ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
ภูเก็ตใสๆ แบบไม่ใส่ฟิลเตอร์ ที่เสม็ดนางชีพังงา Keemalaภูเก็ต ร้านกาแฟสุดเด็ดที่ View Cafe และไปฟินที่ The Naka Island (งบน้อย แต่ร้อยเรื่องฟิน) เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
    • โพสต์-1
    Whatdayistoday •  เมษายน 12 , 2561

    ((: ไปแบบงบน้อย แต่ร้อยเรื่องฟิน :))

    เสม็ดนางชี

    Keemala

    The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa

    View Cafe @Phuket

    หาดไม้ขาว

     

    สวัสดีค่ะ ครั้งนี้เราไปภูเก็ตมา มีเรื่องจะมาเล่าอีกแล้ว .... (ภูเก็ต ไปที่ไรก็เด็ดตลอดเน๊อะ)

    เราเดินทางเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาค่ะ เพราะเมื่อปีที่แล้วได้ตั๋วโปรมา กทม.- ภูเก็ต- กทม. ด้วยราคาทั้งสิ้น 488 บาท """ ดีงามปะละ :)

    21 มีนาคม 61 ถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 5 ทุ่ม บริษัทรถเช่าที่เรานัดไว้ก็มารับเพื่อไปรับรถค่ะ (พี่เค้าคิดให้วันละ 700 บาท เช่า 5 วัน รวมแล้วก็ 3,500 บาท) คืนแรก เราเลือกนอนแถวๆสนามบิน (กิ้มลัง แอร์พอร์ต) ห้องใหม่ สะอาด ราคา 930 บาทค่ะ นอนกัน 3 คน (ห้องน้ำกว้างมาก) แต่มีข้อเสียคือ ได้ยินเสียงเครื่องบินตลอดอะ


    เช้าวันที่ 2 (22-03-61) เรามีแพลนที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ เสม็ดนางชีพังงา โดยตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่เวลาตีสี่ครึ่ง (ตื่นจริงคือ 6 โมงเช้า 55555 ปล. ห้ามลอกเลียนแบบ เพราะคุณจะพลาดวิวสวยๆไปเลยนะ)

    นี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้า พระอาทิตย์โด่งจะตรงหัวแล้วค่ะ ...สำหรับการเดินทางไปเสม็ดนางชีนี่ง่ายมากแค่ตั้ง GPS ไปที่ จุดชมวิวเสม็ดนางชี เครื่องก็พามุ่งหน้าไปทางพังงาแล้วค่ะ

     

    ระหว่างทางก็จะมีวิวสวนยางให้ดูตลอดค่ะ ถนนช่วงแรกจะเป็นถนนลาดยาง พอซักพักจะเป็นหลุมอุกกาบาตแล้วค่ะ

    จากสนามบินภูเก็ต ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มาถึงจุดชมวิวเสม็ดนางชี และถ้ามาถึงแล้ว เราต้องจอดรถทิ้งไว้ข้างล่างนะคะ เพราะทางชันและอันตราย ไม่สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ ต้องนั่งรถกระบะของทางหมู่บ้านจัดไว้ค่ะ ค่ารถไปกลับคนละ 60 บาท (เด็กฟรี) หรือจะเดินขึ้นไปเองก็ได้นะคะ ประมาณ 2 กิโลแม้ว

    (นี่ขนาดยังไม่ถึงยังสวยขนาดนี้ๆๆ)

    ทางขึ้นเขาชันมาก แต่ก็เพียงแค่ระยะใกล้ๆ

    นั่งเสียวๆประมาณ 5 นาทีก็ถึง .... พอถึงแล้วก็สวยงามอย่างที่คิด ข้างล่างว่างามแล้ว ข้างบนนี้ยิ่งงามกว่า สมกับที่ว่า ฮาลองเบย์ เมืองไทยจริงๆ วิวคือ อลังการ ดาว ล้าน ดวง ... สวยเว่อร์ๆ นี่ถ้ามาทันดูพระอาทิตย์ขึ้นจะฟินขนาดไหน ...

