ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
"ดอยม่อนจอง" จากคนที่ไม่กล้าแม้จะออกจากบ้าน ดอยม่อนจอง (Doi Mon Chong) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    เป็นเรื่องราวที่เก่าพอตัวเลยสำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้ เมื่อต้นปีนี้เองถือว่าเป็นทริปแรกเลยในชีวิตที่ได้ออกเดินทางไปในที่ที่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะไปถึง ผ่านการเดินทางจนถึงทุกวันนี้ก็ได้แต่นั่งขำว่ากุทำอะไรลงไปวะ อะไรมันดนใจให้ตูตัดสินใจไปม่อนจอง 55555 รู้แต่ว่าวันนั้นผมทุบหม้อข้าวตัวเองตีตั๋วไปเชียงใหม่ โดนไม่แผนอะไรในหัวรู้แต่ว่า " ตู จะ ไป ม่อน จอง " เว้นคำหน่อยเพื่อความฮิป ผมคิดมันแค่นั้นแหละ และสำหรับหน้าหนาวนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า "ม่อนจองหนาวมาก" ยิ่งเมื่อตอนที่ผมไปนะหนาวแบบฆ่าตูเถอะ ส่วนใครที่สนใจไคร่อยากเหยียบยอดดอยหัวสิงค์นั้น ผมแนะนำเลยว่า "อย่าไป" หลอกๆ 55555 ไปเถอะครับ ภูเขามันไม่หนีเราไปไหนหรอก มีแต่เราที่เดินหนี   ม่ะ !! เริ่มบทที่ 1 กันเลยดีกว่า

     

    บทที่ 1 "คุณหลอกดาว"

     

    คืนก่อนขึ้นดอยม่อนจอง พี่น็อตใช้เวลาศึกษาเส้นทางจากเวปไซต์ต่าง ประมาณ 6-5 เวป เพราะม่อจจองต้องออกไปจากตัวเมื่งร่วม 100 กว่าโล เราจึงจำเป็นต้องศึกษาเส้นทางตารางเวลารถเป็นอย่างแรก เราวางแพลนไว้จะต้องถึงมูเซอ ภายในเที่ยง และพี่น็อตเรื่องตรงต่อเวลาพี่แกซีเรียสมากกก

    เราได้บทสรุปมาดังนี้ มีรถตู้ออกตอน 6.00 น. ที่ประตูช้างเผือก เดินทาง 4 ชม. ถึงมูเซอ เราออกจากที่พักเวลาตี 5 เดินชิลๆดูบรรยากาศเมืองเชียงใหม่ตอนเช้ามืดที่เงียบมากต่างกับเมื่อคืนที่ไม่ต่างอะไรกับแถวแครายบ้านกุเลย -*-
    แต่พอเดินๆอยู่พี่น็อตก็หยุดและพี่เขาก็พูดว่า
    "เจพี่ขอโทษวะ"
    "ทำไมอะพี่"
    "พี่พาเรามาผิดทาง"

    เรามาโผล่ประตูท่าแพ Yes K !! คนละทิศเลยคะคุณขาาาา !! 
    พอดูนาฬิกา 05.30 น. เท่านั้นแหละอัตราความชิลกุแทบเป็น 0 จ้ำแล้วจ้ำอีก ไม่สนบรรยากาศข้างๆกุจะเป็นไงบ้าง ถ้ามันมีคนยิงกันข้างก็ข้างๆ กุก็ไม่รู้เรื่องอะนะจุดจุดนี้...
    และในที่สุด!! กุก็ถึงประตูช้างเผือกกก น้ำหูน้ำตาแทบไหลกุมาถึงแล้ววว ในเวลา 05.55 น. แต่ความดีใจที่ท่วมท้นแม่งถูกเบรคด้วยคำว่า "วินรถตู้มันอยู่ไหนวะ" กลับเข้าสู่สภาวะเดิม.. - -

    พอสังเกตุดูดีๆเฮ้ย!! มันไม่มีวี้แววถึงสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ารถตู้สักคันเลยนี้หว่า พี่น็อตตัดสินใจเดินข้ามถนนด้วยใจห้าวหาญดั่งชายชาติทหารไปถามรถ 2 แถวที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

    "พี่ครับ ไม่ทราบว่า วินรถตู้ที่ไปอมก๋อยนี้อยู่ตรงไหนหรอครับ"
    " โอ้ยน้อง รถมันหมดไปกะตอนตั้งแต่ตี 5 แล้วและรถมันก็ไม่ได้ขึ้นตรงนี้นะน้องต้องเดินไปอีก 1 กีโลนู้น "

    ทรุดครับผมเห็นทหารทรุดต่อหน้าเลยครับ ... พี่ผมเหมือนถูกยิงด้วยประโยคบอกเล่า..

    "สึด คุณหลอกดาว!! "

     

    • Nothy  ทุกๆ ที่มีความทรงจำ ....จริงมั้ย ? 08 พฤษภาคม 2563 05:54:51
    • โพสต์-2
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 2 "คำสัญญา"   ความรอบครอบของพี่น็อตถึงมันดูเยอะแต่ทำให้เรา(ตู) พ้นภัย พี่น็อตบอกผมว่า มันยังมีรถที่จะไปอยู่เพราะพี่แกออกมาวิ่งตอนเช้าและเจอพอดี โดยเส้นทางของรถตู้นั้น จะตรงถึง มูเซอเลย โดยใช้เวลา 4 ชั่วโมง ส่วนอีกเส้นทางนึงเราจะรถเมย์ตรงประตูช้างเผือกไปลงที่ฮอดและนั่งจากฮอดไปอมก๋อยและไปมูเซอต่อ รวมๆแล้ว ประมาณ 5 ชม.ได้ เราไม่รอให้ใครมาตัดลิปบริ้น เดินตรงไปหารถเมล์คันสีฟ้า ขึ้นไปนั่งรอมันพาเราไปลงที่ฮอด ระหว่างทาง วิวสวยครับ แต่หนาวมาก โคตรบิดาดาร์คเวอร์เดอร์หนาวหนาวชิปหาย และ พี่เขาขับรถเร็วมาก คือพี่จะรีบไปส่งรถหรอครับ -*- ณ ฮอดเมื่อเวลามันกระชั้นชิดพอรู้สึกตัวอีกที ความหิวก็เข้ามาทำร้าย เราลงความเห็นกันว่าจะกินข้าวที่นี้และซื้ออาหารไว้กินบนม่อนจอง เพราะเราไม่รู้ว่าอมก๋อยมันเป็นยังไงเจริญแค่ไหน เราตรงไปที่วินรถ 2 แถว ถามเวลาออกกี่โมง "อ๋อ มีรอบ 8 โมง กับ 10 โมงอะน้อง น้องจะไปรอบไหน" shit ! อีก 15 นาที 8 โมง เอาวะผมบอกพี่น็อตว่าไปรอบ 10 โมงก็ได้     พี่น็อตส่วนเลย "และเอ็งจะถึงม่อนจองกี่โมง เราต้องเดินทางไปอีก 2 ชม. และต้องเขามูเซออีกนะ" เมื่อเหตุการณ์เริ่มแย่ของกินก็ไม่มี อมก๋อยเป็นไงก็ไม่รู้ สถานะการณ์อย่างตึงเครียดจนกระทั้ง "เอางี้นะน้อง น้องรีบไปเลยเดี๋ยวพี่ไปรับหน้าเซเว่น" โอเค!! ครับพี่ i love you so much!! จ้ำซิครับรออะไร สัญญากันขนาดนี้ใจชื้นละ เราเดินเข้าไปในเซเว่นหาของกินที่จะไม่บูดง่ายๆ สรุปได้ มีขนมปัง ปลากระป๋อง 3 กระป๋อง หลังจากนี้ไปวัดดวงที่อมก๋อยเอา พี่น็อตตะโกนเรียกเพราะรถขับมาใกล้ถึงหน้าเซเว่นแล้ว ผมเดินถือของออกมาอย่ารีบ "พี่ว่ารถมันขับเข้าเลนแปลกๆวะ" พี่น็อตพูดขึ้น ผมสังเกตุเข้าไปในรถ สบสายตากับพี่คนขับหวังว่าจะทวงสัญญาที่ให้กันไว้ พี่คนขับตอบกลับด้วยการโบกมือบ๊ายบาย และยูเทิร์นรถกลับ ผมสองคนยืนนิ่ง ราวกับเห็นหญิงที่รักจากไป... อะไรของพี่วะเนี่ยย ! ไอ่การโบกมือนี้คืออะไร ! และสัญญาที่ให้กันไว้ละคุณขาาาา ถึงผมไม่ใช่ผญผมก็อ่อนไหวนะเพ่ T T ‪#‎Shit‬  

