[ล้านตะลุยโลก] :: วันเดย์ทริป นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี

วันนี้จะมานำเสนอทริป “นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี” ค่ะ ทริปง่ายๆ เช้า-เย็นกลับ หาวันเสาร์ อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ได้ค่ะเพราะเราจะไปกับ รถไฟนำเที่ยว 909 ค่ะ

โดยเป้าหมายของพวกเราวันนี้คือ อยากนั่งรถไฟผ่านทางรถไฟสายมรณะ อยากเดินบนทางรถไฟแล้วก็อยากไปน้ำตก  อยากหลายอย่างจังงง5555

ข้อมูลทริปอื่นๆของรถไฟไทยดูได้ที่เว็ปนี้เลยค่ะ http://www.tlcthai.com/travel/22070/ท่องเที่ยวกับการรถไฟ.html

เริ่มจาก โทรไปสำรองที่นั่งกับเบอร์ 1690 ก่อนเลยค่ะ เนื่องจากเคยมีประสบการณ์โทรไปวัน ศ พนักงานบอกเหลืออีก 30 ที่ เลยนิ่งนอนใจ กะจะไปจองเองพรุ่งนี้ ปรากฏว่าพอ walk in ไปแล้วเต็มค่ะ!!! เลยเป็นบทเรียนให้จองไปล่วงหน้า ตอนจองก็แจ้งชื่อ สกุล รหัสปชช แล้วชำระเงินที่สถานีรถไฟที่ใกล้บ้าน ภายในเวลา 24 ชม. นะคะ ไม่งั้น booking เราจะหลุด ค่าบริการรถไฟ 120 บาท/ท่าน ค่ะ ไม่แพงเลยเนอะไปไกลขนาดกาญจนบุรี

 

 

พอถึงวันเดินทาง ตามตารางรถไฟจะออกจากสถานีต้นทางหัวลำโพงตอน 6.30 ค่ะ  พวกเราดักขึ้นที่สถานีบางซื่อกัน รถไฟมา 6.51 ตรงเวลาเลย เล็งคันที่พวกเราจองไว้แล้ว รีบเดินขึ้นไปเลยค่ะ พวกเราได้ คัน 3 ที่นั่ง 36 37 ค่ะ (จะมีผู้โดยสารบางคนนั่งไม่ตรงที่นะคะ ก็บอกเค้าได้แต่ถ้าไม่ต่างมากคิดว่าไม่เป็นไรก็ได้ค่ะ) โดยรถไฟขบวนนี้เป็นขบวนยาว มีทั้งไป กาญจนบุรีและสวนสนประดิพัทธิ์ คันที่ 1-4 จะเป็นของกาญ ส่วนคันหลังจะเป็นไปสวนสน แล้วจะแยกขบวนกันตอนหลังค่ะ

พอขึ้นรถ สักพักก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว เจ้าหน้าที่น่ารักค่ะ ทักทายยิ้มแย้ม กล่าวต้อนรับเข้าสู่การเดินทาง พร้อมถามว่าได้เตรียมขันกันตักมาไหม เพราะว่าที่น้ำตกไม่ค่อยมีน้ำ 5555 ตอนนั้นก็ยังคิดภาพไม่ออกนะว่าเป็นยังไง(เด๋วรู้กัน)  แล้วรถไฟเริ่มออกเดินทาง

จอดตามสถานีต่างๆบ้าง แล้วเราก็พบว่า แดดส่อง 55555 หากใครสามารถเลือกที่นั่งได้แนะนำ ให้จองทาง ซ้ายมือนะคะ เพราะว่าตอนเช้าแดดไม่ส่อง แล้วก็เป็นบริเวณที่ชมวิวตอนผ่านทางรถไฟสายมรณะแล้วสวยติดแม่น้ำ แต่ฝั่งขวาก็ไม่ต้องน้อยใจไป เราจะได้ชมหน้าผากันเพลินๆ แบบ จขกท 555