    ดื่มด่ำวิวจนอิ่มใจ ก็ไปหาอะไรอร่อยๆให้อิ่มท้องต่อค่ะ ... มื้อนี้เราไปทานข้าวหลักร้อยวิวหลักล้าน อยู่ห่างจากจุดชิมวิวแค่ 500 เมตรเอ้งงสำคัญอาหารอร่อยมากกกกกกกกก

    " เสม็ดนางชี บูทีค วิว "

     

     

     

     

    ร้านนี้มีเต้นท์ไว้บริการด้วยนะคะ 2 คน หลังละ 600 ,4 คน หลังละ 800 บาทค่ะ วันที่ไปเห็นร้านกำลังสร้างที่พักแบบหลังด้วยค่ะ ถ้าสร้างเสร็จ คงจะสวยมากๆ


     

    เราอยู่บนนั้นประมาณเที่ยงค่ะ ก็เดินทางกลับภูเก็ตต่อ โดยเส้นทางของเราวันนี้คือ เราขับเลาะมาทาง หาดไม้ขาวก่อนอันดับแรก (ส่วนตัวชอบหาดนี้มากนะ เพราะน้ำทะเลใสเว่อร์ ... นี่ถ้าทรายจะขาวซะหน่อย มันจะสวยเหมือนมัลดีฟเลยเชียว ....)

     

    เหตุผลที่มาหาดไม้ขาวในครั้งนี้ นั่นก็คือ .... มาดูเครื่องบินลงจอดค่ะ ... เราหาที่จอดรถแถวๆต้นสน และเดินเท้าไปยังหาดประมาณ 1 กิโล (จะไม่เดินก็ได้ เพราะมีรถรับจ้างค่ะ ขาละคนละ 20 บาท) หาดเงียบมากก สงลมาก และสะอาดมากด้วย คล้ายๆหาดส่วนตัวเลยค่ะ .. ลุงขับรถบอกว่า " เดือนหน้า เครื่องบินก็จะลงจอดอีกทางแล้ว เพราะช่วงมรสุมลมจะเปลี่ยนทิศ ดีนะที่พวกหนูมาทัน " (ใช่ค่ะ ใครจะมีแพลนมาก็เชคกันก่อนดีๆนะคะ)

    ถึงเวลาเดินทางต่อค่ะ ... จุดเช็คอินต่อไปคือ Keemala ถามว่ามาพักเหรอ? เปล่าค่ะ มาทานเค้ก กับเครื่องดื่ม 5555 เพราะที่นี่ช่วงเย็นๆจะมี Happy Hour ที่ Mala Bar ค่ะ (ตั้งแต่เวลา 16.00 - 18.00 น.) ใครสนใจ ก็ไปได้นะคะ มีทุกวัน :)

    " Keemala "

    Mala Bar จะอยู่ด้นบนนะคะ หากขับรถเข้ามาแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถกอล์ฟมาส่งที่หน้าห้องอาหารค่ะ ...

    อากาศร้อนๆ น้องพนักงานแนะนำเมนูนี้ค่ะ ... ออกานิก โยเกิร์ต ชีส ทำสดใหม่ จากเชฟของโรงแรมเลยนะ อร่อยมากกกกกกเจ้มจ้นสุดๆ

     

     

    นั่งรอซักพัก เค้ก กับเครื่องดื่ม ก็มาเสิร์ฟแล้วค่ะ .. (ออเจ้าอย่าได้ถามเลยว่ามันชื่ออันใด เพราะชื่อมันยาวยิ่งนักเจ้าคะ ...)

