“The journey never ends” เพราะการเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเราต้องออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ( ผิดพลาดประการใดเราต้องกราบขอประทานโทษด้วยเด้อค่า) สืบเนื่องมาจากประโยคข้างต้น ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้น เพื่อนชะนีทั้ง 3 นาง เห็นพ้องต้องกันว่า เอาล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องออกผจญภัย ท่องโลกประเทศไทย เพื่อศึกษาธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมกันอีกครั้ง นี่เป็นทริปเมื่อสิงหาปีที่แล้วของเราทั้ง 3 ค่ะ พึ่งมีโอกาศได้แชร์ประสบการณ์ อาวุธที่เราใช้ คือ เจ้า Nikon D5200
พร้อมแล้วก็ไปโลดดดดดดดดด
ปอลิง. ทริปนี้เราไปเมื่อ ส.ค.-ก.ย. 2015

เราเริ่มจากวางแพลนเส้นทางเที่ยว ที่เที่ยว ที่กิน และที่นอน ส่วนเรื่อง budget นั้น เราไม่ได้ฟิกไว้ พูดง่ายๆคือไม่ได้ตั้งงบไว้นั้นเอง 55555 จะไปอย่างเดียว
ตัวเราแพลนของเชียงราย เพื่อนอีกคนแพลนเชียงใหม่ ส่วนอีกคนมีหน้าที่จองที่พัก แบ่งหน้าที่กันอย่างลงตัว
เอาล่ะ หลังจากที่ได้วางแพลนเสร็จแล้ว เราก็จะรู้ล่ะว่าจะไปที่ไหนบ้าง ทำอะไรบ้าง
เอ้ออออ ลืมบอกไปว่าทริปนี้เราได้โดนัทจากผู้ใหญ่ใจดีไปแจกพี่ๆน้องๆที่เชียงรายด้วยค่ะ (แบกกันกล้ามขึ้นเชียวว ตอนนั้นจำได้ว่าประมาณ 300 ชิ้นได้ ถถถถถ)
เมื่อถึงวันเดินทาง วันนั้นจำได้ว่าเป็นวันศุกร์ เพราะเราแบกเป้ไปทำงานด้วย พอเลิกงานปุ๊ปตูดก็เด้งออกจากออฟฟิศปั๊บ เรานัดกับเพื่อนที่ mrt จตุจักร เพื่อไปขึ้นรถที่หมอชิต เราจองตั๋วของบริษัท นครชัยแอร์ เป็นรถนอน นั่งสบายมากๆๆ (จริงๆ นครชัยแอร์ไม่ต้องมาขึ้นที่หมอชิตก็ได้ ไปขึ้นที่ศูนย์บริการส่วนตัวได้เลย สะดวกสบายกว่ามาก)
แท่นแท้นนน มาถึงหมอชิตก็มานั่งรอรถ จำได้ว่ารถมาเลทเป็นชั่วโมงเลยย ตอนนั้นเป็นเทศกาลอะไรซักอย่าง รถที่เรานั่งไปคือคันซ้ายสุดของภาพนะ มิใช่คันกลางเด้อ คันกลางนางไปถึงแค่เพชรบูรณ์
เมื่อรถพร้อม!! คนพร้อม!! ก็ขึ้นสิ รออะไรรรรรรร
เช้านี้ที่ลำปาง 
เสน่ห์ของการเดินทางอีกอย่าง คือความงามระหว่างทาง เราเลยไม่อยากพลาด เราตื่นเต้นทุกครั้งที่ออกไปในที่แปลกใหม่ 
รถเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆ ไม่นานก็เข้าพะเยา จังหวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ แต่ยังคงความงามเฉพาะตัว
นี่คือ กว๊านพะเยา เราเคยได้ยินบ่อยๆ จากเพลงที่พ่อชอบฟัง 5555
พอรถจอดส่งผู้โดยสารที่จังหวัดพะเยา เรากับเพื่อนทั้ง 2 ก็จัดการธุระส่วนตัวกันบนรถ จัดการล้างหน้า แปรงฟัน (แปรงสีฟัน 1 : 3 ) 5555555 เพื่อนแปรงเราแปรง ไม่โกงค่ะ อิอิ เพราะของเรากับเพื่อนอีกคนอยู่ในกระเป๋าใต้ท้องรถ
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จไม่นานรถก็เข้าสู่จังหวัดเชียงราย เย่ เย่ ถึงแล้ววววววว
เราโทรติดต่อกับพี่ที่เราว่าจ้างเค้ามาเป็นสารถีให้เรา ปรากฏว่าพี่เค้ารออยู่แล้ว พี่เค้าชื่อ พี่เก่ง
แล้วจะช้าอยู่ใยหอบกระเป๋าขึ้นรถเลยค่า (เสียดายเราไม่ได้ถ่ายรูปพี่เค้ามาเลย ตอนนั้นความหิวเข้าครอบงำ ถถถถถ )
พอขึ้นรถ เราก็บอกพิกัดร้านอาหารตามที่แพลนมา เริ่มต้นมื้อแรกที่เชียงรายเราเลือกที่นี่ค่ะ
ร้าน ชีวิตธรรมดา ร้านอยู่ในซอยเล็กๆ เข้ามามีแยกเล็กๆอีกครั้ง คนแถวนั้นเค้ารู้จักดี 

