจ

    แต่มาถึงนี่แล้วจะให้พลาดได้ไง กระตุ้นตัวเองหนักเข้าๆ  ไปสิโว้ยยย..เป็นไงเป็นกัน  รีบนอนเก็บแรงเลยค่ะ (เพราะทางไปไม่ยากหมายถึงตรงไปเส้นทางเดียวเลย ก็เลยจะดูแผนที่พรุ่งนี้)

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-3
    Backpackstyle •  พฤศจิกายน 15 , 2559

    12/11/2016

    วันถัดมาออกเดินทาง 07.30  ฝนปรอยสิคะ โอ้ยยยอุปสรรคเยอะจริงๆ  แต่ใจมันไปแล้วอ่ะ ลุย!!!  จำว่าใช้แค่เส้นทาง 1035 อย่างเดียวเลย  ตรงดิ่งยาวเลยค่ะ  เอาจริงๆคือเส้นทางเราคิดว่ามอร์ไซด์รับได้นะ  ไม่ได้โหดร้ายมาก

    09.30 ถึงที่จอดรถหรือที่ซื้อตั๋ว (2 ชม) ลืมบอกว่าพอถึงที่ว่าการอ.แจ้ห่มเลยไป 1 กม. จะเห็นทางแยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายเลย  เข้าไปประมาณ 3-4 กม.

    อันนี้เป็นลานจอดรถกับที่ซื้อตั๋วค่ะ

    10.00 ซื้อตั๋วก่อนนะ 100 บาท  จะมีรถจอดรอคนเต็มก็ขึ้นเลย  ต้องเป็นรถจากทางอุทยานเท่านั้นนะ  เพราะทางขึ้นมันโหดและอันตรายจริงๆเราคอนเฟริมว่าทางนี่สาหัสจริงๆ เพราะเคยมีอุบัติเหตุตกเหวมาแล้ว (ก็ให้จอดรถเราไว้ที่ลานซื้อตั๋วเลยแล้วขึ้นรถอุทยานต่อ)  แล้วเดินเท้าขึ้นไปอีกประมาณ 700 เมตร

    แต่แล้วจู่ๆก็มีทัวร์จร้า 270 คนเทมาลงครั้งเดียว OMG  เป็นทัวร์วัย 50+ สนุกเลยมีคนให้คุยด้วยและ 555 

    ถึงข้างบนแล้ว  เดินต่อเลยจร้า

    ตอนแรกก็ทางเดินธรรมดา สบายมาก

    แต่ทางขึ้นมีบันไดให้จับตลอดนะ

     

    แต่ทางเนี่ยเป็นบรรไดติดเหวเป็นหน้าผาหินอ่ะ  เรายังขาสั่นแล้วก็ไม่กล้าเดินกระจุกเพราะกลัวบรรไดรับน้ำหนักไม่ไหว  เหนื่อยเอาเรื่องอยู่นะ 

    แต่พอไปถึงเป็นไงล่ะ  หมอกสิคะรอไร OMG หมอกอะไรจะขนาดนี้  ไม่เห็นอะไรเลย  ขาวโพนนนนน ไม่นะๆๆๆ ตอนนั้นเสียใจมาก  คือมองไม่เห็นวิวเลย  ดูรูปเอาเลยละกัน (ทำใจระดับนึงแต่ไม่ถึงขนาดนี้)  เห็นพระธาตุบางส่วน  อารมณ์ไปยืนโดดเดี่ยวบนหอคอยสูง ท่ามกลางทะเลหมอก 360 องศา  แต่เราอยากดูวิว แง้ๆๆๆ

    เป็นเก้าอี้ที่ทุกคนต้องมาถ่าย แต่พื้นหลังนี่สิ

     

    อันนี้คือทางขึ้นไปอีกศาลา  ต้องปีนนิดหน่อยจ้ะ  อากาศชื้นๆ ดินลื่นเล็กน้อย

    พอขึ้นมาถึงจะเห็นพระพุทธรูปและก็วิวหมอก555

    ข้างบนนี้อากาศดีมากเลยนะคะ  ขึ้นมานั่งพักสูดอากาศสักพักและแล้วก็ถึงเวลาอันสมควร เดินลงพร้อมกับเซ็งนิดๆที่เห็นแต่หมอก  แต่ก็ดีใจที่มาถึงที่นี่จนได้