    • โพสต์-3
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 3 " ระหว่างนั่งรถฉันหมดแรง "


    เ๘ี้ย !! อุ้ยลั่น จำเป็นต้องรับความจริงละทีนี้ สายก็สายทางมันน่าจะชิลๆ (คิดในใจ) 
    ผมกับพี่น็อตเดินกลับไปที่วินรถ2แถวเพื่อจะหาข้าวกิน รถออกตั้ง 10 โมงนิ กินข้าวและมาเต้นบอลเล่ยังไงเวลาก็เหลือเฟือ ขณะที่เรากำลังเดินเลือกร้านข้าว
    คุณพระ!! พี่รถ2แถวที่เพิ่งจะทิ้งเราไปขับรถกลับมารับ 
    " เอ้าไปไหนมาอะพี่ " พี่น็อตถาม
    " อ๋อ พี่ไปรับคนในฮอด " 
    เอ้า!! แล้วพี่จะโบกมือบ๊ายบายทำอาแปะอะไรครับ แหม่ -*- ตะโกนบอกก็ได้เพ่
    เหมือนสวรรค์มาโปรด เรารีบหอบสัมภาระลุลังขึ้นไปบนรถ ภายในรถประกอบด้วยคนจากมูเซอทั้งคัน มีทั้งวัยรุ่น คนแก่ วัยกลางคน ทุกคนจะแต่งตัวแพทเทิลคลายๆกันซึ้งมั่นใจว่าบ้านเดียวกันแน่นนอน และตู 2 คนเด่นมาก แต่สิ่งที่ผมโฟกัสจริงๆคือมันมีเด็กที่หลับอยู่ และผมเชื่อว่ามันต้องซนแน่ๆ เพราะตอนนั่งรถไฟผมทำศึกสงครามกับเด็กมารอบนึงแล้ว

    ระยะทางจากฮอดไปอมก๋อยไกลมว๊ากก ด้วยความเมื่อยล้าผมหลับๆตื่นๆ ไป 2 รอบ ยังไม่มีวี้แววว่าจะถึง พวกเราเลยถามพี่คนที่นั่งตรงข้าม ว่าใกล้ถึงรึยังครับ  พี่เขาก็ยิ้มและตอบ
    " อีก 40 กม. "
    ตูนี้นั่งสุขุมเลยหลับๆมาตั้งนานนี้เพิ่งครึ่งทางเองหรอ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าการนั่งเฉยๆอยู่บนรถจะดูดวิญญาณตูได้มากมายขนาดนี้ นั่งหลังตรงๆเบาะเอนไม่ได้เหยียดขาไม่ได้ หมดแร๊งหมดแรง ตูอยากเดิน ตูอยากออกไปวิ่งในโลกกว้าง อยากผจญภัย ตูอยากฟินนาเล่ !!
    "เจ ! พี่ตัดสินใจแล้ววะ" 
    " ห๊ะ ห๊ะ เดี๋ยวพี่ "
    " พี่จะไม่เอาคนอมก๋อยเป็นเมียพี่แน่นอน"
    " ทำไมอะพี่ "
    " คิดสภาพกุตอนมาหาพ่อตาแม่ยายดิ "
    " ...... "
    ผมเอามือเย็นๆไปแตะไหล่พี่น็อตเบา
    " นี้อาจจะเป็นครั้งแรกที่เราคิดเหมือนกันนะพี่ "
    ตูได้คลานเข่าเข้าไปหาพ่อตาแม่ยายแน่ๆ ไม่ใช่เพราะกลัวนะ ตูอ่อนล้าาา ...

     

    • โพสต์-4
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 4 " ความเชื่อ "

    ก่อนผมเดินทางไปเชียงใหม่ ผมได้มีโอกาสอ่านมานาประจำวัน ก่อนเดินทาง
    ในมานากล่าวไว้ว่า
    " พระเจ้าจะทรงช่วยคุณหาจนพบ "
    ผมไม่รู้ผมมาตามหาอะไรที่ม่อนจอง ผมอาจะแค่อยากหนีจากตรงนั้นจุดนั้นผมไม่รู้ แต่มีบางอย่างบอกให้ผมมาและผมต้องมา มาเพื่อพบอะไรสักอย่างและหวังว่าพระเจ้าจะให้คำตอบ
    เรายังคงอยู่บนรถ 2 แถว กับกลุ่มชาวบ้านอมก๋อยผสมมูเซอ รถก็ยังคงขับเร็วมาก อากาศ+ความเร็วของรถ=หายนะ สมกาลง่ายๆ ที่ทำให้มือแขนขากุชาแล้วชาอีก เย็นจนหน้าด้านไม่รู้สึก แต่คุณพระชาวบ้านที่นี้ยังคงคุยเล่นคิกคัก เด็กตัวเล็กที่นอนอยู่ก็ตื่นมาปีนคนนู้นคนนี้เล่น คือพี่ครับ ดี้ด้ากันขนาดนี้ เกรงใจอากาศหนาวด้วยครับพี่ 