     

    เรานั่งดื่มซักพักก็รีบกลับค่ะ ค่าเสียหายมื้อนี้ 700 นิดๆ ขนมที่สั่งไปมีเค้กโยเกิร์ต ชีส และเครื่องดื่ม 4 แก้ว ... อิ่มมาก คุ้มมาก นี่แค่วิวก็คุ้มละนะ เพราะรีสอร์ทที่นี่สวยมาก สมคำร่ำลือจริงๆ ตกแต่งได้อย่างมีอารยธรรมสุดๆอ่ะ อ้อ ที่พักที่นี่มีคอนเซปเป็นบ้านรังนกนะคะ บ้านพักมี 3 ประเภท เต็มทุกห้อง ... ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต่างชาติค่ะ


     

     

    จุดต่อไปของเราคือ หาดกมลา ที่จริงคืออยากจะไปหาดสุรินทร์มากกว่า ขับไป ขับมา หลงซะงั้น

    พระอาทิตย์ตกแล้ววว รีบขับไปที่พักค่ะ คืนนี้เราพักกันที่ ป่าตอง ที่ Red Planet (คืนละ 900 บาท เช่นเคย) ห้องเล็ก มีทีวี มีน้ำอุ่น มีผ้าเช็ดตัว เครื่องน้ำน้ำแบบกด แต่ห้องที่ได้ไม่มีตู้เย็น (บางห้องมีค่ะ แล้วแต่งานระบบกับ Lay Out ของห้อง) คนมาพักเยอะมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพราะว่าโรงแรมสะดวก เดินไม่กี่เมตรก็ถึงหาดป่าตองหรือจะเที่ยวกลางคืน ก็เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงถนนบางลาค่ะ

    เช้าวันที่ 3 (23-03-61) จุดเช็คอินจุดแรกของเราคือ หาดกะรน

     

    หาดต่อไปคือ หาด กะตะ

     

    จุดต่อไปคือ จุดชมวิวสามอ่าว

     

     

    จุดต่อไป คือ วัดพระใหญ่ มีโอกาสมาไหว้ครั้งนี้ ดูเหมือนว่าสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว องค์พระยิ่งใหญ่งดงามมาก แถววิวก็สวยมากเหมือนเดิม ยิ่งร้อน ยิ่งสวย บอกเลยยย

    จุดต่อไปคือ ทานอาหารเที่ยงที่ร้าน หมอมูดง ที่เดิมอีกแล้วค่ะ เพราะว่าคิดถึงปลาทูยัดไส้ กับหมูคั่วเกลือ ซึ่งก็ยังคงอร่อยเร้าใจเหมือนเดิม

    ทางผ่าน เจอบ้านจัดสรรสุดน่ารักกกกกกก ชื่อ โมโน น่ารัก น่าอยู่มากมายเจ้าค่ะ

    จุดต่อมา ได้แก่ หาดในหาน

    จุดต่อไป คือ แหลมพรหมเทพ .... พระอาทิตย์ของข้าลาลับหายเข้ากลีบเมฆอีกแล้วค่าาาาาาาาา เสียใจจจ ไปทีไรไม่เคยจะเห็นไข่แดงตกน้ำเลย


    หลังจากอกหักกับพระอาทิตย์แล้ว เราก็ขับเข้ามาแถวในเมืองค่ะ คืนนี้เราพักที่ นาคาเรซิเด้นท์ คืนละ 900 นิดๆ เช่นกันค่ะ ห้องกว้างมากกกกกก สะอาด ใหม่ มีของอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีไดร์เป่าผมด้วย ...

    อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เราก็ขับรถออกมาหาอะไรทานแถวในเมืองค่ะ จุดแรกเลยค่ะ น้ำเต้าหู้สามกองค่ะ คนเยอะมากก แต่พนักงานน่ารัก

     

    เช้าวันที่ 4 (24-03-61) เราเช็คเอ้าท์และออกเดินทางแต่เช้าค่ะ เพราะวันนี้เราจะเดินทางไปพักแบบ Luxury ที่ The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa รีสอร์ท 5 ดาว บนเกาะนาคานั่นเองค่ะ อ้อ เรานัดข้ามเกาะประมาณ 9 โมงเช้าค่ะ แต่เราสามารถเช็คอินเข้าห้องได้ประมาณ บ่ายสามโมง แต่ถ้าหากห้องที่เราพักไม่มีแขก หรือ แขกเช็คเอ้าท์ก่อนเวลา พนักงานก็จะให้เราเข้าห้องพักได้เลยค่ะ ซึ่งเราก็โชคดีอีกแล้วจิ่...

