19/11/60
ทริปนี้ไปกะเพื่อนสาวเหมือนเดิม สองคน เริ่มออกเดินทางจากขนส่งแห่งที่ 2 พิษณุโลก เวลา 23.30 น.โดยรถทัวร์ของสมบัติทัวร์ ต้องไปซื้อตั๋ววันที่จะไป ไม่รับจองล่วงหน้า เพราะเป็นรถทางผ่านจากเชียงราย เป็นรถนอนพิเศษ รถจะมาก่อนเวลาประมาณ 10 นาที นั่งยาวไปจนถึงขนส่งชุมแพ ช่วงเวลานี้ก็ตุนเสบียงจากเซเว่นได้ตามต้องการ
พอไปถึงขนส่งชุมแพ เวลา 03.00 น. นั่งรอรถยาวไปประมาณตีห้าก็มีลุงวินใจดีคนนึงมาถามว่าไปไหน ไปผานกเค้าค่ะ เค้าไม่มีรถสายนี้นะ มีแต่รถผ่าน ไปลองถามรถทัวร์ดูว่าผ่านมั้ย เงิบเลยค่ะ ไม่มีทางเลือกมาก อย่าหลงเชื่อว่าจะไปรถเหมาที่มีคนมาโฆษณา 750 บาท แพงเกินจริงสุดๆ มาทางนี้เร็ว
ไปถามรถทัวร์ของนครชัยทัวร์ ผ่านผานกเค้า ราคา 32 บาท จัดไปเลย นั่งประมาณ 1 ชม.ถึง
ตรงผานกเค้าจะมีร้านข้าวเจ๊กิม และที่จองตั๋วมากมาย และมีรถแดงหลายคนที่จอดรถอยู่ ใครจะกินข้าวหรือจองตั๋วขากลับที่นี่ก็ได้ แต่เราไม่รอแล้ว รถแดงจะเต็ม 10 คน 300 บาท หรือใครจะเหมาทั้งคนก็ 300 บาท ไปเลยงับ
รถแดงจะพามาส่งถึงในอุทยานเลย มาถึงเลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ยังไม่มาทำงานเลย ประมาณ 07.00 น.เจ้าหน้าที่มา ก็ไปติดต่อค่าเข้าอุทยาน 40 บาทต่อคน ค่าเต็นท์ 200 บาทต่อคืน นอนได้ 3 คน ส่วนอุปกรณ์การนอน เช่น ถุงนอน เบาะรองนอน หมอน เราจองในเว็บไซต์ของอุทยานมา เราแค่ปริ้นใบออกมา พร้อมหลักฐานการชำระเงินมาให้เรียบร้อย ถ้าโอนผ่านเน็ตแบ็งค์ก็บอกพี่เขาได้ สามารถติดต่อรับของได้เมื่อขึ้นถึงภูแล้ว
จากนั้นนำสัมภาระที่คิดว่าไม่มีแรงแบกแน่ๆ มาจ้างลูกหาบได้ กิโลละ 30 บาท จากนั้นเราจะจะเดินตัวปลิวได้ละ
เอาไปแค่น้ำ ลูกอม หรือยาประจำตัวพอ
ไปกันค่ะ ทางอีกยาวไกล ก่อนเข้าจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรประชาชนด้วยค่ะ สแกนเข้าคอมฯเลย เดินไปอีกนิดนึงจะมีผู้ช่วยผู้พิชิต เป็นไม้เท้าช่วยเดิน แต่ขาขึ้นเราไม่เห็นจ้า
ทางอีกไกลจริงๆ
ทางเริ่มต้น 


ที่แรก ปางกกค่า บันไดนี่จิ๊บจิ๊บ มีอีกเยอะ
กว่าจะถึงไม่ต้องคิดสภาพ ซำแฮกเป็นซำแรกที่มีของกิน นั่งพักผ่อนได้ มีแตงโมชิ้นละ 10 บาท น้ำเป็นสิ่งจำเป็นแนะนำให้พกตั้งแต่เซเว่น ราคาอาหารและน้ำเพิ่มตามความสูง






















หาทางเข้าที่พัก




แต่ก่อนจะถึงตรงนี้เราถามตัวเองกันหลายครั้งว่าคิดถูกป่าวนะที่มาลำบากขนาดนี้ เหนื่อย เมื่อย


พอไปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก็เอาใบจองที่พัก ใบจ่ายค่าเต้นต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ดู
แล้วพี่เค้าจะให้เราไปลงทะเบียบรับหมอน ถุงนอน ที่รองนอน ที่เราได้จองไว้ แลกกับบัตรประชาชน 1 คน

พี่ที่จ่ายเต๊นแจ้งว่าสำภาระจะถึงเวลา 16.00 น.