    อีกไม่กี่กิโลจะถึงอมก๋อย ความกังวลของพวกเราก็กลับมาอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์ในบทแรก ทำให้เรารู้ว่าข้อมูลจากเวปเชื่ออะไรไม่ได้อีกแล้ว พี่น็อตจึงถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเกี่ยวกับรถที่จะไปม่อนจอง คำตอบของพี่เขาก็ยังคงฟังลื่นหูเหมือนเดิม
    " โอ๊ย หมดไปตั้งนานแล้วน้อง " ค่อยยังชั่ว เฮ้ย !! ทำไมมันหมดไวจังฟะ ยังไม่เที่ยงเลยไม่ใช่เรอะ แต่ก็ยังไม่แย่ขนาดนั้น พี่เขาชี้ไปที่ลุงเสื้อแดงที่ยืนอยู่ท้ายรถ ลุงคนนั้นไปม่อนจอง และเขาก็คุยให้กับเรา ลุงเสื้อแดงบอกเราว่า ลุงแกไม่ได้จะไปม่อนจองแต่จะไปแม่ตื่น แต่ลุงแกผ่านหมู่บ้านมูเซอจะไปส่งเราลงที่นั้น แต่ ต้องดูว่าลูกสาวเขาเอารถอะไรมารับ ถ้ามอไซก็อด
    พอถึงตัวอ.อมก๋อยลุงเสื้อแดงรีบลงไปโทรคุยกับลูกสาวทันที ผมเชื่อว่าพระเจ้าต้องช่วยผมให้ผมไปถึงหมู่บ้านมูเซอ ผมเชื่อและยังคงเชื่อแบบนั้น
    " พ่อหนุ่มโทษทีลูกสาวลุงเอามอไซมารับ... " keep look ไว้เจ keep ไว้ T T
    แต่ลุงเขาใจดีมากจะพยายามโบกรถให้เรา เครียดมากตอนนั้นเครียดมากจนเห็นนอะไรกุก็ขำไปหมด วันนี้นอนอมก๋อยแน่ๆเลยพี่ 5555 พี่ดูป้ายเดินไป ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่ามู่เซอตั้ง 65 กม. เดินมั้ย 5555 เจๆ ไส้กรอกที่มีวุ้นเส้นข้างในที่นี้ขายไม้ละ10 พี่ไปดอยสุเทพขายตั้ง 50 แน่ะ 5555 สติสตังพวกกุมลายสิ้น

    จนกระทั้ง !! 

    " พ่อหนุ่ม พี่คนนี้เขาผ่านมูเซอ " เป็นรถ Isuzu 4วิว ติดโลโก้การไฟฟ้า เรารีบขนของไปที่รถ พี่ๆคนในรถทำหน้างงๆ ผมกลัวว่าเขาจะไม่ให้ผมขึ้นรถผมมองเข้าไปในรถ และพวกพี่ๆเขาก็มองผม ผมยิ้มพี่ๆเขาก็ยิ้มตอบ นั้นแหละ...
    พี่พลาดละ ผมกระโดดขึ้นรถทันทีตัดบทสนทานตอนนั้นทุกอย่างเอาให้ตอนนี้ถึงหมู่บ้านมูเซอให้เร็วที่สุดพอจะนอนนั้นอีกสักวันก็ไม่เป็นไร บทสนทนาสุดท้ายที่ผมจำได้ " มันจะมีตลาดลงตรงนั้นเดี๋ยวลุงมารับ "
    " ลุงจะมารับเราจริงๆใช่มั้ย " พี่น็อตถามผม 
    " นั้นดิพี่ "

    • อย่ากลัว  ขอบคุณพระเจ้า ที่มีมานาเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ เส้นทางท้าทายจริงๆค่ะ 21 มีนาคม 2559 20:02:55
    • โพสต์-5
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 5 " ลม "

    ธรรมชาติรอบข้างยังคงสวยเหมือนเดิม มีบ้าน ฝูงวัว เพิ่มมา ถนนดีมากครับจากอมก๋อยไปถึงแม่ตื่นถนนดีมาก ผมเสียใจที่ไม่ได้ถ่ายอะไรเยอะแยะเพราะฟ้าค่อนข้างจะปิดถ้าฝนตกลงมาผมคงแย่ ใช่แย่แน่ๆทั้งกล้องทั้งกุแย่แน่ๆ เพราะพี่แกขับซะโอโห้ !! หนาวสึด !! จนคิดน้อยใจว่า ในความเร็วของพี่แก มีพวกผมอยู่บ้างมั้ย แต่มันก็เป็นฟิลลิ่งที่เราเองก็ไม่เคย และไม่เคยคิดว่ากุจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ 5555 เคยคิดว่าอยากจะลองโบกรถเดินทางทำตัวเป็น backpacker ดู ใครจะไปคิดวะว่าจะโดนตั้งแต่ทริปแรก!!

    เราเดินทางผ่านตลาดหนึ่งด้วยความเร็วแบบ fast and serious.
    " เจ ตลาดนี้ป่าววะ "
    " ... เอ้อ ห๊ะ !! ไม่รู้อะพี่ "
    " พี่ว่าเราไปลงมูเซอกับพี่เขามั้ย และค่อยว่ากันอีกที "
    " ผมว่าก็โอเคนะอย่างน้อยมันก็น่าจะอยู่ใกล้เป้าหมายเรา "
    ป่าวหรอกถ้าจอดเดี๋ยวเป็นข่าว " กลุ่มนักท่องเที่ยวเกิดรถเสียหลักพลิกคว้ำเหตุจากจอดรถอย่างกระทันหัน " เชื่อเหอะเร็วขนาดนี้ต่อให้บอกทันตูก็เลยไปไกลแล้ว

    และเราก็ถึงหน้าหมู่บ้านมูเซอ พี่คนขับจอดรถและลงมาถามว่าจะลงไหน
    " พี่คุยกับลุงเขาว่าไงอะพี่ " พี่น็อตถาม
    " ลุงเขาจะให้ไปส่งแถวแม่ตื่น แต่พี่จะไปม่อนจอง พี่ไปไม่ถึงลงตรงนี้ละกันเนอะ "
    " พี่จะไปไหนนะ? " พี่น็อตถาม
    " พี่จะไปม่อนจองพวกเราอะจะไปไหน "
    " เฮ้ย พี่ผมก็จะไปเหมือนกัน " 
    " งั้นไปด้วยกันมั้ย "
    " ไป ! ครับพี่ ! " 
    ผมกับพี่น็อตดีใจจนกระโดดกอดกัน (พอนึกย้อนไปดูยิ้มอย่างเกย์ 555555) เรามั่นใจได้แล้วว่ายังไงวันนี้เราได้เหยียบม่อนจองเป็นแน่แท้ แต่ถ้าถามกันจริงๆผมกลัวมั้ยที่วันนี้จะต้องนอนที่มูเซอ ผมไม่ได้กลัวขนาดนั้นผมไม่ได้มาสบาย ผมมาพักผ่อน เวลากำหนดการไม่ได้มีค่ากับผมเลย วันนี้จะได้นอนไหนก็ชั่งมัน ผมแค่ปล่อยให้กระแสลมของชีวิตมันพัดพาไป
    " ถ้ามันจะเป็นยังไงก็เป็นไป แต่ดิ้นรนให้ถึงที่สุดพี่ไม่ชอบคนที่ไม่ดิ้นรน " 
    ‪#‎พี่น็อต‬