สถานีแรกที่จอดพักคือสถานี นครปฐม  แวะพักประมาณ 30 นาที เดินตลาดตอนเช้าเตรียมเสบียงไว้บนรถไฟ แวะไหว้พระปฐมเจดีย์จากด้านล่าง เพราะคิดว่ากว่าจะขึ้นไปถึงรถไฟอาจจะออกแล้ว เดี๋ยวจะได้เที่ยวนครปฐมแทนกาญจนบุรี 555  เรามาถึงนครปฐมทั้งทีจะไม่แวะทานของเด็ดได้ไงจริงไหม! ข้าวหมูแดงเลยค่ะเจ้าเด็ดคือนายฉั้ว แต่เราถึงกันเช้าเกินไปร้านยังไม่เปิดเลยทานร้าน ซินฮะเส็ง แทนก็ใช้ได้ค่ะหมูชิ้นหนาดี แล้วเราก็รีบวิ่งไปที่สถานีรถไฟกัน เกือบไม่ทันแนะ แหะๆ เอาแต่กินเพลิน

แล้วพวกเราก็ออกเดินทางกันต่อไป ถ้าถามรถไฟร้อนไหม ตอบได้เลยว่า ร้อน! 5555 แต่ไหวนะ แนะนำให้พกน้ำดื่มมา พัดลมมือถือด้วยก็ดี ผ้าเช็ดหน้า ทิชชู่ว่าไป

สถานีต่อไปที่จอดให้เที่ยวชมคือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว จอดให้ประมาณ 30 นาทีให้เดินเล่นถ่ายรูปกัน บริเวณนี้มีร้านค้าร้านอาหารเยอะอยู่ คนก็เยอะเช่นกัน 5555

 

อ่อ ทางรถไฟจะมีให้สั่งซื้อของฝากกลับบ้านได้นะคะ เลือกเมนูแล้วเดี๋ยวตอนขากลับจะมีคนมาส่งตามที่นั่ง สะดวกสบาย มีทั้งอาหารคาวและหวานเลย ตอนขากลับจะค่อนข้างหิว แนะนำให้อย่างน้อยสั่งก๋วยเตี๋ยวไว้คนละ 1 ห่อแก้หิวเพราะคนบนรถแทบจะกินกันทุกคน ถ้าไม่ได้สั่งระวังจะเสียใจ 555 (ก๋วยเตี๋ยวอร่อยจริงๆนะ) สำหรับเมนูอื่นๆลองสั่งได้ค่ะ ยกเว้นน้ำตาลสดไม่แนะนำจริงๆเพราะหวานมากกก แล้วอาจจะเป็นเพราะ จขกท ไปหน้าร้อนด้วยแหละ ทำให้บางขวดมีกลิ่นแปลกๆ เศร้าเลย TT

จากสถานีนี้สักพัก ก็จะเดินเข้าสู่ทางรถไฟสายมรณะช่วงที่เป็นสวยที่สุด โดยเส้นทางรถไฟจะลัดเลาะไปตามเชิงผาเลียบไปกับน้ำตกแควน้อย

โดยพี่พนักงานรถไฟบอกว่า สามารถนำมือแตะหน้าผาฝั่งขวามือแล้วมาแตะหน้าผาก อธิษฐานอะไรจะได้สิ่งนั้น เลขเด็ดเคยออกมาแล้วแต่ ระวังอย่าฟังผิด! เอาหน้าผากไปแตะหน้าผาละ !

