สวัสดีครับ สำหรับในช่วงท้ายปี 2016 ที่ผ่านมา และช่วงต้นปี 2017 ปัจจุบันนี้ เส้นทาง Trekking ที่คงจะไม่ถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือ ‘เขาช้างเผือก’ ที่ได้กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปพิชิตอีกครั้งหลังจากที่ฤดูกาลที่แล้วได้ปิดไป สาเหตุมาจากมีช้างป่าจากฝั่งพม่าเข้ามาหากิน แต่เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา ก็ได้มีประกาศเปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาช้างเผือกขึ้นอีกครั้ง….โดยไฮไลท์ที่สร้างชื่อเสียงให้แก่เขาช้างเผือกมีชื่อระบือนาม นั่นก็คือ ‘สันคมมีด’ ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆไปตามสันเขา โดยรอบข้างคือเหวทั้งซ้ายและขวา จากความสูงที่เห็นๆกัน นี่ถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตอ่ะครับ
เอาล่ะ..เรามาดูระเบียบการขอจองขึ้นเขาช้างเผือกและข้อแนะนำกันดีกว่า
1. จองวันที่จะขึ้นได้ล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน
2. สามารถโทรจองได้ ที่เบอร์ 0 3451 0979 และ 09 8252 0359
ตั้งแต่เวลา 08.00-16.30 น.
3. สามารถจองได้ไม่เกิน 10 คน ต่อ เจ้าหน้าที่ 1 คน
4. ต้องแจ้งชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชนของทุกคนทันที แล้วจัดส่งเอกสาร(สำเนาบัตรประชาชน) ของทุกคนทาง
E-mail : Thongphaphumoffice@gmail.com ภายใน 1 วัน
5. ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เวลา 07.00-08.00 น.
6.ค่าบริการผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติ ดังนี้
- ค่าบริการสำหรับบุคคล 40 บาท (ผู้ใหญ่ชาวไทย)
20 บาท (เด็กชาวไทย)
- ค่าบริการสำหรับชาวต่างชาติ 200 บาท (ผู้ใหญ่ชาวต่างชาติ)
100 บาท (เด็กชาวต่างชาติ)
- ค่าบริการสำหรับยานพาหนะ
รถยนต์ 30 บาท
จักรยานยนต์ 20 บาท
-ค่าบำรุงสถานที่พักกางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน
7.เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ๑ คน ต่อนักท่องเที่ยว 10 คน 1,800 บาท
ลูกหาบ 1 คนจะแบกสัมภาระไม่เกิน 30 กิโลกรัม 1,300 บาท
8. สำหรับอาหาร ควรเป็นอาหารที่ประกอบง่าย แนะนำเป็นแก๊สปิคนิคในการใช้ประกอบอาหาร
9. สำหรับน้ำดื่มควรเตรียมคนละ 3 ลิตรขึ้นไป
10. ห้องน้ำมีบริการที่บนเขา ลักษณะเป็นส้วมหลุม ควรเตรียมทิชชู่เปียกไปด้วย
ข้อมูลข้างต้น ผมได้นำมาจาก Facebook fanpage ของทาง อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ
ทีนี้มาดูเทคนิคการจองของผมกันบ้างครับ
เทคนิคการจอง
1.ในกรณีที่รวมกลุ่มกันได้ 10 คน(หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ แต่ไม่เกิน 10คน) ให้ตั้งกลุ่ม LINE และลงรายละเอียดชื่อและเลขบัตรประชาชน กำหนดวันจองให้เรียบร้อย พอถึงวันจองให้สมาชิกทุกคนช่วยกันโทรตั้งแต่ 8.00 ตั้งปณิธานในใจไว้เลยว่า "ถ้าโทรไม่ติด จะไม่หยุดโทร" โดยคนที่โทรติดจะต้องเป็นคนแจ้งชื่อและเลขบัตรประชาชนของสมาชิกทั้งหมดในกลุ่ม ภายในตอนนั้นเลยครับ
2.กดโทรเรื่อยๆ อย่าให้ขาดสายเด็ดขาด ผมโทรประมาณ 250 กว่าสาย โดยโทรติดที่เบอร์ 034-510-979
อย่างไรก็ตามถึงผมจะโทรติด แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถจอง 10 คนได้ ว่างแค่ 1 ที่ ผมเลยตัดสินใจขอไปก่อน เพราะเนื่องจากในสัปดาห์ต่อๆไปจนถึงช่วงที่ปิดเขาช้างเผือก ซึ่งส่วนมากจะเป็นวันที่ 31 มกราคม ผมจะไม่ว่างแล้ว(อย่างไรก็ตามยังไม่มีกำหนดการปิดที่แน่นอน ขอให้เข้าไปติดตามการอพเดทวันปิดฤดูกาลขึ้นเขาช้างเผือกได้ที่ Facebook fanpage ของทางอุทยานแห่งชาติทองผาภูมินะครับ)
นี่จึงเป็นที่มาของทริปลุยเดี่ยวพิชิตเขาช้างเผือก ด้วยงบ 1,000 บาท ในครั้งนี้ครับ.....
ถ้าชอบการรีวิวของผม เข้าไปกดLike และติดตามการเดินทางได้ที่เพจของผมนะครับ https://www.facebook.com/IWouldGoAnywhereForYou/


