ณมนไปเที่ยวเมืองเลยมั๊ยคะ

12 - 14 ตุลาคม 62

ไปค่ะ และแล้วกลับบ้านนอกครั้งนี้แตกต่างกว่าทุกครั้ง เพราะมีณมนไปด้วย ทั้งพ่อณมน แม่ณมน  ณมนเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก ฉลาด ช่างพูด อายุแค่ 7 ขวบ ที่ตามไปเที่ยวบ้านเรา บ้านเราอยู่ไหนล่ะ เริ่มจากนั่งรถทัวร์จากหมอชิตเลยจ้า

ครั้งแรกของณมน กับหมอชิต คนก็เยอะ แต่ก็ยังพอมีที่นั่งให้ได้นั่งบ้าง 

ไม่ได้กินข้าวกันมา ก็มาม่ารองท้องกันไปค่ะ

ครั้งแรกที่นั่งรถทัวร์ของหนูเหมือนกัน ขึ้นรถสองทุ่ม ถึงบ้านเกือบเจ็ดโมงเช้า ใช้เวลาเดินทางเกือบ 12 ชั่วโมงเลยจ้า

ถึงแล้วจ้า บ้านอาฮี อ.ท่าลี่ จ.เลย หมู่บ้านที่ติดน้ำเหืองกั้นประเทศไทยกับสปป.ลาว

เพิ่งรู้ก่อนจะกลับบ้านไม่กี่วันว่าวันหยุดยาวตรงกับวันออกพรรษา โชคดีเลยที่ได้ทำกิจกรรมประเพณีที่บ้านพอดีเลย

เริ่มจากทำต้นผึ้ง (ต้นผึ้ง จะทำในช่วงออกพรรษา 15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยเหตุผลหลายอย่าง เป็นการทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ที่ล่วงลับไปแล้วบ้าง เป็นการสะเดาะห์บ้าง เป็นการรวมพลังสามัคคีทำบุญทำกุศลร่วมกัน) 

ตัวโครงต้นผึ้ง ทำจากไม้ไผ่ จักสานเสริมด้วยกาบกล้วย 

  ดีใจที่ยังได้เห็นผู้เฒ่าผู้แก่ยังแข็งแรง ร่วมแรงร่วมใจกันทำต้นผึ้ง แต่ที่นี่ไม่ใช่แค่ต้นผึ้งนะ แต่เป็นทุกกิจกรรมที่มีในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็จะออกมาช่วยกันตลอด

ได้เวลาพักเที่ยง ก็จะล้อมลงกันกินจกข้าวเหนียว กับส้มตำ แกงหน่องไม้ (อร่อยนะ ต้องลอง)

บ้านเรือนผู้คนก็จะติดถนนหน่อย  ช่วงนี้เช้าๆอากาศเย็น สายๆมาแดดเปรี้ยง

ได้เวลากลับแล้ว เพราะเราจะไปนั่งรถเลาะริมน้ำเหือง จากบ้านอาฮีไปอ.เชียงคาน ลัดเลาะไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

จุดที่แม่น้ำเหืองไหลลงแม่น้ำโขง ที่วัดพระใหญ่ บ้านท่าดีหมี ที่นี่กำลังจะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองเลย กำลังก่อสร้างสกายวอร์ค แว่วๆว่าจะแล้วเสร็จปีใหม่ 2563

 พระใหญ่ (พระพุทธรูปปางลีลาประทานพร) 

ถึงเชียงคานบ่ายแก่ๆ แดดแรงแต่คนก็เยอะอยู่ ช่วงออกพรรษาด้วย มีแข่งเรือด้วย แต่มาดูไม่ทัน

กำลังจะเข้าหน้าหนาวคนก็จะเยอะหน่อย

      พระอาทิตย์จะตกแล้ว กลับบ้านกันดีกว่า ไปแห่ต้นผึ้งกัน

ต้นผึ้ง ที่ทำเมื่อตอนกลางวัน จะแห่กลางคืน ร้องรำทำเพลงกันไปที่วัด เวียนรอบพระธาตุ แล้วก็เอามาไว้ที่ศาลา
แล้วตอนเช้าก็ถวายพร้อมกับใส่บาตรวันออกพรรษา

เช้านี้มีหมอก เข้าสู้หน้าหนาวแล้วจ้า  เช้าวันออกพรรษา ปี 2562 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 