     

    • โพสต์-6
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 6
    ทางจะขุขระนิดหน่อย
    ห่างหายไปนานมากับบทความนี้ เพราะช่วงหลังๆมานี้เจอกับมรสุมชีวิตค่อนข้างหนักมาก (เอาจริงๆเลยคือขี้เกียจ 5555)
    เราขับเข้ามาถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวซึ้งห่างจากทางเข้าแค่ 100-200 เมตร
    ผมเช่าเต็นของที่นี้ซึ้งยิ้มเหลืออันสุดท้าย (เกือบแล้วมั้ยล้าา) กับกินข้าวกันให้เต็มที่เพราะอีก 6 กิโลเราจะถึงทางขึ้นม่อนจองแล้ว พี่กุ๊กถามผมกับพี่น็อตว่าอยากนั่งหน้ามั้ย ด้วยความเกรงใจเราเลยขอพี่เขานั่งหลังเหมือนเดิม และนั้นก็คือการตัดสินใจที่พลาดชิป
    ย้อนกลับไปนิดนึง ขณะที่ผมกับพี่น๊อตกลับมาจากการเดินเล่นรอบตัวเมืองเชียงใหม่ พี่น็อตนั่งศึกษาเส้นทางและข้อมูลจากหลายเวปเพื่อจะเอามาเรียบเรียงข้อมูลในการใช้เดินทางพรุ่งนี้ ถึงแม้บางเวปยิ้มก็ก็อปกันมาบางเวปยิ้มก็ข้อมูลไม่เหมือนกัน แต่ก็สรุปได้ว่า หลังจากที่เราไปถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวแล้ว จะต้องเช่ารถชาวบ้านหรือขับเข้าไปต่ออีก 6 กิโลซึ้ง " ทางจะขุขระนิดหน่อย นะจ๊ะ ^ ^ " 
    และตูกับพี่ก็เชื่อ...

    ขณะที่เรานั่งอยู่ข้างหลังชมบรรยายกาศข้างทางกะจะถ่ายรูปชิลๆ ตุบ!! เ_ี้ย มันกระแทกแรงมากภาพในหัวผมเหมือนยิ้มตัดไปเสี่ยววิ ไม่ทันได้หันไปหาพี่น็อต รถก็ตกหลุมแบบเดิม อีก 1 2 3 4 5 6 ยิ้มมีตลอดทาง!! บางหลุมเล่นเอาซะตัวลอยก็มี อีกมือนึงผมก็เกาะขอบกระบะ อีกมีอนึงก็ล็อคกล้องไว้ไม่ให้กระแทก
    ทรมานแบบสุดทีน บางช่วงที่วิ่งเรียบหน้าผาผมกับพี่น็อตนี้กรี๊ดลั่นเลย คือยิ้มเฉียดเฉียดแบบอีกคืบเดียวคือล้อยิ้มลงไปแน่ จนพี่น็อตบอกผมว่าถ้ามันลงไปเมื่อไหรเตรียมโดดตามพี่เลยนะ 55555 ถึงแม้เราจะพูดกันขำๆแต่เชื่อเถอะถ้ายิ้มเฉียดอีกตูโดดแน่นอน -*-
    ผ่านหลุมและก็เหวที่รู้สึกจะมีตลอดทาง ผมตัดสินใจค่อยคลานไปหยิบกระเป๋าเพื่อเอากล้องไปเก็บ ขณะที่ผมค่อยคลานไปจับกระเป๋า รถก็ลงทางลาด ผมคว้าขอบกระบะแทบไม่ทัน เพราะมันไม่ใช่ทางลาดธรรมดา ยิ้มลาดลงประมาน 70 องศาได้!! ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวผมเกือบไหลไปกองอยู่ข้างหน้าด้วยแรงดึงดูดของโลก และยิ้มก็ขึ้นด้วยองศาที่เท่ากัน มันทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมเข้าต้องขึงเชือกกับกระเป๋าไว้แน่น ลองคิดสภาพมันไหลลงมาดิ final destination ย่อมๆเลย (แต่ของผมเบาเลยไม่ไหลลงมา)
    ผมกับพี่น็อตหัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่ข้างหลังกระบะ เพราะเหตุการณ์ที่เจอยิ้มทรมานมากและเจ็บตัวมากจากแรงกระแทก มันทำให้เรากดดันจนเปลียนให้ความเครียดกลายมาเป็นการหัวเราะกับสิ่งที่ตัวเองเจอ จนผมหลุดพูดขึ้นมาว่า
    " พี่ลองมองไปบนฟ้าดิ "
    " ทำไมวะ "
    " พี่เห็นหน้าแม่ผมมั้ย "
    "..... ไอ่ชัช 555555 "
    " และเอ็งเห็นแม่พี่มั้ย "
    " นี้เราจะลาตายกันใช่มั้ยพี่ 55555 "
    เป็น 6 กิโลที่คนนั่งหน้าไม่มีวันเข้าใจ !! (กุพลาดเอง T T )
    ทางจะขุขระนิดหน่อย นะจ๊ะ ^ ^ ‪#‎ดีออก‬

     

    • โพสต์-7
    Chittapon •  ธันวาคม 28 , 2558

    บทที่ 7

    " เห็นยอดหินนั้นมั้ย "
    ในที่สุดเราก็มาถึงทางขึ้นดอยม่อนจองหลังจากผ่านเหตุการที่โหดร้ายในบทที่แล้วมา มันช่างน่าปลื้มปิติเหลือเกิน แต่จริงๆแล้ว... นี้คือจุดเริ่มต้นของหนังชีวิตตูเลย  -*-

    หลังจากที่เราแนะนำตัวแล้วถ่ายรูปหมู่กันนิดหน่อยแล้ว ด้วยความฟิตผมเดินขึ้นไปคนแรก ทางขึ้นนั้นลักษณะเป็นป่าทึบชื้นๆและเป็นทางชัน ผมเดินจ้ำเอาจ้ำเอา แต่แล้วสักพัก พี่กุ๊กก็เดินแซงผมไป ไม่กี่วิพี่เฉลิมก็แซงไป พี่น็อตก็ตามไป 3 คนนี้เขาเป็นพวกยอดมนุษย์อยู่แล้วไปแปลกใจ และส้งก็เดินนำไป เฮ้ยเดี๋ยวไม่ใช่ละ !
    ส้งเป็นผู้ชายร่างอ้วนที่สุดในกลุ่มเราถ้าคนที่จะหอบคนแรกน่าจะเป็นส้งดิ แต่ทำไมผมกลับเหนื่อยมาก อาจจะเพราะผมไม่เคยออกกำลังกายเลยแต่ เฮ้ยคือนี้แค่ทางชั้นแรกเองนะ ทำไมมันทำดาเมจรุนแรงขนาดนี้ ผมหยุดพักนิดนึงเพื่อสำรวจตัวเองและตั้งสติ และค่อยขยับขาขึ้นไปเรื่อยๆ จนตามทันส้งทัน