    ก่อนสตาร์ท ต้องเตรียมเสบียงเสียก่อนนะคะ ... เราเลือกติ่มซำบุญรัตน์ค่ะ อร่อยย

     

     

    08.30 น. เรามาถึง อ่าวปอแกรนด์มารีน่า เพื่อนั่งเรือสปีดโบ้ทข้ามไปยังเกาะนาคา โดยระหว่างนี้จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยต้อนรับและยกกะเป๋าให้ที่ลานจอดรถนะคะ ... ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที จากท่าเรืออ่าวปอ มายังเกาะ

     

    The Naka Island, A Luxury Collection Resort & Spa

    เราซื้อห้องพักจากงานไทยเที่ยวไทยมาค่ะ 1 ห้อง เข้าพัก 2 ท่าน ราคา 4,900 บาท รวมอาหารเช้า,เรือรับส่ง และ อาฟเตอร์นูน ที 1 เซ็ต + อาหารเช้าของเด็ก ราคา 577 บาท (เด็กอายุไม่ถึง10 ขวบพักฟรี) ... ราคาดีงามสยามประเทศสุดๆ จริงๆ เพราะราคานี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ราคาปกติของห้องที่พักนี่ก็ 18,000 แล้วอ่าาา แถมราคานี้ใช้พักได้วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หยุดนักขัตฯ แถมใช้ในช่วงไฮซีซั่นได้อีกจ้าาา

    มาถึงท่าเรือปุ๊บ พนักงานต้อนรับจะขับรถกอล์ฟมารับค่ะ และพาเราไปตีฆ้อง พร้อมกับเล่าประวัติของเกาะนาคานี้ให้ฟังค่ะ ซึ่งเราจับใจความได้นิดๆว่า

    " หลังจากที่พญานาคสลายกลายเป็นหิน เราก็เชื่อว่าพื้นที่บนเกาะนาคาใหญ่นี้เป็นส่วนลำตัวของพญานาค เกาะนาคาน้อยที่อยู่ขวามือ คือส่วนหาง และซ้ายมือคือเกาะแรด จะเป็นส่วนหัวของพญานาค ,,,,, ความเชื่อของเราก็คือ พญานาคจะปกปักรักษาทุกคนบนเกาะ เมื่อมาถึง จะต้องตีฆ้อง 2 ครั้ง ครั้งที่หนึ่ง เพื่อบอกกล่าว ครั้งที่สอง เพื่ออธิฐานขอพร .... สำหรับวันเช็คเอ้าท์ ก็จะต้องตีอีก 1 ครั้ง เพื่ออำลาและขอให้พรนั้นเป็นจริง "

    ตีเสร็จ พนักงานก็จะนำ เวลคัมดริ้งน้ำสมุนไพรเย็นๆ พร้อมพวงมาลัยมาคล้องแขนให้ค่ะ (โอ้ยย คือดี คือมีวัฒนธรรมมากกก)

    พนักงานพานั่งรถมาเข้าที่พักค่ะ ห้องเราแบบ Deluxe Room No.71

    เก็บของ แล้วออกไปชมบรรยากาศด้านนอกได้แล้วค่ะ แต่ห้องนอนก็น่าอยู่ ... โอ้ยฟินนน มีเวลาเดินชมวิลล่าอื่นๆเยอะแยะเลยค่ะ ... ห้องพักที่นี่ส่วนใหญ่คือต่างชาติค่ะ วันที่ไป ไม่เจอคนไทยเลย เกาะเงียบ สงบ ส่วนตัว พนักงานน่ารักมาก ทักทายแขก และเต็มใจบริการทุกคน