    เดินลงมันถึงเร็วมาก ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลย  แล้วมาขึ้นรถกลับไปลานจอดรถที่เดิมเลยนะ

    ทางเดินลง

    เห็นวิวค่อยชื่นใจหน่อย

    เห็นยอดขาวๆตามไหล่เขากับยอดเขามั้ย  นั่นแหละที่เราขึ้นไปดูกัน 

    พอรถมาจอดที่ลานจอดรถ  ยังมีที่ให้ดูอีกนะอารมณ์เป็นโบสถ์แบบนี้เลย  มันจะเป็นเนินสูงๆ ให้เดินขึ้นไปดูอีก อย่าเพิ่งกลับก่อนล่ะ เพราะโบสถ์สวยดี

    เราว่าแปลกดีนะ ไม่ค่อยเห็นรูปทรงแบบนี้เลย

    และแล้วก็กลับเมืองลำปางเวลา 12.00  เพราะกลัวจะคืนรถไม่ทันต้องทัวร์ต่อ  ขับกลับใช้เวลาแค่ 1.30 ชม เพราะรู้ทางและไม่กลัวแล้ว  แวะเติมน้ำมัน ต่อด้วยเที่ยววัดในเมือง  คือวัดปงสนุก

    ตั้งแต่ถ่ายรูปมาชอบรูปนี้ที่สุดเพราะเหมือนทุกอย่างลงตัวมาก แสง สี

    14.00 ไปทำในสิ่งที่ต้องทำเมื่อมาเมืองนี้  คือ นั่งรถม้าจร้า  ราคาได้แก่ รอบเล็ก 200 บาท  รอบใหญ่ 300  เหมาชั่วโมง 400 (ในใจเราว่าแอบแพงนะ  ยังไงล่ะสเต็ปเดิมไม่ถอยค่ะมาถึงทั้งที)  ขึ้นเลยๆ ลุงแกก็จะแนะนำสถานที่  อาหาร  โรงแรมตรงโน้นถ่ายรูปสวย บลาๆ  สนุกดีแกคุยสนุกมากก  มีเรื่องสมัยหนุ่มบอกสาวตรึม555  กลับมาๆ รถม้าที่เราขึ้นจะอยู่ตรงข้ามศาลากลางเก่านะ 

    ​ตอนที่ไปคือใกล้วันลอยกระทงเขาเลยมีการประดับตกแต่งตามถนนเหมือนในรูปเลย

     

    ไปดูวัดที่ลุงรถม้าบอกว่าสร้างโดยใช้แบบจากวัดร่องขุน เชียงราย  สวยๆ

    ไปต่อกันเลยค่ะที่สถานีรถไฟ

    เป็นสถานีรถไฟรุ่นแรกๆที่ยังคงเหลืออยู่ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ออกแบบโดยวิศวกรชาวเยอรมันเลยนะ

    และยังอนุรักษ์หัวรถจักรไอน้ำไว้ด้านหน้าให้คนได้เยี่ยมชม

    เราชอบอารมณ์แบบมีความเก่าแต่คลาสสิก

    ไป บขส.จองตั๋วกลับสารคามพรุ่งนี้ค่ะ

    15.30 คืนรถค่ะ  แล้วเดินกลับห้อง  ที่กลับเร็วเพราะปวดขามาก  ไม่ไหวเลย ขอไปนอนเอาแรงเพราะต้องออกไปเดินกาดกองต้าตอนเย็น

    17.00 เดินกาดค่ะ  เดินข้ามถนนสองแยกถึงเลย  แต่ยังปวดขามาก  เดินหาของกินไปเรื่อย  ของกินก็เป็นของทั่วไป ลูกชิ้น ของทอดต่างๆ เสื้อผ้า  ของฝาก  และก็ไข่จากบ่อน้ำร้อนแจ้ซ้อนเขาบอกว่าไข่ขาวจะยังไม่สุกมาก  แต่ไข่แดงจะแข็ง  อ้ออลืมบอกสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเซรามิก  เป็นต้นตำหรับเลยว่าได้ของแท้จร้า

    แล้วก็จะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะให้เข้าชมฟรีด้วยนะ  สวยมากเลยอารมณ์หลุดออกจากกาดสักพัก 

