ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
อาข่า | ธรรมชาติ | มิตรภาพ | วัฒนธรรม แม่จันใต้ เชียงราย
    • โพสต์-1
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    หมุนทวนเข็มนาฬิกา ย้อนเวลาสู่ความเรียบง่ายที่ “แม่จันใต้”

    ' หมู่บ้านเหนือเมฆ

       กาแฟชั้นเลิศ ชาชั้นดี วิถีอาข่าไทย '

     

     

               หมู่บ้านแม่จันใต้ ตั้งอยู่บนทิวเขาที่กั้นระหว่างเชียงรายกับเชียงใหม่ ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย  หลีกหนีความวุ่นวายจากตัวเมืองเชียงรายมากว่า 90 กิโลเมตร ความสุขและความสงบเกิดขึ้นที่นี้ ชุมชนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่โอบล้อม และวัฒนธรรมเผ่าอาข่าที่สมบูรณ์แบบ พื้นที่กลางหุบเขาเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่เดิมบรรพบุรุษอพยพมาจากทางตอนใต้ของจีน รวมตัวกันอยู่เป็นชุมชนใหญ่ แต่ด้วยพื้นที่เล็กและจำกัด รวมไปถึงมุมมองทางศาสนาที่ต่างกัน ทำให้ต้องแยกย้ายและจัดตั้งถิ่นฐานกันใหม่  

               เวลาทำหน้าที่เดินไปตามเข็มนาฬิกาไม่ได้มีอิทธิพลกับชาวอาข่าที่นี้มากมายนัก  ต่างกัน..เสียงไก่ขันเสมือนนาฬิกาปลุกที่มีชีวิต บอกให้เราลืมตาตื่นทำมาหากิน  เช้ายังไม่ทันฟ้าสางชีวิตขับเคลื่อน สายหมอกละเลียดขอบเขาให้ชวนหลงใหล ประตูบ้านเปิด หนุ่มสาวเฒ่าแก่จุดฟืนไฟหุงหาอาหาร  เดินยิ้มแย้มทักทาย พูดคุยกัน ชีวิตมันไม่ต้องมีอะไรมาก ไม่ต้องเร่งไปตามใคร ที่นี้เป็นอย่างนั้น ตะวันขึ้นขอบฟ้าทำหน้าที่ไปตามเวลา คนหนุ่มสาวหยิบจับเครื่องมือออกไร่ เก็บเกี่ยวผลผลิตไปตามฤดู สิ่งที่ทำให้การเกษตรของที่นี้เป็นไปอย่างมีระเบียบคือ 38 ครัวเรือน ทำกินไปตามขอบเขตผืนป่าที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาจัดสรรพื้นที่ในหุบเขาแห่งนี้ทั้งหมดไม่ขยายไปกว่านี้ แม้ว่าความต้องการผลผลิตของการตลาดจะมากขึ้นแค่ไหน พื้นที่ทำกินไม่ได้ขยายตาม ในพื้นที่ทุกตารางนิ้วผลผลิตเกิดขึ้นด้วยความตั้งใจ และพอเพียงตามแนวพระราชดำรัช มีแค่ไหนทำกินแค่นั้น ไม่มีขยายไปรุกล้ำป่า ... เพื่อการทำกินในพื้นที่อย่างยั่งยืนและดำรงธรรมชาติให้คงไว้เพื่อคนรุ่นหลัง แต่เดิมพื้นที่บุกเบิกด้วยการปลูกฝิ่นในสมัยก่อน ปัจจุบัน พี่สันติกุล จือปา ผู้นำชุมชนที่หมู่บ้านแห่งนี้ปรับวิถีภายใต้แนวคิดที่ว่า “จากแดนฝิ่นสู่ถิ่นกาแฟ” จนทำให้กาแฟในพื้นที่หมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อ และสร้างรายได้สู่ทุกครัวเรือน 

     

