ด้วยครั้งนี้เป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก ตื่นเต้นมาก ต้องขึ้นเครื่องเช้าด้วย เลยเผื่อเวลาไว้เยอะหน่อย เพราะเราชอบมีดวงกับการตกเครื่อง 555 ตื่นมาตั้งแต่ตีสามเลยถึงสนามบินตีสี่ หน้านี่ยังจบแค่รองพื้น ไว้มาแต่งต่อช่างหน้า การเดินทางครั้งนี้เราเดินทางด้วย สายการบินนกแอร์ กทม 6:20 AM - ฮานอย 8:20 AM ค่าตั๋วสองคนตกห้าพันกว่าบาท ตกคนละไม่ถึงสามพัน ก็ถือว่าไม่แพงนะ แต่จองทิ้งไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ล่วงหน้าประมาณ 6 เดือนได้  เมื่อทำภาระกิจเช็คอินเป็นที่เรียบร้อย ปิ้วววว มีเวลาเดินเล่นดิวตี้ฟรี แต่งหน้า พร้อมบินได้ และแล้วก็มาถึงใกล้เคียงกับเวลาที่แจ้งไว้เลย ตอนถึงมีฝนตกปอยๆอยู่เป็นระยะๆ ตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเป้าหมายต่อไปแลกเงินและซื้อซิม มาไว้เปิดแผนที่  เดินตรงออกมาเรื่อยๆข้างหน้าก่อนถึงทางออกทางซ้ายจะมีที่ให้แลกเงินอยู่ 2-3เจ้า เรทไม่ต่างกันมาก จะมีเงินล้านก็วันนี้แหละ หึหึ  แลกเงินเสร็จซื้อซิมต่อทางด้านขวา ยี่ห้อเขียวๆ จำไม่ได้

เรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาเลี้ยวไปทางด้านขวาจะมีป้ายรถเมล์ข้ามไปตึกเก่าเพื่อไปขึ้นรถเมล์สาย 17 ข้ามมาแล้วเดินไปทางขวาในลานจอดรถอันไกลโผ้น จะเห็นรถเมล์จอดอยู่ นั่นแหละคุณมาถูกทางแล้ว ไกลโพ้นไกลมากจริงๆ เดินหลงไปหลงมาอยู่สักพักก็จับทางได้ ผู้โดยสายส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ มีฝรั่งมาขึ้นด้วย 2-3 คน แอร์ก็เย็น นั่งรอสักพักรถก็ออกนั่งชมเมืองไปเรื่อยๆไม่รีบ ประมาณชั่งโมงนึงก็มาถึงในเมืองตอนแรกนึกว่าจะไปถึงทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม แต่เค้าไปส่งที่ท่ารถ ต้องเดินต่อมาเอง เปิดกูเกิ้ลแมพนี่แหละ เดินมาเรื่อยๆก็ถึง แต่ก็ไกลเอาการเลย จะเป็นลม

ทริปนี้เราจองตั๋วรถไฟนอนจากฮานอยไปเลาไก ขากลับนั่งรถเมล์ซาปาลงฮานอย และรถแท็กซี่ไปส่งสนามบินไว้กับ MRs.Nga ผู้โด่งดังในพันทิป

มาเดินต่อจากทะเลสาบไปอ๊อฟฟิตเจ้หงาเพื่อคอนเฟิมและจ่ายเงินส่วนที่เหลือ แต่เจ้ไม่อยู่ มีผู้ช่วยอยู่ต้อนรับอยู่ เค้าก็ถามนะว่ากินข้าวมารึยัง และพาไปร้านกินข้าวใกล้ๆ ขอบคุณมากค่ะ เพราะเดินมาไกลแทบจะเป็นลม หิวตาลาย

เมนูของเราคือก๋วยเตี๋ยวปลา เพราะเฝอหมดไก่หมด หน้าตาไม่ค่อยเท่าไร แต่รสชาตใช้ได้เลย อิ่มท้องแล้วไปเดินเล่นได้ ที่แรก "โบสถ์เซนต์โจเซฟ" เดินวนกลับมาที่ "ทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม" สักพักนึงรับลมเย็นชื่นใจ จะเข้าไปชมวัดหน่อย แต่คนเยอะเลยไว้มาแวะวันกลับใหม่ เจอสาวๆใส่ชุด"อ่าวหญ่าย" ชุดประจำชาติเวียดนาม ดูไปดูมาก็สวยดีนะ