เดินไปเดินมาเจอร้านน่ารักขายเสื้อและโปสการ์ด สอบถามทาง พี่ใจดีให้แผนที่มา แนะนำการไปเที่ยวเย็นนี้ว่าน่าจะไปดูอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูก และฝนดันตก แผนนี้เลยล่มไป มีแต่แพลนวันพรุ่งนี้ซึ่งพี่แนะนำดีมาก วันนี้ให้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทาง นอนกันตั้งแต่ 18.30 น. พรุ่งนี้ตีห้า พี่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าถ้าใครจะไปดูอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ให้เจอกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวพร้อมกัน พี่เขาจะไป เนื่องจากช่วงเช้าตรู่ ช้างป่า ออกหากิน เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ



















ถึงแบ้ว
อากาศก็เย็นพอควร มีลมหนาวพัดมาตลอด แต่ไม่หนาวมาก แต่พรอปเราก็จัดเต็ม ฮ่าๆ 
ความสว่างเข้ามาปกคลุม ทะเลหมอกและดวงอาทิตย์ของเรานั้นไปไหน
ทุกคนเริ่มถอดใจ และพากันถ่ายภาพ
การรอคอยเริ่มมีความหวัง เมื่อเราเดินเข้ามาใกล้หน้าผามากขึ้นเพื่อถ่ายรูป แล้วแสงสว่างก็ปรากฏขึ้น ลมเริ่มพัดแรง หมอกที่ดูหนาแน่นก็จางไป
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเรามันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้จะมีเล็กน้อย แต่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นทะเลหมอกด้วยตาตัวเอง มันสวยเกินคำบรรยาย 




ใจถึงก็มาถึงอ่ะ 
ก่อนเริ่มเดินทางก็เอาแผนที่มากาง ทางก็จะประมาณนี้แหละ ตอนแรกว่าจะเช่าจักรยานปั่นแต่แพง เราเน้นประหยัด เลยเดินดีกว่า จุดหมายข้างหน้าผาหล่มสัก อีก 9 กิโลเมตร
มีป้ายบอกขนาดนี้ไม่หลงแน่นอน จุดหมายแรก น้ำตกวังกวาง
มองลงไปแล้วก็อึ้งแป๊บ นี่หรือน้ำตก
เข้าฤดูหนาวแล้ว น้ำก็มีแค่นี้ ข้างล่างเป็นแอ่งกว้างๆ คงไว้ให้กวางป่าเล่น
จุดหมายต่อไป น้ำตกเพ็ญพบใหม่
ทำไมไกลจัง คำถามแรกเริ่มา
เจอป้ายแล้วก็อุ่นใจ ไม่หลง
ถึงแล้น
ต้นเมเปิลเขียวมาก อยากให้มาเห็นเอง

เมเปิลเริ่มแดง 




น้ำตกโผนพบ ทำไมโผนมาพบไกลจัง 

น้ำตกโผนพบ มองจากด้านล่าง
น้ำตกเพ็ญพบ 
น้ำตกถ้ำใหญ่ ประทับใจที่สุดละ ดูเป็นน้ำตก มีใบเมเปิลที่แดงจริงๆ




ถ้าใครมาหลังจากช่วงนี้ น่าจะแดงมากกว่านี้
เดินออกจากป่าชื้นๆ มาหน่อย ก็แห้งแล้งสะปรับอารมณ์ไม่ทันเลย
ที่มืดๆนั่นคือน้ำตก
นี่เป็นน้ำตกธารสวรรค์ ใครอยากได้ภาพน้ำตก ก็ต้องเสี่ยงนิสนึง แต่นี่เห็นความสูงก็พอละ
จุดหมายต่อไป คือ ผาหล่มสัก

ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง ที่เห็นตามทางแบบเกลื่อนกลาด นี่มันอยู่บนดิน ไม่ใช่อยู่บนกระถางห้อยขายตามตลาด 
สระอโนดาต ไม่มีอะไรน่าตื่นตา ส่วนใหญ่นั่งพักกินข้าวกัน ส่วนเรานั้นเดินต่อ ไม่มีเสบียงมาเลย
เดินมาอีกเรื่อยๆมาก จนถึงน้ำตกถ้ำสอเหนือ ถ้าจะถ่ายรูปน้ำตกงามๆ ต้องลงไปข้างล่าง ซึ่งก็มีบางกลุ่มไปเล่นน้ำ

เสบียงทุกอย่างเราหมดแล้ว น้ำสักหยดยังไม่มี มีแต่ต้นหยาดน้ำค้าง จะกินน้ำของมันก็กลัวตาย
ขอบคุณพระเจ้าค่ะ




เอาเสื้อไปปูนอนกันจนห้าโมงเย็น เพิ่งคิดได้ว่าต้องถ่ายรูป มาถึงแล้วนะ 
จริงๆที่นี่สวยนะ แต่ต้องต่อคิวถ่ายรูป และมีหลายคนนั่งมองเราไม่โอเค


แล้วมากินข้าวที่นี่ ร้านสุขสันต์ เป็นร้านข้าวร้านเดียวที่กินตลอดสามวัน อร่อย ถูกปาก มีป้ายบอกราคา ทุกมื้อที่สั่งก็จะกินขนมปังปิ้งทุกมื้อ ก็อร่อยทุกมื้อ คุณป้าอารมณ์ดี คุยเก่ง มีไฟให้ชาร์ตแบตทุกร้านฟรี
ข้างร้านข้าวจะเป็นร้านโปรการ์ด พี่ใจดีมาก ให้แผนที่เราฟรี แนะนำเส้นทางตลอด

ร้านค้าช่วงนี้จะเยอะ
ต้นเมเปิลหน้าอุทยาน แดงแล้วนะ
ต้องบอกลาจริงๆแล้วนะ ภูกระดึง ครั้งเดียวพอละ