หลังผ่านโค้งทางรถไฟไปสถานีต่อไปที่จะจอดคือ ถ้ำกระแซ ซึ่งอันนี้แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่ได้อยากไปเที่ยวน้ำตกให้ลงสถานีนี้เพื่อเดินย้อนชมทางรถไฟเมื่อสักครู่ที่นั่งรถไฟผ่านกัน ได้บรรยากาศเดินบนทางรถไฟ เดินถ่ายถ่ายรูปชิคๆและถ้ำกระแซ มีพระให้สักการบูชา  บริเวณสถานีถ้ำกระแซมีร้านอาหารและร้านค้าให้ได้เล่นด้วย แล้วรอเวลาประมาณบ่าย 3 (หรืออีกประมาณ 2 ชม.) รถไฟสายที่เรานั่งมาจะย้อนกลับมารับเราที่สถานีนี้พอดี ให้นัดแนะกับพนักงานรถไฟไว้ก่อนลง

แต่ว่าพวกเราอยากลองนั่งรถไปให้สุดสถานีน้ำตกไทรโยคน้อย! ก็เลยนั่งรถไฟต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีพวกเราก็ถึงสถานีน้ำตกไทรโยคน้อยค่ะ

ความรู้สึกตอนลงมาคือ เย้ถึงแล้วววววว!! จะไปเล่นน้ำคลายร้อนหน่อยละ เดินตามทางไปน้ำตก ภาพที่เห็นคือ .. ดังภาพค่ะ 555 นี้มันกองหินอะไรเนี่ยย ไม่มีน้ำเลยย 555 เป็นภาพที่แปลกตามาก เพราะไม่เคยเห็นน้ำตกที่ไหนน้ำแห้งขนาดนี้มาก่อน ก็เลยปีนป่ายก้อนหินเล่นคิดซะว่าถ้ามาหน้าน้ำก็คงไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้  บริเวณหน้าน้ำตกมีให้เช่าห่วงยางด้วยนะคะ 20 บาทเป็นห่วงยางวางไว้ให้หยิบแล้วหยอดเงินไว้ เพื่อความปลอดภัยค่ะ จขกทเลยเช่ามาเล่นหน่อย กลัวจะเกิดอันตรายเห็นน้ำเยอะ หลอกกกก 5555

หลังจากพวกเราเก็บภาพกันเสร็จ ก็คิดแล้วค่ะ อยู่ที่นี้ไม่ได้แล้ว ต้องไปที่ไหนสักที่ 5555 จะให้อยู่ที่นี้ 2 ชม. กว่าๆแบบไม่มีน้ำ พวกเรายอมไม่ได้ค่ะ! เลยตัดสินใจว่า จะนั่งรถย้อนไป ถ้ำกระแซ เพื่อเดินตามทางรถไฟสายมรณะ เก็บภาพกัน แล้วค่อยรอกลับพร้อมขบวนรถไฟ

พวกเราเลยหาวิธีการเดินทางค่ะ โดยลงไปที่ถนนใหญ่จะมีป้อมตำรวจท่องเที่ยวอยู่เข้าไปพูดคุยได้ความมาดังนี้ค่ะ