ทางเข้าหน้าร้านค่ะ
พอเปิดประตูเข้ามาเราก็เจอกับเจ้าของร้านค่ะ ปุกปุยน่ารักเชียวววว
อีกตัวกำลังนอนเฝ้าสมบัติ 555555 
เพราะความหิว จึงพักการชักภาพไว้ก่อน หาที่นั่ง พวกเราเลือกโต๊ะริมแม่น้ำกก ได้บรรยากาศเบรคฟัสแสนสงบ
เปิดเมนูสั่งอาหารแปป
ท้า..ด้า... อาหารมาแล้ววววววว เยอะม๊ากกกกก จำไม่ได้ว่าสั่งอะไรไป 555555 เพราะเป็นภาษาคำเมือง 

ท้า..ด้า... อาหารมาแล้ววววววว เยอะม๊ากกกกก จำไม่ได้ว่าสั่งอะไรไป 555555 เพราะเป็นภาษาคำเมือง
บรรยากาศภายในร้าน 


มุมหนังสือ 

ภายในห้องน้ำ
ขนมหวานก็มีนะ
มีเปียโนให้เล่นด้วย รอบๆ ร้าน



เป็นร้านที่สงบและร่มรื่นมากกกกกกกกกกกก
หลังจากแวะกินข้าวเสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปรับโดนัทที่เซ็นทรัลตามเวลาที่ได้นัดหมายกันไว้
และก็ออกเดินทางไปยังมิชชั่นแรกของทริป >>> พิพิธภัณฑ์บ้านดำ
เสน่ห์ของการเดินทางมีอยู่ทุกที่ที่ไปจริงๆค่ะ
ถึงแล้วววววค่า พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ของ อ.ถวัลย์ ดัชนี





วันที่เราไปมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะมากกกกกกกกก รูปที่ถ่ายจึงมักติดนักท่องเที่ยวมาด้วย และอีกอย่างคืออากาศวันนั้นครึ้มฟ้าครึ้มฝน ฝนตั้งเค้ามาหลายรอบมากกกกก 