เตรียมตัวใส่บาตรที่วัดศิริมงคล บ้านอาฮี 

ใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง   

ใส่บาตรข้าวสาร อาหารแล้วแล้วก็มาใส่บาตรข้าวเหนียวกัน  

ครั้งแรกของณมน ที่ได้ใส่บาตรข้าวเหนียว 

ใส่บาตรเสร็จ หนูขอตีฆ้องหน่อยนะคะ  รีบหันไปถ่ายรูปเลยเบลอไปหน่อย  

ถ่ายรูปหน้าวิหาร  

ถ่ายรูปหลังวัด ด้านหลังข้างล่างเป็นน้ำเหืองกั้นระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว ฝั่งไทย บ้านอาฮี ฝั่งสปป.ลาว บ้านคอนตาปู่กับนาแก่งม้า เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุรี  

ไปค่ะ ข้ามฝั่งไปยังสปป.ลาวจ้า

เตรียมบัตรประชาชนไป แล้วก็ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ทำใบผ่านแดน ด่านพรมแดนบ้านนากระเซ็ง ตำบลอาฮี แล้วไปยังไง

ไปตุ๊กตุ๊กกันค่ะ ค่ารถคนละ 20 บาท  ฝั่งไทยคือบ้านนากระเซ็ง ตำบลอาฮี อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลยฝั่งสปป.ลาวคือบ้านเมืองหมอ เมืองแก่นท้าว แขวงไชยะบุรี

ไปถึงฝั่งสปป.ลาว เราก็ให้ญาติมารับค่ะ เพราะเราเป็นเมืองพี่เมืองน้อง ส่วนใหญ่รู้จักคุ้นเคยกัน 

ไปกินข้าวเที่ยงที่สวนปาหวาน เมืองแก่นท้าว บรรยากาศดี ๆ วิวสวยๆ    

กินแมงจินายทอด เป็นพวกเดียวกับ จิ้งหรีด หรืออันเดียวกัน (ไม่แน่ใจ)

เที่ยวชมบ้านเสาใหญ่

ก่อนกลับได้ตังค์มา 50,000 กีบ (ห้าสิบพันกีบ) เกือบ 200 บาท  

ขากลับเราก็นั่งรถจากสปป.ลาว กลับมาที่ไทย ค่ารถ คนละ 20 บาทเท่ากัน  

มาถึงฝั่งไทยแล้วจ้า

ภาพสะพานเดิม ก่อนขยายมาเป็นด่านสากล (ปัจจุบันก็ยังมีอยู่)

กลับมาบ้านอาฮี กิจกรรมยังไม่หมดนะคะ   

ออกพรรษา ที่บ้านอาฮีมีประเพณีไหลเรือไฟ เราก็ทำเฮือไฟกันค่ะ ทำจากก้านกล้วยแล้วประดับด้วยดอกไม้ธูปเทียนขอบคุณป้าพรนะคะที่พาไปเอาก้านกล้วย 

ณมนตั้งใจทำมาก และเหมือนจะสนุก พอทำเสร็จก็เตรียมไปลอยที่น้ำเหือง 

ก่อนเอาไปลอยน้ำ ก็มีจ้ำข้าวทิ่ม คือเป็นการนำข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนเล็กๆแล้วเอามาปัดที่ตัว ผู้ใหญ่ก็จะพูดว่าให้สิ่งที่ไม่ดี สิ่งร้ายๆ ออกจากตัวไป ให้ไหลไปกับเฮือไฟ แล้วเอาก้อนข้าวเหนียวมาใส่ในเฮือไฟ แล้วไก็เอาไปลอย
น้ำเหือง และมีเรือไฟใหญ่ ไหลมาจากเหนือบ้าน (ถ่ายรูปไม่ได้มันมืดมาก) มีร้องรำทำเพลง ไหลไปเรื่อยๆ
จนถึงวัดศิริมงคล 

ไหลเรือไฟเสร็จแล้ว เข้านอนได้ เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ

แล้วมาเที่ยวบ้านอาฮีอีกนะคะ ยังมีประเพณี กิจกรรม และสถานที่ต่างๆอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ชม ไม่ได้ไป

ทริปนี้ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการนะคะ 

คุณตา คุณยาย น้าอูด น้าอ๋อย โอปอ พ่อ แม่ น้องสาวและน้องเขย

 
#ณมนตะลอนน้ำเหือง 12-14 ตุลาคม 2562