พอถึง บขส.กาญจนบุรี ต้องเดินทางต่อไปที่ตัวอำเภอทองผาภูมิ มีให้เลือกทั้งรถบัสประจำทางหวานเย็น ราคา 80 บาท และรถตู้ ผมเลือกรถตู้ของบริษัท เอเชียไทรโยค ราคา 110 บาท โดยรถเต็มเมื่อไรก็ออกครับ โดยคันของผมออกเวลาประมาณ 7.30 ถึงอำเภอทองผาภูมิ 9.00 น. ตอนรอขึ้นรถแวะซื้อของกินใน 7-11 กับหมูปิ้งกินรวมกันแล้ว 50 บาท นํ้าเปล่าขวดใหญ่ 14 บาท
ถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ตุนเสบียงมา ก็สามารถมาซื้อตุนที่นี่ได้ตามสะดวกครับ เพราะรถจะมาจอดใกล์ๆกับตลาดทองผาภูมิ
การจะเดินทางจากอำเภอทองผาภูมิ ไปยังอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิหรือบ้านอีต่อง จะมีรถสองแถวสีเหลืองอยู่ครับ มี 2 รอบ คือ 8.30 และ 12.30 อาจจะมีเสริมเป็น 3 รอบ ถ้าเป็นช่วงหยุดยาวหรือเทศกาลครับ อย่างไรก็ตามรถเต็มเร็วมาก ควรรีบไป หรือถ้าไปไม่ทัน ใช้วิธีโบกรถเอาเลยครับ มีรถนักท่องเที่ยวและชาวบ้านขึ้นลงเส้นนี้พอสมควร
ตอนรถสองแถวออกออก รถได้วิ่งย้อนกลับไปทางแยกที่ไปสังขละบุรี ผมก็งงว่าวิ่งย้อนกลับไปทำไม แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่า หลังจากตัวเมืองทองผาภูมิไปจนถึงบ้านอีต่องและอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จะไม่มีปั๊มนํ้ามันแล้วครับ ปั๊มสุดท้ายคือปั๊ม ปตท. ก่อนจะถึง 3 แยก ที่ไปทองผาภูมิหรือสังขละบุรี
สำหรับผมถึงจะทันรถรอบแรกแต่ก็ไม่มีที่นั่งพอครับ ต้องโหนท้ายรถขึ้นไปแบบนี้
รถออกจากตัวอำเภอทองผาภูมิ ประมาณ 9.50 และถึงอุทยานทองแห่งชาติทองผาภูมิเวลาประมาณ 12.30
ที่อุทยานทองผาภูมิ เราสามารถลงทะเบียนขึ้นเขาช้างเผือกในวันพรุ่งนี้ได้เลยครับ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ โดยเสียค่าใช้จ่ายเป็นค่าเจ้าหน้าที่นำทาง 200 บาท ค่ากางเต๊นท์ 2 คืน 60 บาท (กางเต๊นท์นอนที่อุทยาน 1 คืน บนเขาช้างเผือกอีก 1 คืน)