ชมวิวแล้ว ไปหาที่นอนดีก่า แหกขี้ตาตื่นมาแต่เช้า เราจอง Hanoi Rendezvous Hostel ผ่าน booking ไว้ คนละ $8.24 เอาผ้าเช็ดตัวจ่ายเพิ่มนะจ๊ะ บ่ายสองแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง เก็บของ อาบน้ำ ชาตแบต นอนเอาแรง เด๋ว5โมงตื่นไปหาของกินกัน

กลางคืนเปิดไฟก็สวยดี เลือกร้านได้แล้ว Hanoi Soul Cafe อยู่ชั้น 3 ตึก ALDO หน้าลานน้ำพุ ตอนแรกจะแค่ไปหาที่นั่งเล่น ชมวิว หาของกินเล่น เอาเข้าจริงหมดไปสามแสนฝ่าๆ 

มองลงมาจะเห็นทะเลสาบ กับน้ำพุ ลมเย็น บรรยากาศดี ไม่ร้อนเลย คงเพราะมีฝนตกเมื่อเช้า

ซ้ายเฝอเนื้อ ขวาเฝอไก่ เตี๋ยวหลอด กาแฟเวียดนาม น้ำมะพร้าวปั่น (มันไม่เย็นเจี๊ยบแบบบ้านเรานะ เหมือนเค้าใส่น้ำแข็งน้อยเลยละลายไว) อร่อยทุกอย่างประทับใจมาก เฝอคือได้เยอะมากกินไม่หมด ถ้วยใหญ่จริงๆ โดยรวมไม่แพงนะ แต่vat แพงไปหน่อย 

มีนัดกับเจ้ไว้ตอนสองทุ่ม เตรียมไปขึ้นรถไฟ

รถไฟออก 21.30 ของ orient express เป็นแบบ 4เตียง/ห้อง จองมาคนละ $38 มีขนมกับน้ำให้ กะจะนอนเตียงบนล่างฝั่งเดียวกัน เข้าไปเจอคุณป้าฝรั่งเค้าขอนอนเตียงล่างไว้ ก็เลยไม่เป็นไร นอนเตียงบนคู่กันก็ได้ เตียงบนจะนั่งลำบากหน่อย รู้สึกแคบ แต่ก็หลับได้นะ หรือว่าเหนื่อยก็ไม่รู้ แอร์ก็ยังเย็นเหมือนเดิม 

รถไฟออกแล้ว นอนได้ เจอกันที่เลาไก 

ไฮ!! เลาไก มาถึงแล้ว โปรแกรมวันนี้คือ นั่งกระเช้าฟานซิปาน ขี่มอไซต์เที่ยวน้ำตก และกลับมาเที่ยวทะเลสาบในเมือง

เราจองรถไว้แล้ว ก็ปฏิเสธไป นั่งหลับไปอีกสักพักก็ถึงซาปา

นี่แค่ขับผ่านนะนี่ ยังสวยขนาดนี่้ ไปถึงประมาณ 7โมงกว่าๆ

รถตู้มาส่งถึงหน้าที่พักเลยจ้า เราพักที่ Sapa Scenery Hotel จองผ่าน booking ไปนะคะ ตอนแรกกะจะไปแค่ฝากกระเป๋าไว้ ล้างหน้าล้างตาแล้วไปเที่ยวต่อ พอไปถึงคุณลุงก็ประมาณว่ารอแป็บนึง แล้วเช็คห้องดู พอดีห้องว่าง เค้าเลยให้เข้าห้องก่อน ไม่คิดเงินเพิ่มด้วยจ้า ใจดีไปอีก

ห้องที่จองเป็นห้องพร้อมวิว ก็จะสวยประมาณนี้ สวยมากๆ คือตอนดูจากในเว็บไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี่ มีระเบียงออกไปชมวิวด้วย อากาศเย็นใช้ได้เลย ไม่ต้องเปิดแอร์ ห้องมีตู้เย็น ทีวี เครื่องดื่ม อุปกรณ์อาบน้ำครบ ห้องประมาณพันกว่าๆจำไม่ได้ แต่คือคุ้มอ่ะ 