  1. ย้อนไปสถานีน้ำตก เพื่อนั่งรถไฟขบวน 258 ย้อนไปที่ถ้ำกระแซ ( เชครอบได้ค่ะ http://www.kanchanaburi-info.com/th/train.html)  โดยสามารถเดินทางไปสถานีน้ำตกได้อย่างไรบ้าง
  • เดินย้อนไปตามทางรถไฟค่ะ น่าจะใช้เวลา 20-30 นาที แต่เพื่อนก็บอกว่า ถ้าเลือกเดินบนทางรถไฟแล้ว จะเปลี่ยนใจไปวิธีอื่นไม่ได้เลยนะ เดินให้ถึงได้อย่างเดียว และสำหรับฤดูนี้แล้วพวกเราตัดวิธีนี้ทิ้งค่ะ 5555
  • รถบริการ ที่นี้ไม่ค่อยมีรถสองแถวค่ะ มีแต่รถเหมา ซึ่งราคาเหมาแล้วแต่ตกลง พอดีเราไม่ได้ถาม
  • รถเมล์ อันนี้แล้วแต่สายที่ผ่าน ต้องอ่านจากหน้ารถ โบกแล้วถามเค้าเอา 555
  1. หารถไปถ้ำกระแซ
  • รถบริการ อันนี้ถามราคามาถ้าเหมาไปถ้ำแซ 500 บาท เรามากัน 2 คน 500 บาท.... ลาก่อนน ไม่มีทางง
  • รถเมล์ นี้แหละค่ะทางเลือกเรา ตอนแรกนั่งรอรถเมล์กันประมาณ 20 นาที รถไม่มาสักทีเลยเดินย้อนจะไปสถานีน้ำตกตรงทางถนนใหญ่เพราะเผื่อว่ามีรถเมล์ผ่านมาจะโบกระหว่างทาง เดินไป 5 นาที เปิด map ดู ไม่ไหวจริงๆ ถ้าจะตัดสินใจเดินก็เด็ดขาดไปทางรถไฟเลยดีกว่าค่ะ เลยเดินย้อนไปที่รถเมล์ แล้วรถก็มา !!! ป้ายเขียนว่าเข้ากาญจนบุรี แฮปปี้เลย ขึ้นรถไปเค้าบอกว่าต้องลงตรงแยกวังโพธิ์ ข้ามถนนแล้วต่อมอเตอร์ไซต์ไปถ้ำกระแซต่อนะ ได้ค่ะ! ดีกว่าจ่าย 500  5555  ค่าใช้จ่ายบนรถเมล์คนละ 20  แล้วลงต่อมอเตอร์ไซต์อีกคนละ 50 บาทก็ถึงถ้ำกระแซค่ะ

ในที่สุดพวกเราก็ถึง ถ้ำกระแซ ! 555 แวะพักทานข้าวเที่ยง ก่อนจะเริ่มเดินเล่นกัน สังเกตนักท่องเที่ยวทุกคนจะเหงื่อออกตัวเปียกกันหมด ไม่ใช่!!! 5555 จะบอกว่าชาวต่างชาติเยอะเหมือนกัน นี้คือวิวจากทางรถไฟ

ความรู้สึกมันต่างกับตอนนั่งรถไฟนะคะ คือตอนนั่งรถไฟจะรู้สึกว่า เหยยย ทางรถไฟมันแคบมากเลียบหน้าผาไป วิวข้างล่างก็สวยเป็นคนยืนหลบรถไฟมา ไม่ใช่! เป็นแม่น้ำอยู่ด้านข้าง 555 ที่บอกคนหลบคือเหมือนคนที่เดินบนรางพอได้ยินเสียงรถไฟมาก็เลยหาที่หลบกัน ไอเราคนบนรถไฟมองลงไปก็เห็นยืนเบียดๆหลบกัน น่ารักดีค่ะ ฮ่าๆ เหมือนรู้สึกชมวิวมากกว่า

แต่พอเรามาเป็นคนเดินบนราง มันจะค่อยๆเดินอย่างระวัง จะเห็นชัดเลยว่า ทางแคบมากเป็นแค่ทางรถไฟ ข้างนึงเป็นหน้าผาลงไป ค่อยๆเดินตามไม้หมอนที่ห่างช่องไฟเท่าๆกัน กว่าจะสร้างออกมาขนาดนี้ได้ มันจะลำบากขนาดไหนนะ เดินผ่านช่วงที่เป็นหน้าผาไป จะเป็นโซนต้นไม้ร่มรื่นที่ตอนนั่งรถไฟรู้สึกแค่ว่า กิ่งไม้จะยื่นเข้ามาโดนหน้าไหมน้า 5555  คืออยู่บนรถไฟ มันเห็นแค่ขวา ซ้าย ถ้าเราได้มาเดินจริงๆ เราเห็นหน้าหลัง บน ล่าง มันต่างกันค่ะ ความรู้สึกมันกว้างกว่ามากๆ อยากให้ได้ลองเดินซึมซับบรรยากาศกัน