    อิจฉาเนอะ ... ยามแก่ อยากมีคนถ่ายรูปให้แบบนี้มั่งอ่ะ

    บ่าย 2 มีไอติมโฮมเมดแจกฟรีที่สระว่ายน้ำนะคะ อย่าลืม ... ติมอร่อยมากกก มีรสมะพร้าว สัปรด มะม่วง ส้ม

    อ้อ บนเกาะมีจักรยานให้ยืมปั่นไปหมู่บ้านในเกาะด้วยนะคะ ... บนเกาะนาคาใหญ่ จะมีหาดที่สวยๆอีก 2 หาดท้ายเกาะค่ะ สามารถปั่นจกรยานไปได้ แต่ถนนจะขรุขระหน่อยค่ะ ..... สายแอดแวนเจอร์ไม่ควรพลาด เพราะทางชันมาก ปล. หาดที่ว่า ทัวร์จีนเยอะมากค่ะ ใครจะไป แนะนำให้ไปช่วงเช้านะคะ

     

    หลังจากกลับจากหาดท้ายเกาะ เราก็มานอนพักที่ริมทะเล พร้อมสั่งให้เสิร์ฟ อาฟเตอร์นูนทีเซ็ตของเราค่ะ ... สวย อร่อย ระดับความปลื้มปริ่ม เอาไปเต็ม 10 เลยค่ะ ..

     

    ทานไป ดูพระอาทิตย์ตกไป ชิลลลลปะละ

    จุดนี้เป็น ไพรเวท ดินเนอร์นะคะ ส่วนตัว และแสนจะโรแมนติคมากกกกกกกกกกกกกก

     

    สำหรับเรา เลือกดินเนอร์ในห้องค่ะ เพราะรู้สึกว่าชักจะใช้ห้องไม่คุ้ม ... นี่ไม่กล้าหลับเลยค่ะ กลัวไม่คุ้ม 55555 อ้อ เราสามารถซื้ออาหารเครื่องดื่มเข้ามาทานในรีสอร์ทได้นะคะ

    เช้าวันที่ 4 (25-03-61)

    อาหารเช้าที่นี่เริ่มตั้งแต่ 6 โมงถึง 11 โมงเช้าค่ะ หรือ อยากสั่งไปทานที่ห้องพักได้นะคะ สะดวกแบบไหน จัดเลย ...

    สำหรับห้องอาหารสำหรับทานอาหารเช้า ทางรีสอร์ทจะจัดไว้ที่ห้องอาหารต้นไทรนะคะ .... กินไปชมวิวทะเลไป ... มันสดชื่นกิงๆ ไลน์อาหารจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ บางรายการไม่มีแต่ก้จะสามารถสั่งทำได้ค่ะ

    • โพสต์-2
    Whatdayistoday •  เมษายน 12 , 2561

    เช้าวันที่ 4 (25-03-61)

     


     

    ทานอิ่มแล้วก็นั่งเล่นชมวิว รอเวลาเช็คเอ้าท์ค่ะ ... เราแจ้งเวลาเช็คเอ้าท์เป็นเลท บ่าย 2 และจองเวลาเรือกลับอ่าวปอ เวลา บ่าย 3 ค่ะ .. ว่างๆ ก็เดินถ่ายรูปเล่นชิลๆ กับสีน้ำทะเลฟ้าๆ ฟ้าใสๆ


    เราถึงอ่าวปอประมาณบ่ายสามครึ่งค่ะ คืนนี้เราพักกันที่ซอยรมณีย์ ย่านภูเก็ตทาวน์ เพราะว่าวันนี้วันอาทิตย์มีถนนคนเดิน หลาดใหญ่ค่ะ ... ที่พักคืนนี้ พันนิดๆค่ะ ความดีงามคือ อยู่กลางถนนคนเดินเลยค่ะ หรือนั่งเล่นริมระเบียงก็เห็นบรรยากาศของถนนคนเดินได้เลย