    บทที่ 1 การเดินทาง

           เราเช่ามอไซค์ จาก Bikky ร้านอยู่ตรง บขส เชียงราย เริ่มเดินทางจากจุดนี้ไปยังเส้นถนนหมายเลข 118 จนถึงปากทาง วัดแม่ต๋ำ จึงเลี้ยวเข้ามาถนนทางหลวงชนบท 3063 เอาล่ะ.. จากตรงนี้ไป คือเส้นทางที่ไม่รู้จบ นับจากตรงปากทางเข้าแยกนี้ไปอีก ประมาณ 23 กิโลเมตร เส้นทางคดเคี้ยวและชันพอสมควร แต่ถ้าจะมาด้วยรถสาธารณะ ก็จะมีรถที่จอดอยู่ บขส. มาถึง ปากทางแม่ต๋ำ และต้องต่อรถจากแม่ต๋ำ ไปยังหมู่บ้านห้วยน้ำขุ่น รถสาธารณะ หรือ รถส่วนตัว จะไปสุดทางแค่นี้ ต้องโทรให้ชาวบ้านข้างในมารับ เพราะเส้นทางจากห้วยน้ำขุ่นเข้าไปอันตราย และเป็นลูกรัง จะเข้าได้แค่รถ 4x4 หรือจะวัดดวงกับมอไซค์ ก็จะทุลังทุเลไปหน่อย 

    ย้ำว่าทางจะประมาณนี้...

     

    แต่เชื่อเถอะ..ว่าปลายทางคุ้มค่า 

    มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน

                ความเชื่อของชาวอาข่าที่นี้นับถือบรรพบุรุษ เหมือนชาวไทยที่นับถือศาสนาต่างๆ บรรพบุรุษสร้างทางเข้าไว้เพราะความเชื่อหลายอย่าง ประการหนึ่งคือ เปรียบเสมือนด่านกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามายังหมู่บ้าน และกันภัยที่เกิดจากโรคต่างๆ 

     

     

     

     

     

     

    • โพสต์-2
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    บทที่ 2  วัฒนธรรม ประเพณี ของชาวอาข่า 

         ประเพณี วัฒนธรรม ธรรมชาติ มิตรภาพ ที่นี้ดูสวยงามและคงอยู่ได้อย่างน่าอัศจรรย์..
    ในคืนแรกที่มาก็ได้พบ ประเพณีการเต้นรำแบบอาข่ามาต้อนรับ ให้อบอุ่นใจ หรือภาษาอาข่าจะเรียกว่า "บ่อฉ่องตูเออ" ผู้คนในหมู่บ้านต่างแต่งชุดประจำเผ่า มาล้อมวง ร้องเพลง กระทุ้งไม้ไผ่ เหมือนที่ชาวไทยจะรำถวายพระพรอะไรทำนองนั้น หญิงสาวชาวเผ่า ร้องรำ และกระทุ้งลำไผ่เป็นจังหวะทำนอง ประกอบกับ กลอง ฉิ่ง ฉาบ อย่างเข้าจังหวะกัน 

         อีกความหมายหนึ่งที่สำคัญ.. การรวมตัวของชาวบ้านนี้ ก็เป็นการปลูกฝังลูกหลาน ให้รู้จัก และผูกมิตรไมตรีกันแต่ละหลังคาเรือน ผู้เฒ่าผุ้แก่ ได้นั่งคุย แลกเปลี่ยนทุกข์สุข กันตลอดคืน 

     

    ในเช้าวันถัดมา.. 

            ชาวบ้านจะตื่นกันแต่เช้าตรู่ เสียงไก่ขันทำหน้าทีแทนนาฬิกาปลุกมีชีวิต หนุ่มสาวชาวเผ่าหุงหาอาหาร และเตรียมของประกอบพิธีบูชาบรรพบุรุษ ชาวบ้านจะช่วยกันทำ "ข้าวปุก" หรือ การตำข้าวเหนียวที่หุงสุกใหม่ๆ ด้วยครกไม้ยักษ์ จนได้ข้าวเหนียวที่นุ่มแล้วคลุกกับงาขี้ม่อน และเกลือเล็กน้อย

      ขณะที่ แม่หญิงทำข้าวปุก ป่อหนุ่มทั้งหลายก็จะไปชำแหละวัว 

          การชำแหละวัวนี้เหมือนพิธีกรรมอย่างนึง ที่จะทำแค่ปีละครั้งเท่านั้น! ไม่ใช่เพื่อการกิน หรือความบันเทิง ชาวบ้านจะหุ้นกันซื้อวัว 1 ตัว หรือ เรียกว่า "วัวหุ้น" สมมติว่าวัวตัวนี้ราคา 18,000 บาท ชาวบ้านก็จะรวมเงินกันทุกครัวเรือน แล้วถึงจะชำแหละวัวได้ จากนั้นก็จะแบ่งกันไปแต่ละหลังคาเรือน ทำกินประกอบอาหาร 

    แบ่งเนื้อวัวกลางขุนเขา ....อากาศหนาวเย็นตลอดปี 

    ขออภัย ณ ที่นี้ หากรูปไม่สุภาพ แต่ย้ำว่า เขียนเพื่อความรู้ และถ่ายทอดเรื่องราวประเพณีเท่านั้น..