    แต่เราไม่ใช่สายเดินถนนแบบนี้ (จริงๆคือปวดขามาก) เรารีบซื้อของกินแล้วตรงไปที่สะพานรัษฎาภิเศก  เป็นสัญลักษณ์เมืองลำปางเลยนะ  จะเห็นว่ายิ่งค่ำยิ่งมีวัยรุ่นซื้อของมานั่งเล่นห้อยขาที่ริมสะพาน  เป็นอีกอารมณ์ เราก็ไปนั่งเหม่อมองแม่น้ำวังสักพัก(นานอยู่)  ก็มาเดินซื้อของฝาก  แล้วก็กลับห้อง  เตรียมเก็บของกลับพรุ่งนี้แล้ว  (ปวดขางือออ)

     

    วิวพระอาทิตย์ตก แม่น้ำวัง ที่สะพานรัษฎาภิเศก

     

    • โพสต์-4
    Backpackstyle •  พฤศจิกายน 16 , 2559

    13/11/2016

    จองตั๋วรถออก 10.00  เช็คเอ้าท์ตอน 8.45  เพราะจะไปเที่ยวต่อ 555 ยังเหลืออีกที่ที่ยังไม่ได้ถ่ายรูป คือสะพานแขวนจร้า  งานนี้ก็เลยหารถตุ๊กๆแว้นไป  ลุงเลยพาแว้บไปดูแล้วก็ถ่ายรูปให้ก่อนไปส่งที่ บขส.  รอรถของบริษัทเพชรประเสริฐเหมือนเดิมรถจะมาจอดที่ชานชลาที่ 2 นะ

    มาถึง บขส.ลำปางแล้ว

    และตามด้วยวิวข้างทาง  คือปกติเราจะนั่งรถตอนกลางคืนเลยไม่เห็นอะไรเลย  ครั้งนี้ลองนั่งตอนกลางวันฟินไปเลยวิวสวยไปอีก

    ปิดทริปที่ทั้งเหนื่อยแต่มันส์และก็สนุกมากกกก

    อยากให้ทุกคนได้มาลอง  ลองชนะความกลัวที่มี  ลองชนะอุปสรรคที่เกิด  ลองชนะใจตัวเองดู  แล้วสุดท้ายจะทำให้เรามานึกว่า “เห้ยจริงๆเราก็ทำได้นะเว้ย”  (ไม่ได้นั่งดูรีวิวอย่างเดียวแล้ว)  และอยากบอกว่าเราหยุดรถดูแผนที่แทบจะนับครั้งไม่ถ้วนแต่มันส์จริงๆ  เราคิดว่ายิ่งหลงยิ่งสนุก(แอบปวดหัวมากตอนแรก)

    บางทีอาจไม่ได้เป็นไปตามแผนไปซะทั้งหมด  แต่อยากบอกว่าจริงๆไม่ต้องวางแผนอะไรให้มากหรอก  ยิ่งคิดความกล้ายิ่งลดลง  มาให้เจอกับตัวเองตรงหน้าแล้วมาเลือกกันเลยว่าจะทำหรือไม่ทำสนุกว่าเยอะ

     

     เบ็ดเสร็จค่าใช้จ่าย

    ค่ารถไป-กลับ  1000 บาท

    ค่าเช่ารถ 2 วัน 400 บาท (มัดจำ 1000 ได้คืนนะเราเลยไม่รวม)

    ที่พักสองคืน 663 บาท

    11/11/59

    ข้าวซอยอิสลาม+สะเต๊ะ 75 บาท

    ก๋วยเต๋ยวน้ำใส 35 บาท

    อื่นๆ: น้ำ, ทำบุญ, โทส, น้ำมัน ฯลฯ 340 บาท 

    12/11/59

    ตั๋วขึ้นพระพุทธบาทปู่ผาแดง 100 บาท

    ค่าของกินเดินกาด 65 บาท (ซื้อแต่ของกินเล่น555)

    รถม้า 200 บาท

    อื่นๆ:น้ำ, น้ำมัน,รถตุ๊กๆ ฯลฯ 270 บาท

    รวมทั้งหมดแล้วนั้นประมาณ 3150 บาท นะคะ(ค่าอื่นๆตีไว้เผื่อ เพื่อนๆอาจไม่ได้เท่านี้นะคะ)

    ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่าน  เป็นการรีวิวครั้งแรกอาจติดขัดบ้าง 

    แต่ไม่ใช่การรีวิวครั้งสุดท้ายแน่นอน

    หวังว่าจะพอเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจในจุดหมายเดียวกันนะคะ

    "ปลายทางไม่สำคัญเท่าระหว่างทาง"