     

     

    เรามาถึงด่านแรก ป่าสน ลักษณะจะเป็นทางลาดลงเดินสบายๆฝั่งขวาจะเป็นป่าทึบส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นป่าสนเรียงกันสวยมากกกกกกกกกกกกก นี้ไม่ได้อวยนะพูดจริงๆ ผสมกับอากาศเย็นของหน้าหนาวนะ คือเดินไปด้วยถ่ายไปตลอดทางอะ คิดว่าหลงมาต่างประเทศ
    หมดป่าสนไปจะเป็นทางขึ้น ที่ฝั่งซ้ายจะเป็นต้นไม้เตี้ยๆมองออกไปจะเป็นภูเขาและมีผืนป่าอยู่ด้านล่าง แต่แล้วอยู่ดีๆพี่กุ๊กก็พูดขึ้นมา
    " เห็นยอดหินนั้นมั้ย "
    ทุกคนก็แบบเห็นๆ
    ส่วนผมหรอ " พี่น็อตๆไหนอะพี่ " 
    " นั้นไง "และพี่น็อตก็ชี้ไป
    นึกในใจ " ไหนวะ " แต่ปากที่พูดไป " อ๋ออ ผมเห็นละพี่ "
    นี้ขนาดกุใส่แว่นนะ -*-
    คือผมไม่รู้ว่าไอ่ยอดหินนี้มันคืออะไรทำไมพี่กุ๊กถึงได้พรีเซ้นมันขนาดนั้น แต่ผมเชื่อว่าถ้าไปถึงตรงนั้นยิ้มคือนิมิตหมายที่ดีแน่ๆ

     

    อาการเหนื่อยและเมื่อยของผมกับส้งในตอนนี้ออกอาการชัดเจนมาก จนพี่กุ๊กต้องคอยหยุดพักเพื่อให้ผมกับส้ง หายใจหายคอกันอยู่เรื่อยๆ ขณะเราเดินทางไปสักพักพี่น็อตจะบอกผมเสมอว่าเจทนหน่อยอีกนิดเดียวเดินใกล้ถึงแล้ว ผมก็จะฮึดมาช่วงนึงแล้วเดินต่อ แต่มันก็มีอยู่แว่บนึงที่ทำให้ผมรู้สึกได้ว่าผมลืมอะไรบางอย่างเวลาที่พี่น็อตพูดว่า " อีกนิดนึงเจใกล้ถึงแล้ว "
    ระหว่างทางเราเจอกับผลไม้หน้าตาแปลกๆ ที่เมื่อพี่เฉลิมเอามีดผ่าออกมามันมีกลิ่นเหมือนมะนาวนะถ้าผมจำไม่ผิดใช้ดมตอนจะเป็นลมหรือเหนื่อยๆได้ดี และชาวบ้านมูเซอที่ขนของหนักกว่าเรา 2-3 เท่าเดินผ่านมาพอดี เราถามว่าเหนื่อยมั้ยพี่แกก็ยิ้มๆบอกว่าไม่เหนื่อย หึ อย่ามาหลอกผม ผมเห็นหน้าลุงกับหลานลุงแล้ว ลุงเลยจุดคำว่าสบายดีไปไกลแล้ว 55555

    และ! ใน! ที่! สุด! ก็ได้เห็นไอ่ยอดหินนี้สักที เราเดินผ่านเหมือนสันเขาเล็กๆที่ถ้าเมิงตกไปก็ไปรับข้างล่างได้เลย อ้อมยอดหินไปเจอกับวิวทิวทัศน์ภูเขาและผืนป่า วิวตรงจุดนี้พีคมาก ผมรู้สึกว่าโลกมันกว้างมาก ถ้าเทียบกับขนาดตัวเรา ผมสูดอากาศที่บริสุทเต็มปอดแบบขอเอาไปหายใจออกที่บ้านเลยได้มั้ย แต่พี่กุ๊กก็บอก เจเอาออกมาก่อน บนดอยยิ่งกว่านี้อีกนะเจ ผมนี้ตื่นเต้นจนรอถึงบนดอยไม่ไหว

    เราแวะพักตรงจุดนี้นานพอสมควร มีโอกาสถ่ายรูป เดินดูไอ่ยอดหินที่ว่านี้ ก่อนจะแบกกระเป๋าเดินทางต่อ ผมเดินไปถามพี่กุ๊กว่า
    " พี่กุ๊กพี่จากจุดนี้เราใกล้ถึงรึยังอะพี่ "
    พี่กุ๊กหันมายิ้มแล้วพูดว่า
    " เรามาถึง 1ใน4 ของเส้นทางแล้วเจ "
    ผมช็อคไป 2 วิในหัวผมมันตะโกนว่า 
    " WTF !! 1ใน 4เองหรอคุณขาาาาา !!! "
    พี่น็อตนี้ขำก๊ากขำแบบโหยพี่เอ๊ยยย เกรงใจจิตใจน้องบ้าง T T
    ก่อนจะเดินมาตับไหล่แล้วพูดว่า
    " อดทนหน่อยเจใกล้ถึงแล้ว "
    แต่ก่อนจะกลับมาฮึดผมก็นึกขึ้นได้ว่า
    ‪#‎เดี๋ยวก่อนนะพี่นะเราก็มาพร้อมกันครั้งแรกไม่ใช่เร๊อะ‬ 
    ‪#‎แล้วพี่รู้ได้ไง‬ !!

    • โพสต์-8
    Chittapon •  ธันวาคม 29 , 2558

     

    บทที่ 8
    " หัวใจรักจริง " (บทนี้ยาวนะ)

    หลังจากผ่านยอดเขาหิน ที่พี่กุ๊กพูดอย่างประทับใจว่า
    " เรามาถึง 1ใน4 ของเส้นทางแล้วเจ "
    เราเดินขึ้นเขามาเรื่อยๆ เข้าสู่ป่าที่เดี๋ยวทึบบ้างเดี๋ยวไม่ทึบบ้างผมก็อธิบายไม่ค่อยถูก แต่ผมเหนื่อยมาก มากที่สุดเท่าที่เคยเหนื่อยมาในชีวิต ขาเริ่มสั่น ผมเริ่มเดินช้าลงเรื่อยๆพลางคิดในใจ จะไม่ไหวแล้วนะเมือไหรจะถึงร่างกายผมจะถึงขีดสุดแล้วนะ พี่น็อตพยายามจะเดินรอและบอกให้ผมฮึดสู้ตลอดทาง ถ้าถามถึงคนที่เหลือน่ะหรอ ส้ง อยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละผมกับส้งสภาพไม่ต่างกันเลย ส่วนพี่เฉลิมกับพี่กุ๊กนะเร๊อะ โอ้ยย อันนั้นเขาสายยอดมนุษย์ ดื่มเหล้าไปเพลงเปิดมือถือร้องไป ตอนแรกผมก็แหกปากร้องตามนะ น่าประหลาดนะการร้องเพลงไปเดินทางไปทำให้การเดินขึ้นเขาสนุกมากๆและความเหนื่อยที่ซะสมก็พอจะบรรเทาได้บ้าง แต่พอร้องไปสักพัก ผมก็รู้สึกแปลกๆ

    " บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง โอ้ว โอ้ยยย " ผมฮึดเลย !! แหกไปร้องลั่นป่าเลย ผ่านไปสักพัก

    " บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง โอ้ว โอ้ยยย " เอ้าร้องตามซิรออะไร !! 
    ผ่านไปสักพัก

    " บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง โอ้ว โอ้ยยย " ห๊ะ !! แรงหมดคำถามเกิด 
    ผ่านๆไปสักพัก

    " บอกให้รู้ไว้ หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียใจ ตัวผู้พันธุ์นี้ เขาเรียกหลายใจ จะให้ทำไง โอ้ว โอ้ยยย " พี่มีเพลงเดียวใช่มั้ยเนี่ยยยยยย

    เรามาถึงทางชันที่ทั้งชันมว๊ากกกทึบๆชื้นๆเย็นๆ ขาก็ไม่มีแรงต้องค่อยก้าวที่ละก้าวอย่างระวังก่อนจะไปยังอีกจุดนึงต้องคอยถามตัวเองว่าจุดต่อไปจะไปยืนยังไงไปตรงจุดไหน หลายครั้งที่กะพลาดลื่นเหมือนกัน 555555 แต่สนุกดีเหมือนกันนี้ซินะรสชาติของชีวิต
    " คนที่ไม่เคยก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตัวเอง จะไม่มีวันรู้ว่าจุดสูงที่สุดเป็นยังไง "
    หลายครั้งที่เราอยากจะชนะตัวเองแต่เราดันกลับมีข้อแม้ให้กลับตัวเองเยอะซะเหลือเกิน ตอนผมบอกว่าผมจะมาเชียงใหม่ขึ้นดอยม่อนจองหลายคนบอกว่าผมบ้า เอาเงินไปนิดเดียวจะถึงหรอ ให้รอเวลาให้รอนู้นรอนี้รอนั้น เฮ้ย ! แต่เอาเข้าจริงๆผมก็แอบคิดเหมือนพวกเขาเหมือนกัน จะไปได้หรอวะและจะไปคนเดียวด้วยนะหรือจริงๆกุแค่เพ้อฝันหยุดความอยากไว้ตรงนี้มั้ยและไปอยู่กับชีวิตเดิมๆ
    " กุไปด้วย " พี่น็อตตอบมาสั้นๆง่าย 
    " เมิงเคยวางทริปมาก่อนมั้ย ไม่เคยเดี๋ยวกุวางให้ "
    " สัญญากับกุแล้วอย่าเบี้ยวกุนะ "
    1 เปอร์เซนต์ในความเป็นไปได้เกิดแล้ว
    ตัดเข้ามาสู่นะความเป็นจริงคือตอนนี้กุหอบแล้วหอบอีก ใครก็ได้ขับฮอมาหิ้วกุขึ้นไปที T T " เจ รีบขึ้นมาเร็วโคตรสวยอะเจ " พี่น๊อตตะโกนลงมาจากยอดเขาด้านบน ใจผมนี้สับไปจนถึงยอดละ แต่ร่างกายนี้ตะเกียกตะกายแบบสุดแรงเกิด (ถ้านึกไม่ออกว่าภาพเป็นไงนึกถึงหนังในหัวคุณที่มีตัวเอกกำลังจะถึงเส้นชัยด้วยแรกเฮือกสุดท้ายที่มี " แต่ดรอปความสวยงามไป 80 เปอร์เซ็น " )
    มาถึงแล้วโว้ยยยย โอ้ยยย อยากจะร้องไห้เป็นภาษาโปตุเกส ญีปุ่น ฝรั่งเศส รัสเซีย ผมทิ้งกระเป๋าลง ถอดเสือกันหนาวออก ถอดเสื้อข้างในที่ชุ้มไปด้วยเหงือออก กันอาการป่วยเพราะมันชื้นมากบวกกับอากาศเย็นถ้าไม่เอาออกผมน่าจะป่วยแน่ หลังจากนั้นก็นั่งหล่อๆซึมซับธรรมชาติที่ตัวเองโหยหามานาน ก่อนผมจะสังเกตุเห็น พี่เฉลิมดีใจกับบางอย่าง บนนี้สัญญาณมือถือเข้าถึง รออะไรละครับ พี่เขาโทรหาเมียที่บ้านกันจ้าละหวั่นกันเลยครับท่านผู้ชมมมมมม

    ส่วนคนโสดๆอย่างผมกับพี่น๊อตน่ะเรอะ หึ แบตหมดมาตั้งแต่ตอนเช้าละ 
    ( มีสัญญาณแต่ไม่มีแบตยิ้มเจ็บปวด T T )
    ผมละไม่อยากถามประโยคที่ทำร้ายจิตใจตัวเองประโยตนี้มากแต่ก็อดไม่ได้
    " พี่กุ๊ก เราใกล้ถึงรึยังพี่ "
    งวดนี้พี่กุ๊กมาแปลกเหมือนรู้ว่าถ้ากุบอกไปไอ่เจยิ้มโดดเขาตายแน่ๆ
    เลยหันไปมองที่ภูเขาอีกลูกนึง แล้วหันกลับมายิ้ม
    ‪#‎ก็นั้นแหละครับท่านผู้ชม‬
    " ทางชันแค่ไหน แค่ไหนเรียกทางชัน เดินมาหลายชั้นทางราบอยู่ที่ไหน "
    ‪#‎โอ้ย‬ ‪#‎โอ๊ยยยย‬ ‪#‎อีกลูกนี้ชันได้อีกกก‬

     

    • Suphan  เฝฝภูหินช่อหายไปไหนอะคะ 15 เมษายน 2559 19:53:36
    • Weedwiiw  F5 รัวๆ 29 ธันวาคม 2558 01:25:12
    • โพสต์-9
    Chittapon •  ธันวาคม 29 , 2558

    บทที่ 9

    " PVP กับหมูป่า "

    บทนี้ไม่มีรูป มีแต่ความเปรี้ยวที่ทำให้ซวยเป็นสเต็ปๆ 55555

    ผมมองไปยังภูเขาที่พี่กุ๊กหันไปมอง เป็นภูเขาที่เป็นหญ้าแห่้งๆเหลืองๆ ที่ดูจากจุดนี้อาจจะดูไม่ชันสักเท่าไหร แต่ความสูงยกให้เลย เรามองเห็นคนที่พยายามเดินขึ้นอย่างทุลักทุเล จะเหลือหรอ งานล้อเลียนก็มา 5555 
    " ไหวมั้ยจ๊ะะะ "
    " ตรงโน้นเป็นไงบ้างงง "
    " เหนื่อยมั้ยครับ "
    หารู้ไม่ไอ่ที่เมิงเห็นอะนรกของเมิงเลย...