       พอสาย...หลังจากที่บูชาไหว้บรรพบุรุษแล้ว ผู้คนทั้งหลายมาร่วมกันเล่นชิงช้า ที่กลางหมู่บ้าน ประเพณีโล้ชิงช้าของชนเผ่าอาข่า จะจัดขึ้นในช่วงเดียวกันของทุกปีคือเดือนสิงหาคม พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์นี้เปรียบเสมือน ประเพณีขึ้นปีใหม่ของชาวอาข่า ซึ่งจะตรงกับช่วงที่ผลผลิตกำลังเจริญงอกงาม หรือพร้อมจะเก็บเกี่ยว ภาษาอาข่าเรียกประเพณีนี้ว่า "แย้ขู่อ่าเผ่ว" เป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่าทางจิตใจ และมีคุณค่าที่ต้องอนุรักษ์ไว้ ผู้คนต่างถิ่นที่ไม่ได้เดินทางมาในช่วงนี้ จะไม่ได้ชมการโล้ชิงช้า เพราะชาวเผ่าจะถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ จะเล่นได้แค่ช่วงเทศกาลปีใหม่ของชาวอาข่าเท่านั้น 

     

    • โพสต์-3
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    บทที่ 3 เครื่องแต่งกายชาวอาข่า

         ชาวอาข่า มีธรรมเนียมปฏิบัติในผู้หญิงและชายที่เกิดมา จะได้รับสิ่งของเครื่องแต่งกายสืบทอดต่อกันรุ่นต่อรุ่น แม่ย่า หรือ คนเฒ่าคนแก่ในครอบครัวจะทำหมวกเพื่อรับขวัญ เหมือนว่าเด็กที่ได้เกิดมาคือสิ่งที่มีค่าและเป็นของขวัญจากบรรพบุรุษให้ดำรงเผ่าพันธุ์ ความสวยงามของเสื้อผ้าแต่ละชุด ราคาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เมือได้ยินยังสะดุ้ง เสื้อผ้าที่ทอใส่ถ้าลวดลายน้อยๆ ก็ประมาณ สองพันบาทแล้ว ไปจนถึงหมื่นก็มี หมวกเงินประดับที่เห็นในภาพ เป็นเงินแท้ ทั้งกระดุม และลูกปัดต่างๆที่ประดับอยู่นั้น ราคาเกือบ แสนห้า! ย้ำ! ...ว่าแสนห้า!! หน้าตาตอนได้ยินว่า ใบละ แสนห้า! ก็จะประมาณนี้...

     

    • โพสต์-4
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    บทที่ 4 จากแดนฝิ่น สู่ถิ่นกาแฟ "กาแฟ แม่จันใต้"

        พืิ้นที่อันอุดมสมบูรณ์กลางหุบเขานี้ เดิมเคยเป็นพื้นที่เพาะปลูกฝิ่นในอดีต แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดการพื้นที่เพาะปลูกกาแฟ เป็นหลัก กาแฟที่นี้ปลูกในดินชุ่มชื้น และอากาศเย็นตลอดปี ทำให้ผลกาแฟมีคุณภาพไม่แพ้ที่อื่นในโลก เป็นแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า ที่ทั่วโลกกำลังจับตามอง จุดเด่นของกาแฟแม่จันใต้ จะมีรสชาติเปรี้ยวเหมือนผลไม้ตระกูลเบอร์รี่  และกลิ่นหอมเตะจมูก หวานคอ และสดชื่นไม่เหมือนใคร  และทำให้กาแฟ เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้เข้าสู่ทุกครัวเรือนที่นี้