ทำภารกิจเสร็จออกไปเที่ยวต่อ เห็นหน้าโรงแรมมีมอไซต์จอดอยู่เลยลองถามดู ได้ $6/วัน ก็ถือว่าราคาปกติ เลยเช่าเลย จะได้ไม่ต้องเดินไกล ข้างๆโรงแรมมีร้านอาหาร บรรยากาศดี วิวสวย มีห้องพักด้วย แนวโฮสเทล ชื่อ fansipan terrace (ถ้าสะกดผิด ขออภัย) มองจากร้านเห็นโรงแรมที่พัก อาหารเช้ามาแล้ว น่าตาใช้ได้เลย แต่ขนมปังก้อนกลมๆแข็งไปหน่อยน่าจะไม่ถูกปากคนไทยแบบเราๆ นี่ vietnamese coffee กาแฟเวียดนาม ตอนแรกเห็นยังคิดอยู่ว่าจะเข้มไปรึเปล่า แต่เค้าบอกว่ารสชาติใช้ได้เลย วิวที่ร้านจ้า สวยใช่มั้ยล่ะ พุ่งนี้เราจะไปบ้านหลังสีเขียวดูว่ามันคืออะไร ได้เวลาไปต่อ ขึ้นเขา fansipan ไปนั่งกระเช้ากันดีกว่า ขี่ตามกูเกิ้ลไปเลยจ้า ขี่ไปขี่มาก็เจอ ช่องซื้อตั๋วดูดีชะมัด คนละ 600,000ดอง ไป-กลับ ดูดียังทางเข้าอ่ะ เราเดินเล่นรอจังหวะคนว่างและกระเช้ามาพอดี ก็รีบขึ้นเลย ได้นั่งชิวๆไม่มีคนกวน ที่นั่งในกระเช้าดีนะ กระจกใส มองเห็นข้างนอกชัดแจ๋ว มาดูวิวข้างล่างบ้าง สวยรอบด้านเลย นี่ขนาดไปเดือนมีนาที่ไม่มีทุ่งนานะ ถ้าไปเดือนที่มีนาจะขนาดไหน ใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที ก็ถึงข้างบน ดูรูปยาวๆเลย เห็นบันไดข้างๆป้ายมั้ย คือต้องเดินต่อขึ้นไปจุดสูงสุดด้านบนอีก เหนื่อยเหมือนกันนะ ข้างบนอากาศน้อย ทำให้หอบได้ง่าย คนที่คิดว่าไม่ไหวอย่าฝืนนะคะ เรามีทางเลือกให้คุณ มีรถรางให้บริการจ้า  จุดที่เราต้องมาให้ถึงเมื่อมาถึงที่นี่ มาไม่ถึงถือว่าไม่ได้มานะจ๊ะ ดูบันไดสิ เห็นแล้วจะเป็นลม ฮ่าๆๆ ข้อแนะนำ : จากรีวิวคนอื่นๆมาด้วย มาช่วงเช้าคนไม่เยอะ แดดไม่ร้อน  เราไปถึงข้างบนนี้ประมาณ 10 โมง คนก็ไม่เยอะ แต่ก็มีคนมาเรื่อยๆ ขากลับหมอกมาแล้ว มองไม่ค่อยเห็นอะไร กลับมาที่ชั้นขายตั๋ว จะมีร้านอาหาร ขายของฝาก ร้านกาแฟชมวิวได้
ตรงนี้น่าจะเป็นส่วนโรงแรม หรูหราไฮไซ มองจากข้างนอก  ขี่รถไปเที่ยวน้ำตกต่อ silver waterfall อยู่ข้างทางมองเห็นได้จากข้างนอกเลยไม่ได้ไป เสียค่าเข้าด้วย ส่วน love waterfall เสียค่าเข้าเหมือนกัน เคยดูรีวิวมาเหมือนข้างในจะสวยเลยลองดู ไม่มีคนเลย แผนที่ให้มาก็งงๆ ป้ายบอกทางก็มีๆหายๆ เลยเดินหลงทางเลยจ้า แงๆ เดินประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วได้ครึ่งทางอยู่เลย และเหมือนฟ้าจะมืดด้วยเลยเดินกลับออกมาก่อน แต่วิวระหว่างทางที่เดินไปสวยนะ บรรยากาศดี มีร่มบ้าง แดดบ้าง
มา!! กลับมาในเมืองดีฟ่า  จะกลับมาขึ้นจุดชมวิว Ham Rong ก็ไม่ทันจะห้าโมงล่ะ รอบๆทะเลสาบมีร้านของกินเพียบ ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง เข้าไปก็ชี้ๆเอา ชุดนี้ก็ชี้มา หม้อเดียวอิ่มยังเที่ยงคืน ขากลับแวะสักหน่อย ซึมซับบรรยากาศ ร้านข้างทาง ราคาไม่แพง เปิดเพลงสากล  ช่วงนี้กลางคืนอากาศหนาว เลขตัวเดียวได้มั้ง แถมมีฝนตกปอยๆด้วย ใครมาอย่าลืมหน้ากันหนาวกับเสื้อกันฝนมาด้วยนะ