    หลังจากที่เราหยุดกินน้ำหยุดหายใจหายคอกันได้สักพัก พี่กุ๊ก พี่น็อต ส้ง ก็เริ่มลงเขาไปก่อน ผมได้รู้ถึงสัจธรรมบางอย่างที่ในการเดินป่าครั้งนี้คือ ต่อให้คุณมาม่อนจองคนเดียวก็ไม่หลง ทำไมน่ะหรอก็เพราะเส้นทางนั้นชัดเจนมากทำให้ยากต่อการหลง ที่นี้ หึ ผมก็เปรี้ยวเลยนั่งอู้ไปดิ เขาลงไปก่อนอ้อเดี๋ยวก็ลงถูก

    ผมเตรียมตัวจะลงเห็นพี่เฉลิมถ่ายรูปอยู่เราก็ไม่อยากเร่ง เดินลงก่อนเลยละกัน ทางลงเขาเป็นป่าทึบๆชื้นๆ เหมือนในหนังเรื่องอังกอ ผมเดินตามเส้นทางลงมาเลื่อยๆ เส้นทางตรงนี้จะดูอยากหน่อยเพราะต้นไม้รกมากๆ พอผมเดินมาได้สักพักความเปรี้ยวก็แสดงผล

    " ทางขาด " เฮ้ย เส้นทางที่เดินๆลงมาแม่งขาดเฉยๆ ผมมองไปรอบๆพยายามหาเส้นทางไปต่อ ผมยืนนิ่งฟังเสียงกลุ่มพี่กุ๊ก ว่ายังอยู่แถวๆนี้มั้ยกะจะขอความช่วยเหลือ เงียบ... 
    ไม่เป็นไรๆพี่เฉลิมเดินตามมาไง เงียบ .... 
    " เดินกลับดีมั้ยวะเผื่อจะเจอพี่เฉลิม "
    " และถ้าเมิงเดินกลับไม่เจอละ "
    " ที่เราเดินมาใช้เส้นทางนี้หรอวะ "

    ตอนนั้นผมร้องไห้ในใจหนักมากก แต่พระเจ้าคงคิดว่าหนักไม่พอ
    " แค่ก แค่ก " ตาเถร !! อะไรวะ มันดังมาจากพุ้มไม่ข้างๆ 
    " เสือหรอ " ไม่ๆ หวยไม่มาออกที่กุแน่นอน
    ผมพยายามตั้งสติมองสวนไปในพุ้มไม้ตั้งใจฟังเสียง เฮ้ย "หมูป่า" ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มากเหมือนกับที่เห็นใน animal planet แต่มันก็ใหญ่เท่ากับรถเด็กคันเล็กๆ

    " ชิปหายละ " เพราะสัตว์ป่า ในเรื่องของความดุ ความเถื่อน แม่งยิ่งกว่าหมูป่าที่เลี้ยงอีก ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี

    " ทำเสียงดังใส่มั้ย " จำได้ว่าเคยดูที่เขาสัมภาษณ์  เขาเจอเสือวิ่งเข้าใส่ เสือเบรคสุดตัวเลยนะเมิงเขาว่าสัตว์ป่ากลัวเสียงดัง แต่ถ้าหมู่ป่ามัน Indy ละวิ่งเข้าใส่ทำไง

    " วิ่ง " ตอนนี้เมิงก็หลงอยู่แล้วนะเจ อยากหลงไปมากกว่านี้มั้ย

    " ถ้ามันวิ่งมาปะทะกันมันไปเลย !! " เฮ้ยเข้าท่าและจับแม่งเหวี่ยงไปข้างๆนะ พอมันวิ่งสวนเราก็กระโดดหลบ ทำยังไงก็ได้ให้มันเหนื่อยแจ่ม ถุ้ย !! หมูป่านะไม่ใช่ลูกแมว

    " เฮ้ยมันเป็นสัตว์กินพืชป่าววะ " พืชอะไรละใน rambo กับ Far cry 3 แม่งกิน ! อย่างอร่อยเลยด้วย ไม่นะม่ายยย !! T T

    ช่วงไม่กี่อึดใจที่ผมคิดจะใช้วิธีตะโกนไล่ แต่มันทำเสียงดัง คร่อก !! และก็วิ่งหนีไป ทิ้งผมไว้กับความงง ขอบคุณพระเจ้า โอ้ยโล่งง ไม่เคยยคิดว่าทริปแรกจะมาเจอสัตว์ป่าแบบตัวต่อตัวแบบนี้ ผมคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปะทะกันขึ้นมาจริงๆจะเป็นยังไง และผมก็โชคดีไปอีกที่พี่เฉลิมเดินมาเจอผมพอดี พี่เฉลิมเขาก็งงๆนะว่ารออะไร พี่แกเดินออกไปทางขวาข้ามขอนไม้ที่ใหญ่อยู่พอสมควร นั้นไงทางไปต่อ !! กุนี้ไม่มีวัวผสมเลย

    ผมได้ไปเล่าเรื่องนี้ให้พี่น็อตฟัง พี่น็อตบอกผมว่า

    " เคยมีทหารออกเดินป่ากันและมีหมูป่าพุ้งออกมาจากต้นไม้ชนขาของทหารคนนึงขาหัก "
    แล้วกุคิดจะสู้ ....

    ‪#‎ผมพอนึกภาพออกละถ้าสู้กับมันเป็นยังไง‬

    • โพสต์-10
    Chittapon •  ธันวาคม 29 , 2558

     

    บทที่ 10

    " จาซอ "

    ในที่สุดพี่เฉลิมก็พาผมออกมาจากป่าอังกอและจุดพักเต้นที่ 1 ได้สำเสร็จ ก่อนจะต้องมาเผชิญ

    " The last boss "

    ตลอดการเดินทางของเราจะเจอกับต้นไม้น้อยใหญ่ ทำให้เราไม่รู้สึกตัวเลยว่าเราเดินขึ้นเขามาถึงไหนแล้วรู้แต่ว่าเรากำลังเดินขึ้น แต่เขาลูกนี้ไม่เหมือนกับลูกอื่น มันไม่มีต้นไม้มีแต่หญ้าสีเหลือและดินที่ชื้น และไฮไลแม่งคือชันมากกกกก ชันกว่าลูกอื่นที่ขึ้นมา ประมาณ 60 องศา ผมยืนมองและรู้สึกเหมือนจะร้องไห้อันนี้จะร้องจริงๆ คือมาถึงจุดนี้คือเหนื่อยมาก ร่างกายบอกกับตัวเองเลยว่า ขึ้นไม่ไหว