         อีกพระเอกสำคัญคือ "ชาอัสสัม" ชาเล่าเรื่อง.. พื้นเพปลูกกันที่เมืองอัสสัม อินเดีย แต่จริงๆแล้ว ถิ่นกำเนิดชายอดแรกคือเมืองจีน แล้วอพยพตัวมากับพื้นเมืองจากจีน ผ่านสิบสองปันนา มาตั้งตัวอยู่ตอนบนของไทย ปัจจุบันไม่พบที่เมืองจีนแล้ว เรียกง่ายๆว่าสูญพันธุ์ คนจีนเข้ามาซื้อพันธุ์กลับไปปลูก เพาะ และจำหน่าย ที่แม่จันใต้ มีเยอะมากกกก 
    มาที่นี้ ได้ทำตั้งแต่ เก็บยอดชา คั่วชา นวดชา ตากชา ประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากหมู่บ้านเล็กๆในหุบเขา 'แม่จันใต้'

    หากใครสนใจผลิตภัณฑ์คุณภาพจาก แม่จันใต้ ติดต่อได้ที่ 

    ผู้นำชุมชนค่ะ พี่สันติกุล จือปา 090-475-9288 และ FB: ไร่กาแฟ แม่จันใต้ 

    • โพสต์-5
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    บทที่ 5 การเกษตรพื้นที่สูง และพี่ชัย นักสู่มือเดียว

             ครั้งนี้ ได้ความรู้และได้ศึกษาเรื่องการเกษตรในพื้นที่เพิ่มเติม อยากเล่าให้ฟังเป็นของแถม พี่ชัย 'ชัยพร ดิคา' หนุ่มท้วมวัยกลางคน ที่มีเรื่องราวน่าประทับใจ

             เรื่องเล่าของ "ชัยพร ดิคา" ชายวัย 37 ปี คือคำอธิบายที่ดีว่า ทำไมความพิการจึงไม่มีอยู่จริง...

    พี่ชัย นักสู้ชีวิตมือเดียว แต่ทำได้เองทุกอย่าง ตั้งแต่เปิดขวดน้ำ ทำสวน ปลูกข้าว ไปจนขับรถกระบะอย่างคล่องแคล่วแม้หนทางทุรกันดารแค่ไหน มือข้างเดียวของพี่ชัยไม่ได้เป็นตัวชี้อุปสรรคในการใช้ชีวิต

    ปัจุบันพี่ชัยเป็นเกษตรกรเต็มตัว ทั้งปลูกกาแฟ ปลูกชา และพื้นที่ทำนาในเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พี่ชัยก็ทำ เรียกว่าเศรษฐีชาวเกษตรย่อมๆ นี่เอง    ชีวิตเมื่อก่อนตอนหนุ่ม พี่ชัยเคยขับรถสองแถว สู้ชีวิตอยู่ในเมืองตึก ผ่านร้อนผ่านหนาวหลายอย่างจนกลับมาทำเกษตรบนพื้นที่ถิ่นเกิด

          จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ทำให้กลับมาทำเกษตร  จากสมัยตอนหนุ่มของพี่ชัย เรี่ยวแรงทำกินด้วยสองมือ สู้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอยู่นานเป็นสิบปี วันหนึ่งโชคชะตาชีวิตก็พากลับมาอยู่บ้านเกิด

    "เราก็โตมากับสังคมการเกษตร พ่อแม่เราทำเกษตร ปลูกพืชพันธุ์กันมานาน รุ่นสู่รุ่น จุดหนึ่งที่ชีวิตเรา พาไปอาศัยในเมืองหลวง สุดท้ายก็ได้กลับมา"

          เรื่องแขน  พี่ชัยเล่าว่าสมัยหนุ่มๆ ราวๆ อายุ 19 ปี เคยทำงานที่โรงงานน้ำแข็งแห่งหนึ่งในลำพูน อุบัติเหตุที่ไม่ทันคาดคิดก็เกิดขึ้น..เครื่องจักรปั่นแขนขาด สิ่งที่คิดสิ่งที่ฝัน จางหายไป หลายสิ่งเปลี่ยนไปราวกับว่าฟ้าแกล้ง หลายสิ่งบั่นทอนจิตภายใน จนใจหมดกำลัง หมดแรงสู้