     

    เช้าวันที่ 5 (26-03-61)

    คืนนี้เราขึ้นเครื่องกลับ กทม. ห้าทุ่มครึ่ง ซึ่งยังมีเวลาชิลได้อีก 1 วัน หลังจากเช็คเอ้าท์ประมาณเที่ยง ก็ใช้เวลาเล่นเดินเล่นถ่ารูปย่านตึกเก่านิดหน่อยค่ะ


    วันนี้จุดแรกเราเริ่มจากร้านน้ำย้อย เพื่อไปชิมหมี่ซั่วน้ำยาปูค่ะ (ชุดนี้ราคา 250 บาทค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่นะคะ ส่วนรสชาตินี่ ยกนิ้วเลย เด็ดมาก)

    หลังจากทานเสร็จ จุดต่อไปคือ .... " View Cafe @Phuket " กาแฟวิวหลักล้าน เส้นทางไปทางอ่าวฉลองนะคะ เลี้ยวซ้ายจะเป็นศรีพันวา แต่เราตรงขึ้นไปก่อน ร้านจะอยู่บนเขา ตกแต่งได้น่ารักมาก นอกจากจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารแล้ว ก็ยังมีห้องพักไว้บริการด้วยนะคะ ... วิวนี่อย่างเด็ด บอกเลย

     

    พนักงานใจดี พาเราชมห้องพักด้วยค่ะ ... ห้องพักที่นี่จะมีอยู่ด้วยหลายประเภทนะคะ สำหรับรายละเอียดสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ของที่พักได้เลย

    สำหรับห้องที่พนักงานพามาชม ห้องแรก เรียกว่าห้อแบบมาตรฐานค่ะ ราคาประมาณ 1,800 ต่อห้อง ต่อ 2 ท่าน รวมอาหารเช้าค่ะ

     

    ห้องต่อไป คือห้องที่แพงสุด เพราะมีอ่างจากุชชี่ และมีพื้นที่เชื่อมอีกห้องได้ค่ะ ราคาที่ 5,900 บาท (ราคาหลังส่วนลด 30%)

     

     

    ห้องแบบที่ 3 คือห้องวินเทจค่ะ ... ส่วนตัวชอบห้องนี้มากอ่ะ สวยยยยยยยมาก น่ารักด้วย



    ห้องสุดท้ายที่ชม ชื่อว่าห้อง สมาร์ทค่ะ มีการออกแบบตกแต่งที่โมเดิล เน้นโทนดำ ให้ความรู้สึกแบบอบอุ่น มั่นคง มีอ่างจากุชชี่ไว้อาบมองวิวเพลินๆด้วยค่า


     

    จุดสุดท้ายของเราวันนี้ก่อนที่จะขึ้นเครื่องกลับกทม. เวลา ห้าทุ่มครึ่ง เราเลือกไปชมพระอาทิตย์ตกที่สะพานหินค่ะ ไปทานข้าวเย็นที่แพบังมุด จะบอกว่าอาหารสดเว่อร์ ส่วนเรื่องบรรยากาศ เดี๋ยวเราจะให้ภาพเล่าเรื่องนะคะ อิอิ

    มาถึปุ๊บ ก็มีพนักงานหน้าตาดีมารอต้อนรับ


     

    จากฝั่ง นั่งเรือมายังแพไม่ถึงห้านาทีค่ะ มีเรือบริการทุกแพ ฟรี (แต่เสียค่าจอดรถนะคะ)


    ปิดทริปด้วยความประทับใจ แต่ก็ประทับใจทุกครั้งแหล่ะที่มาภูเก็ต มาทีไรก็เด็ดตลอด ...

    สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เป็นการเดินทางที่ดีงามมากมาย ได้ใช้ชิวิตได้ตามที่ต้องการ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน (ยกเว้นเรื่องหลงทางนะคะ 5555)

    " แล้วเจอกันใหม่นะ "