    " เจเอากล้องมา " พี่น็อตบอก
    " ตอนนี้เมิงไม่มีแรงถ่ายแล้ว เดี๋ยวพี่ถ่ายให้ "
    (ทำให้บทความนี้จะมีรูปองผมกับพี่น็อตผสมกัน)

     

    เอาละ มา!! ผมเดินก้าวเท้ายาวๆไป 5 ก้าว เท่านั้นแหละ หอบแดกหนักมากก งานนี้นานแน่ๆ ผมค่อยๆก้าวสั้นบ้างยาวบ้างเอาที่กำลังของตัวเองไหว ไม่ไหวก็พัก ผมทำแบบนี้สักพัก พอหันกลับไปดูน้ำลายกุจะฟูมปาก เดินมาถึงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้นเอง มันเจ็บปวดตรงนี้แหละ การที่ไม่มีต้นไม้ทำให้เราวัดระยะทางที่เดินมาได้และทำให้รู้ว่าเรายังเดินไม่ถึงไหน

    ผมสังเกตุเห็น ชายเผ่ามูเซอวัยกลางคนเดินทำหน้าชิวๆ ตามขึ้นมาจากตีนเขา เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆพี่เดินชิวไปนะ ผมพยายามก็อปลักษณะการเดินของเขา เขาก้าวไม่ยาวมากก้าวสั้นๆ แต่เร็วมาก คุณพระพี่แกใช้เวลาประมาณ 4 นาทีกว่าๆเดินมาถึงผมซะอย่างนั้น ผู้ชายคนนี้ยืนมองผมแปบนึงเหมือนต้องการจะช่วย 
    " ไม่ ไม่ต้องเลยยยพี่ "
    " ผมไหวโหหห "
    " จะแซงก็แซงเลยครับพี่ เดี๋ยวก็ถึงจิ๊บๆ " ผมคิดในใจ
    แล้วพี่่เขาเดินแซงไป

    ขณะที่ผมเดินขึ้นมาได้ครึ่งทาง พี่แกเดินถึงยอดแล้วและเหมือนเขาคุยอะไรกับพี่เฉลิมไม่รู้ อยู่ดีๆพี่คนนั้นก็เดินลงมาหาผม ที่กลางภูเขา เขาเดินมาขอกระเป๋าผม
    " ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่เป็นไร " 
    ผมเป็นโรคจิตอย่างนึงคือ ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับกระเป๋า ผมถือว่ามันเป็นของส่วนตัวผม และผมดูแลของของผมได้

    " เจเอากระเป๋าให้เขาเลยเดี๋ยวพี่จ่ายให้ " พี่เฉลิมตะโกนมาจากด้านบน 
    " ได้ครับพี่ ดีครับท่าน เหมาะสมครับผม !! " 
    เอ้า !! และที่คุณเมิงพูดเท่ๆในวรรคก่อนหน้านี้คือออออ ??

    เอาน่าาา ก็มันหนักกลุ่มอื่นเขาให้คนเอากระเป๋าขึ้นมาให้กลุ่มเราเอาแบกขึ้นกันมาเองเลยน้าาา(อ้างเลยเมิงอ้างเลย) ผมเอากระเป๋าให้พี่ชายคนนั้น พี่เขาก็ดีนะนอกจากจะ สะพายกระเป๋าที่หนักๆของผมแล้วยังคอยยืนรอผมกลัวผมเป็นอะไรอีก ผมก็พยายามบอกให้เขาไปก่อนไม่ต้องรอเกรงใจพี่แกก็ไม่ไปไหนยืนรอทั้งผมทั้งส้งอีก

    ผมมาถึงยอดเขาได้สำเร็จ เดินเรียบเส้นทางข้างเนินเขาเล็กๆ เราก็จะเจอจุดที่ เหล่า 3 ยอดมนุษย์พักอยู่ ผมเห็นพี่น็อตคุยน่าจะเกี่ยวกับเส้นทางกับพี่คนนั้นทำให้เรารู้ว่า ข้ามเนินเขาไปอีก 2 เนินเราก็จะถึงจุดพักเต้นที่ 2 นั้นคือจุดที่เราจะพักกันตรงนั้น และพี่เขาชื่อ "จาซอ" เราเดินมาถึงจุดที่กางเต้นที่ 2 ผมมาหลังสุดตามเคยเพราะมัวแต่เหม่อมองธรรมชาติทางซ้ายมือตัวเอง เรานั่งพักกันจนลืมสังเกตุว่าพี่จาซอหายไปไหน พอรู้ตัวอีกที คุณพี่แกไปตัดเอากิ่งไม้มาจะก่อกองไฟให้ซึ้งเยอะมากนะในความคิดผม และยังจะถามว่าจะเอาเพิ่มอีกมั้ย พวกเราปฏิเสธกันแทบไม่ทันเลย เพราะพี่เฉลิมขอแค่ให้เขาช่วยผมขึ้นมาจากเนินเขานั้นเท่านั้น

    ‪#‎ด้วยเงินแค่100บาท‬

    ถ้าผมจำไม่ผิดนะ ผมเจอคนแบบจาซอยากมาก จาซอเป็นผชที่ดูสงบนิ่งการพูดและการแสดงออกผมรู้สึกได้เลยว่าผชคนนี้ดีมากๆ นี้เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงชอบชาวบ้าวชาวเขาแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเขาหลอกง่ายหรือทุ่มให้เรามากกว่าสิ่งที่เขาได้รับแต่เขาทำให้ผมรู้ว่าเรายิ่งเจริญมากเท่าไหรจิตใจเราก็ยิ่งถดถอยมากเท่านั้น ความเป็นห่วงที่มีแต่ให้ของเขา ทำให้ตัวผมเองรู้สึกละอายในความเป็นคนที่เมืองหลวงที่เจริญทางด้านเทคโนโลยี่

    ‪#‎ถ้าได้ไปอีกผมก็อยากเจอเขาอีก‬

     

    • KARN  อ้าวกำ ยังไม่จบนี่หว่า 555+++ มันยังโหลดไม่หมด งั้นแค่นี้ก่อนละกัน อู้งานมานานละ เดี่ยวกลับมาอ่านต่อนะคะ 05 มกราคม 2559 13:21:45
    • KARN  รีวิวจบแล้วหรอคะ รู้สึกเหมือนอ่านหนังสือเล่มนึงเลย เขียนได้สนุกมากค่ะ ม่อนจองเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากไปมากๆ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสเลย ขอบคุณรีวิวสนุกๆ นี้นะคะ เขียนซะอยากไปร่วมทริปด้วยเลย : ) 05 มกราคม 2559 13:20:35
  1. โหลดเพิ่ม