ส่วนนักท่องเที่ยว 2 คนนี้ เอิ่ม เพื่อนชะนีของเราเองงงงงง 55555เราเดินดูไปเรื่อยๆ พอดูนาฬิกา ก็ได้เวลาไปยังที่ต่อไปล่ะ
ขึ้นรถมุ่งสู่ ไร่ชาฉุยฟง มิชชั่นนัมเบ่อทูวววว
ฝนตกค่ะทั่นผู้โชมมมมมมมม ในรูปอาจจะดูไม่ออกว่าตก แต่ตกจริงๆค่ะ เม็ดใหญ่พอควร อิเพื่อนพึ่งจะเดินลงไป ต้องวิ่งขึ้นมา 55555 ที่หลบฝนที่ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้นที่นี่ร้านอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม
ระหว่างรอฝนหยุด มาที่นี่ก็ต้องสั่งเมนูชาเขียว แถมด้วยเค้กชาเขียวและมะพร้าว อร่อยนะ
รอจนฝนหยุดตก แดดก็มาจ๊าๆๆๆๆ ออกตัวไปปปปป ตามภาพที่ทั่นจะเห็นต่อไปนี้ 5555555
สนุกอยู่ในไร่ชาจนเกือบลืมภารกิจสำคัญ นั่นคือ การแจกโดนัท แต่ก่อนที่จะไปทำภารกิจหลักเราขอทำภารกิจส่วนตัวก่อน แจ่น แจ้นนนนน
เขียนโปสสะเกิ๊ดดดด เราชอบเขียนโปสการ์ดส่งให้ตัวเอง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม เราว่ามันเป็นความทรงจำที่แสนวิเศษเลยล่ะ จัดการเขียนๆๆๆ และส่งให้กับคนที่จะได้รับความทรงจำนี้ด้วยกันเสร็จแล้วก็เตรียมตะลุยมิชชั่นต่อไปปปปป
--------------------->
หลังออกจากไร่ชาฉุยฟง ตอนเกือบเย็นแล้ว พี่เก่งขับรถไปเรื่อยๆ มาถึงด่านระหว่างอำเภอ เจอพี่ๆ ทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ ด้วยความมือไว หยิบกล่องโดนัทขึ้นมา เลื่อนกระจก มอบให้กับรั้วของชาติ (ถ่ายรูปไม่ทัน เพราะเราไม่ได้จอดรถ 555)
หลังจากนั้นฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสี พี่เก่งบอกว่าเราต้องรีบไปที่พักแล้ว แต่เราโชคร้ายที่ฟ้ามืดก่อนจะถึง เมื่อพี่เก่งเห็นว่าเริ่มมืดแล้วถ้าไปทางปกติจะยิ่งใช้เวลานาน พี่เค้าเลยพาเราไปทางลัดมุ่งหน้าสู่ อุกฤษฟาร์มฮิลล์ ที่นอนของเราในคืนนี้
แต่ แต่ แต่ระหว่างทางที่ไปนี่สิ การผจญภัยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ววว เนื่องจากเส้นทางที่เราไปไม่ใช่เส้นหลักในการสัญจร ก็จะมีรถร่วมทางน้อยมาก นานๆจะเจอรถสวนทางที เรียกได้ว่าถนนนี้เป็นของเราก็ว่าได้ หมู่บ้านชาวเขานานๆ ถึงจะเจอซักที่ เราก็นั่งมาเรื่อยๆ สองฝั่งทางก็มืดสนิท เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงได้มั้ง ก็มาถึงหมู่บ้านที่อยู่ตีนเขา
ย้ำว่า หมู่บ้านที่อยู่ตีนเขา ซึ่งยังไม่ถึงที่พักของเรานะ อีกไกล๊ พอเป็นทางขึ้นเขา ถนนก็จะไม่เรียบล่ะ เริ่มจากขรุขระๆ ยิ่งนั่งไปเรื่อยๆถนนก็ยิ่งแย่ เป็นหลุมเป็นบ่อ สองข้างทางก็เป็นโพรงหญ้าและสันเขา ไม่มีอะไรกั้น เราพยายามชวนพี่เก่งคุยบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยเพราะพี่เค้าต้องใช้สมาธิในการบังคับรถ แต่เราก็ไม่อยากให้เงียบ เพราะถ้าเงียบบรรยากาศจะน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีก 20% เราหันไปมองเพื่อน เชื่อมั้ยว่าชะนี 3 นางนั่งจับมือกันตัวเกร็ง เพื่อนเรามันกลัวจนเหงื่อเต็มมือไปหมด กลัวทั้งความมืด กลัวเส้นทางที่ไป มันเป็นทางขึ้นเขา ต้องใช้เกียร์ต่ำและความเชี่ยวชาญเส้นทางเป็นอย่างดี อีกอย่างเราขึ้นตอนกลางคืนด้วย ถนนไม่ดีด้วย
แต่มีสิ่งนึงที่สวยงามคือ ธรรมชาติ พอรถขึ้นถึงจุดที่สูงพอสมควร เราเห็นวิวทิวเขาแบบมืดๆ และมีแสงสว่างเป็นหย่อมเล็กๆ ตามหมู่บ้านชาวเขา เป็นภาพที่สวยงามมากเลยล่ะ
จากนั้นไม่นาน พี่เก่ง ที่เก่งสมชื่อ ก็พาพวกเราฝ่าความมืดและถนนอันขรุขระมาถึง อุกฤษฟาร์มฮิลล์ จนได้
น้ำตาไหลพรากๆๆๆๆ ปรบมือรัวๆๆๆ
ที่พักด้านนอกเงียบสงัด ช่วงที่เราไปมีแขกมาพักแค่ 2 ห้องมั้ง รวมเราแล้วก็น่าจะ 3 เพราะมันเป็นช่วงหน้าฝน พอพี่เก่งจอดรถ เราและเพื่อนก็แบกเป้ของตนเข้าไปเช็คอินตอน 3 ทุ่มกว่าๆ เราเดินเข้าไปก็เจอกับคุณลุงเจ้าของ (จำชื่อลุงไม่ได้) คุณลุงใจดีมากกกกกก คุณป้าก็น่ารัก



ที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่พัก 4 ดาว 5 ดาว แต่เสน่ห์ของที่นี่คือ อยู่กันเหมือนครอบครัว สามารถบริการตัวเองได้ทุกอย่าง ระหว่างรออาหารพวกเราทั้ง 3 คนก็นั่งคุยกับคุณลุงไปเรื่อย คุณลุงเป็นคนคุยสนุกมั่กๆๆ พี่เก่งก็ร่วมวงด้วย
รอไม่นานอาหารก็มา กับข้าวฝีมือคุณป้าชาวเขา ขอบคุณมากค่า