    "เคยถึงจุดที่จะปลิดชีวิตตัวเอง คิดสั้นถึงจุดที่ต้องพาตัวเองไปแขวนคอกับขื่อไม้ ...เป็นบุญที่แม่แท้ๆ ปลุกชีวิตให้อีกครั้ง เพราะน้ำตาแม่.. สติกลับคืน พาตัวเองกลับมาหากินในป่าเขา พื้นที่คืนชีวิต คืนจิตวิญญาณให้ตัวเองอีกครั้ง"

          ปัจจุบันของพี่ชัย   กำลังใจและใจที่เข้มแข็งของพี่ชัย พาให้ชีวิตตั้งตัวอีกครั้ง บนพื้นที่เกือบ 40 ไร่... ริเริ่มการเกษตรผสมผสาน ทั้งการทำนา เพาะปลูกกาแฟ ส้ม เชอร์รี่ ผลไม้ฤดูหนาวต่างๆ ธรรมชาติโอบล้อมชายวัยกลางคนให้ลุกขึ้นสู้ชีวิตด้วยมือข้างเดียว

     

                                               พี่ชัย และ พี่ดาว คู่ชีวิต 

    เส้นทางไปสวนพี่ชัย.. หรือเส้นทางไหนๆในหมู่บ้านก็จะหน้าตาแบบนี้

                  การเกษตรพื้นที่สูงแห่งนี้ เพาะปลูกผลผลิตไปตามฤดูกาล จากเดิมที่เคยเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นว่าการเพาะปลูกฝิ่นนั้นอาจจะเกิดผลกระทบในหลายๆด้าน จึงเกิดการสนับสนุนจากหลายหน่วยงาน พัฒนาพื้นที่เพาะปลูกในแหล่งต่างๆให้เหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งผลไม้เมืองหนาว กาแฟ ชา พืชผักพันธุ์ต่างๆ ที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตหมุนเวียนตลอดปี 

    เป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนภายนอกที่เข้ามา และพัฒนาในคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่นี้อีกด้วย

     

    • โพสต์-6
    Siri •  สิงหาคม 22 , 2560

    จุดชมวิวของหมู่บ้าน

          ผ่านเส้นทางลูกรังไปหลายกิโล... จุดชมวิวพระอาทิตย์ของหมู่บ้าน 

    ขากลับ ....เราสามารถเลือกเดินผ่านป่าสนได้ ระยะทางเกือบกิโลนึง จะลงไปยังหมู่บ้านได้

    บทสรุป..

               ความประทับใจที่ได้มาเยือนพื้นที่แห่งนี้ ไม่สามารถจะเล่าหรือบรรยายได้หมด หากเพียงได้มาสัมผัสและชื่นชม ความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต การอนุรักษ์ประเพณี และวัฒนธรรม ต่างๆ ที่แม้ว่า ตอนนี้จะมีสิ่งที่เจริญก้าวหน้าไปมากแค่ไหน พื้นที่เล็กๆ แห่งนี้ ยังอบอวลด้วยความสุข 

            สายฝนและลมหมอก ปิดกั้นสัญญาณทุกเครือข่าย จากโลกภายนอกในบางครั้ง การสื่อสารและเทคโนโลยีไม่ได้จำเป็นกับคนที่นี้ กลิ่นฝน กลิ่นดิน และกลิ่นกาแฟ จะอบอวลปนความสุขและรอยยิ้มที่รอต้อนรับผู้คนต่างถิ่นไปตลอดกาล..

     

        การเดินทาง :ไป-กลับ  1,200 บาท

    ค่าที่พัก 2 คืน โฮมสเตย์แม่จันใต้ : 400 x 2 คืน = 800 บาท รวมอาหาร

    (หมู่บ้านนี้ ชายหญิงหากไม่ได้เป็นคู่สมรสต้องนอนแยกกัน บ้านทุกหลังในหมู่บ้าน สามารถเข้าพักได้หมด แล้วแต่พี่สันติจะจัดสรร)

    เช่ามอไซค์ 3 วันจาก bikky : 1,100 บาท

    สอบถามเรื่องราวทุกกรณีได้ที่ พี่สันติกุล จือปา ผู้นำชุมชนแม่จันใต้ค่ะ 090-475-9288 /

    FB: ไร่กาแฟ แม่จันใต้/ โฮมสเตย์บ้านแม่จันใต้