ที่นี่จะมีเจ้านกเงือก 2 ตัวนี้ คอยมารับแขก ไม่ตื่นคนเลย สามารถให้อาหารที่เจ้าหน้าที่จัดไว้กับพวกเขาได้ครับ

สำหรับตัวผมเลือกนอนที่อุทยานทองผาภูมิ(เพราะขี้เกียจไปไหนแล้วครับวันนั้น 55555) ที่อุทยานจะมีจุดชมวิวทะเลหมอกในตอนเช้าได้ แล้วมีจุดชมวิวเขาช้างเผือก ซึ่งจะเห็นเขาช้างเผือกทั้งเทือกเลยครับ(มาถ่ายรูปตอนแสงเย็นสาดใส่เขาช้างเผือกจะสวยมาก ผมเสียดายที่ตอนนั้นถ่ายไม่ทัน)
อีกอย่างนึงคือ ที่โรงอาหารของอท.ทองผาภูมิ มี free wifi ด้วยครับ แต่ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือเพราะช่วงที่ผมไปคนใช้เยอะก็ไม่รู้ 55555 ลืมบอกไปว่า ผมกินข้าวเที่ยง และ ข้าวเย็นที่โรงอาหาร อททองผาภูมิ (เป็นข้าวราดแกง+ตามสั่ง) มื้อละ 50 บาท รวมเป็น 100 บาท

สำหรับคืนนี้ก็มีที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ สามารถนอนดูดาวได้ฟินๆแบบนี้ล่ะครับ





ทางเดินช่วงแรกๆ ยังอยู่ในร่มไม้ครับ เดินกันสบายๆ แดดไม่ร้อน ลมพัดมาเรื่อยๆ
ถ้าเจอลูกหาบเดินสวนมา ช่วยหลบเข้าข้างทางให้พวกเขาด้วยครับ เพราะเขาแบกของกันมาหนักมาก

เดินไปเรื่อยๆ ข้างๆทางเริ่มเปิดโล่งขึ้นครับ ระดับหญ้าค่อนข้างไม่สูงเท่าไร แดดก็เริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ
แล้วเราก็มาถึงจุดพักแรกครับ แต่พักกันไม่นานเท่าไร เพราะจุดนี้ที่หลบแดดแทบจะไม่มีเลย
จุดพักที่สอง

จุดกางเต๊นท์คือจุดที่เว้าลงไปตํ่าสุด ฝั่งด้านซ้ายในภาพ สันคมมีดคือจุดที่เป็นหยักๆ บริเวณกลางภาพ ส่วนยอดสูงสุดเขาช้างเผือกอยู่ทางขวามือที่มีทางเดินขึ้นไป
เดินต่อไปอีกไม่ไกลก็จะเจอกับเขาลูกสุดคือ เขาช้างน้อย ข้ามเขาลูกนี้ไปได้ก็ถึงจุดกางเต๊นท์ล่ะครับ
ช่วงที่กำลังจะลงจากเขาช้างน้อย เพื่อไปที่จุดกางเต๊นท์ ก็จะเจอวิวแบบนี้ครับ

สรุปใช้เวลาจากจุดเริ่มเดินที่บ้านอีต่อง จนถึงจุดกางเต๊นท์บนเขาช้างเผือก ประมาณ 3 - 4ชม.ครับ ผมเริ่ม 9.00 ถึงจุดกางเต๊นท์ 12.30 จากนั้นก็นั่งเปื่อยครับ กางเต๊นท์ กินข้าวเที่ยง นอนรอจน 16.00 เจ้าหน้าถึงจะเริ่มให้ขึ้นเขาช้างเผือก













ถึงจุดกางเต๊นท์ก็กินอาหารเย็นกันครับ ผมไปขอนํ้าร้อนจากกลุ่มลูกหาบมาต้มมาม่าคัพ