อิ่มแปร่แล้วก็หอบของเข้าห้องกันเตอะ คุณลุงเดินมาส่งที่ห้องและบอกว่าเลือกห้องให้เราได้เห็นวิวตอนเช้าๆ

คร่อกกก zzzzz ราตรีสวัสดิ์ค่า




รอไม่นานเพื่อนอีก 2 คนก็แต่งตัวเสร็จ แล้วก็ได้เวลาอาหารเช้าที่ภูชี้ฟ้าแล้วววว
ระหว่าทางเดิน เจอคุณมอส (ใช่รึป่าวหว่า)

มาถึงก็มีเจ้านี่รออยู่แล้ว

ส่วนเครื่องดื่มอยากกินอะไรก็จัดการชงได้เลย ตามใจชอบ
อาหารยังไม่เสร็จเราก็สะพายกล้องเดินสำรวจรอบๆ


เราเดินมาเจอคุณป้าชาวเขาบ้านตรงข้ามกำลังเดินออกจากบ้าน เราก็เข้าไปถามว่าป้าจะไปไหนแต่เช้า ป้าบอกว่าจะไปเก็บผักที่ปลูกไว้ตรงสันเขาที่อยู่ถัดจากตรงนี้ไป มาทำอาหารเช้า เราก็เลยถือโอกาสเดินตามไปด้วย

เราก็เดินเตร่ถ่ายรูปไปเรื่อย

อาหารเช้าวันนี้ เสนอ

หลังจากอิ่มท้อง ก็ได้เวลาไปเก็บกระเป๋า
ก่อนจะร่ำลาคุณลุงกะคุณป้า และก่อนจากเราก็ไม่ลืมที่จะลงชื่อตามธรรมเนียม



---------------------->
มิชชั่นต่อไปของพวกเราคือ แจกโดนัทให้เด็กๆ และพิชิตภูชี้ฟ้า

ใกล้ถึงแล้ว

ถึงแล้วค่า





พอได้ครบทุกคนแล้ว ชะนีทั้ง 3 ก็ได้เวลาขึ้นไปพิชิตภูชี้ฟ้าแล้ววว

ตายละหว่า ขึ้นมาก็ไม่พกกระเป๋าตังค์ด้วย เอางี้ละกัน โดนัทยังเหลือ เราเลยกลับไปเอาโดนัทขึ้นมาให้น้องแทน
จากนั้นก็เดินขึ้นไปอีก
เอ๊ะ เจออีก!! คราวนี้เป็นกลุ่ม เกิร์ลกรุ๊ปเลยยยยย เราก็เอ้ยย เอาไงดีๆ ตัดสินใจเดินลงไปเอาโดนัทอีกรอบ รอบนี้ไปกลับราวๆ 300 เมตร เล่นเอาหอบเลยยยย แต่พอเห็นเด็กๆ ยิ้มและขอบคุณ แล้วหยิบขนมเข้าปาก ร้องบอกว่า กา กา ก็หายเหนื่อยล่ะ (สวยปะล๊าาาา)
กา แปลว่า อร่อย
นี่!! แฟชั่นนิสต้าตัวจริง
แล้วเราก็เดินต่อๆๆ


วันที่เราขึ้นไป หมอกเยอะมากกก

แต่ตอนที่เราลงไปหมอกคุมหมดแล้ว ขาวโพลนเลย
ทางที่ขึ้นมาก็ลื่นมาก ต้องจับโพรงหญ้าเดินขึ้นตลอดทาง


ข้างบนลมเย็นสบายมากๆๆ


ชักภาพไว้เป็นที่ระลึก ยินดีที่ได้พบกัน หนุ่มน้อย
มองออกไปแบบ 360 องศา และกดชัตเตอร์แบบรัวๆ

เมื่อเก็บความทรงจำเสร็จแล้วก็คงต้องบอกลาภูชี้ฟ้าแล้วล่ะ
ระหว่างทางเดินลง
พอถึงข้างล่าง อิเพื่อนอีกคนที่แอบลงมาก่อนก็นั่งรออยู่แล้ว เมื่อชะนี 2 นางไปถึงก็กระโดดขึ้นรถไปยังมิชชั่นต่อไปทันที
ไปค่ะพี่สุชาติ เย้ยยยย ไปค่ะ!! พี่เก่ง
มิชชั่นต่อไปของเรา คือ แวะไหว้พระที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ
ก่อนจะเดินทางต่อไปยังเชียงใหม่
ถึงแล้ววว
วัดแสงแก้วโพธิญาณ พี่เก่งบอกว่าพึ่งสร้าง ยังไม่เสร็จดี 

ได้เวลาออกเดินทางข้ามจังหวัด เตรียมพร้อมตะลุยเชียงใหม่

Chiang Mai Coming soon – เจอกันที่เชียงใหม่นะคะ