พวกเราเดินตัวเปียกกันสักพักก็หลบเข้ามาไหว้พระในถ้ำกระแซ แล้วก็รอขบวนรถไฟ 909 ของพวกเรารับกลับกันค่ะ
: )

ขากลับแวะเที่ยวชมสุสานพันธมิตร โชคดีที่ขบวนของเราล้าช้าแค่ประมาณ 15 นาทีเลยได้แวะค่ะ พนักงานรถไฟบอกว่าบางวันที่เลทมากๆก็ไมได้แวะเหมือนกัน  สุสานพันธมิตรเป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม
โดยสุสานจะห่างจากสถานีประมาณ 200 เมตร จะเดินหรือนั่งรถ 2 แถวไป-กลับ 10 บาท ก็ได้ 

พวกเราเลือกเดินแล้วเก็บเงิน 20 บาทไว้ซื้อน้ำเย็นๆดื่มค่ะ 55555 เพราะหลังจากนี้จะนั่งรถไฟยาวๆ  2 ชม. เพื่อกลับ กทม. กัน เตรียมน้ำดื่มให้พร้อมนะ เพราะว่าจากนี้จะไม่แวะจอดไหนแล้วและเราก็ต้องนั่งบนรถไฟร้อนๆจนกว่า พระอาทิตย์จะตก 5555 ใช่ค่ะ ร้อนมากจริงๆ แดดตอนบ่ายบวกกับความร้อนที่สะสมในรถไฟตั้งแต่เช้า กว่าอากาศจะดี ก็ 6 โมงเย็น ซึ่งเวลานี้ของที่สั่งไว้ก็จะมาส่งพอดี 5555 แจกอาหารได้เวลาดีมากๆ

นั่งทานก๋วยเตี๋ยวไปชมวิวไป บรรยากาศดีมากๆเลย สวยจริงๆนะ ข้างทางเป็นทุ่งนา สวนผลไม้ ประกอบกับลมเย็นๆและพระอาทิตย์ที่กำลังตก ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเก็บภาพบรรยากาศแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก

แล้วรถไฟก็แล่นต่อไปจนถึงปลายทางกรุงเทพค่ะ

            ประสบการณ์แบบนี้อยากให้ลองไปสัมผัสกันนะคะ ไปไม่ยาก อาจจะร้อนหน่อยแต่สักพักอากาศก็เย็นเอง 555 คือร้อนจริงๆก็เตือนไว้ก่อนเลย ( การรถไฟแนะนำให้ไปช่วงเดือน กันยายนค่ะ ) แต่ร้อนยังไงมันทนได้อยู่แล้วละ ถ้าแลกกับสิ่งที่เราจะได้รับแล้วมันคุ้มมากเลยนะ อาจจะมีคนถามว่าไปให้ยากทำไม ไม่ขับรถไปหรือนั่งรถตู้ อย่างแรกไม่มีรถขับค่ะ555555555  อย่างสองรถมันไม่เหมือนรถไฟหรอก เส้นทางมันก็คนละเส้น ความใกล้ชิดธรรมชาติมันก็ต่างกัน การใช้เวลากับคนข้างๆก็ต่างกันค่ะ : )

สรุปค่าใช้จ่าย/ 1 ท่าน  = 540 บาท

ค่ารถไฟ 120 บาท

ค่ารถเมล์ 20 บาท

ค่ารถมอเตอร์ไซต์ 50 บาท

อาหารเช้า 50 บาท

อาหารกลางวัน 50 บาท

น้ำดื่ม+น้ำหวาน 100 บาท

ของฝาก+อาหารเย็น 150 บาท

ปล. รถไฟนำเที่ยวสะอาดดีค่ะ มีถุงขยะผูกตาม เสาต่างๆ และพี่พนักงานก็คอยเดินตรวจความเรียบร้อย อธิบายระหว่างการเดินทาง ดีมากๆเลยค่ะ