Day1 หยุด(แรง)งาน หนีร้อนไปเติมความรักที่”พัทยา”
สวัสดีเพื่อนๆทุกท่านครับ ครั้งนี้ผมจะพาไป กิน เที่ยว พักผ่อน ที่พัทยาและสัตหีบกันครับ ทริปนี้ผมเริ่มต้นเดินทางจากนครราชสีมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกของการขับรถเที่ยว เพราะปกติจะอาศัยรถทัวร์หรือไม่ก็สายการบินต้นทุนต่ำในการเดินทาง ครั้งนี้ที่เลือกจะขับรถเที่ยวเองเพราะต้องการความสะดวกและความคล่องตัว
รายละเอียดของทริป
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน
ที่พัก Cape Dara Pattaya
ที่เที่ยว เกาะแสมสาร, ฟาร์มแกะพัทยา และ J-Park ศรีราชา
ที่กิน The Sky Gallery Pattaya, ศรีนวล ซีฟู้ด, Surf & Turf Pattaya และ Hako Ramen @J-Park
Follow Me
https://www.facebook.com/Backpackergraphy/
Day1
ผมเริ่มออกเดินทางจากนครราชสีมาตั้งแต่ 06:30 เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดในช่วงวันหยุด ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็เข้าสู่เขตเมืองพัทยา มองไปที่นาฬิกา 11:30 พอดีท้องก็เริ่มหิวจึงคิดว่าน่าจะหาอะไรทานกันก่อนที่จะไปที่พัก อย่ามัวรอช้าเปิด GPS เพื่อมุ่งตรงไปยังร้าน“The Sky Gallery Pattaya”กันเลย
The Sky Gallery Pattayaเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ร้านเปิดโล่งรับลมทะเล เต็มไปด้วยร่มไม้และพืชสีเขียว ช่วยเติมความชุ่มชื่นและสดชื่นให้กับปอดได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งโต๊ะเก้าอี้แบบมาตรฐาน หรือจะเป็นเก้าอี้แบบโซฟา และถ้าอยากนั่งสบายๆก็สามารถเลือกนั่งกับพื้นหญ้าเทียมได้เช่นกัน
บาร์น้ำตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า
ที่นั่งมีให้เลือกหลากหลาย มองเห็นวิวทะเลทุกที่นั่ง
จุดเด่นของที่นี้คือพื้นที่สีเขียวและมีร่มไม้จากต้นไม้ใหญ่ค่อยพังแดด
วิวจากร้านอาหาร 


หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารและทิวทัศน์ที่สวยงามกันแล้ว ผมจึงมุ่งหน้าต่อไปยังที่พัก ที่จะเป็นจุดปักหลักในการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ “Cape Dara The Beachfront Resort Pattaya” โรงแรมที่ผสมผสานอย่างลงตัวของทั้งความเป็นโรงแรมและรีสอร์ท ตัวโรงแรมตั้งอยู่สุดเขตพัทยาเหนือเลยไปอีกนิดก็เป็นหาดวงอำมาตย์ โรงแรมมีตัวตึกอยู่2ตึก คือตึกหลักที่ตั้งสูงเด่นกว่า 20 ชั้น และ ตึก Beachfront ที่อยู่ถัดลงมา (จากในภาพตึก Beachfront คือตึกที่โดนต้นมะพร้าวบัง)
ส่วนของเคาน์เตอร์เช็คอินและล็อบบี้นั้นไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ แต่ก็กลับไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใด ส่วนหนึ่งคงต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ออกแบบ เนื่องจากห้องโถงที่ยกเพดานสูงและเปิดโล่ง ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ท่านสามารถเดินทะลุจากเคาน์เตอร์เช็คอินไปยังล็อบบี้และสระว่ายน้ำได้ในทันที ผมเข้าเช็คอินประมาณ 14:00 เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นกันเอง ใช้เวลาดำเนินการและอธิบายรายละเอียดต่างๆไม่เกิน 5-10 นาที ผมก็ได้คีย์การ์ดและพร้อมที่ขึ้นสู่ห้องพักกันแล้ว
ส่วนต้อนรับและเคาน์เตอร์เช็คอิน
ล็อบบี้แบบเปิดโล่งรับลมทะเล
ชมล็อบบี้โรงแรมแบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/i6THldJ7dwRNxZBJfd2mum20y
ร้านขายขนมเค้ก
ร้านสะดวกซื้อและ Kid room สำหรับน้องๆหนูๆ
จริงๆในวันที่ทำการจองผ่าน Booking.Com ผมได้เขียนในส่วนของห้องผมไว้ว่า “ขอห้องที่สูงที่สุดในroom typeและหันหน้าไปทางหาดพัทยา” แต่วันที่เข้าพักห้องที่ได้หันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ อันนี้ไม่ว่ากันครับ เพราะช่วงที่ผมเข้าพักเป็นวันหยุดยาวและทัวร์จีนเข้าพักพอดี คิดว่าโรงแรมคงทำดีที่สุดแล้ว
ครั้งนี้ผมได้พักชั้น 19 ซึ่งก็เป็นไปตามคำขอ เพราะโรงแรมมี 20 กว่าชั้น ได้พักชั้น 19 ผมก็โอเคกับวิวที่อยากได้แล้ว หลังจากออกจากลิฟท์จะมีทางเดินแยกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งนึงหันหน้าไปทางหาดพัทยาและอีกฝั่งหันหน้าไปทางหาดวงอำมาตย์ …ตามมาดูห้องพักของผมกันเลย
ครั้งนี้ผมจองเป็นห้อง Deluxe Corner Room เป็นห้องที่ราคาสูงถัดขึ้นมาจากห้อง Deluxe Room ซึ่งเป็นห้องราคาถูกที่สุดของโรงแรม เนื่องจากเป็นห้องที่อยู่ในส่วนมุมทำให้ได้พื้นที่ในส่วนของมุมตึกเพิ่มขึ้นมาพอสมควร ใครของหรืออุปกรณ์เยอะคงจะถูกใจ เพราะมีพื้นที่ให้วางและเก็บของเหลือเฟือ 
ห้อง Deluxe Corner Room
ห้อง Deluxe Corner Room 
ห้อง Deluxe Corner Room
ห้อง Deluxe Corner Room
อ่างอาบน้ำพร้อมวิวหาดวงอำมาตย์ 
ห้อง Deluxe Corner Room
ห้อง Deluxe Corner Room 
ห้อง Deluxe Corner Room
ห้อง Deluxe Corner Room
ชมห้อง Deluxe Corner แบบ 360 องศา (คลิกลิ้งค์ด้านล่าง)
https://theta360.com/s/sWk7EwnIEgrCAECPVrWKYP1Xg
พิกัด GPS โรงแรม Cape Dara Resort Pattaya
https://goo.gl/maps/2cX72ZPitet
หลังจากสำรวจที่พักกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาของอาหารค่ำ วันนี้ผมตัดสินใจไปเดินเล่นและทานข้าวเย็นที่ Central Festival Pattaya Beach โดยทางโรงแรมมีรถตุ๊ก ตุ๊ก ค่อยให้บริการรับ-ส่ง จากโรงแรมไปส่งยังวงเวียนปลาโลมา และจากจุดนั้นก็สามารถที่จะโบกรถ2แถวไปยังที่อื่นๆได้ต่อ ส่วนรอบของรถรับ-ส่ง จะวนมารับและส่งแขกทุกๆ 15 นาที หรือถ้ามาถึงจุดรอรถก่อนเวลาก็สามารถโทรแจ้งกับทางโรงแรมให้ส่งรถมารับก่อนได้ โดยเบอร์โทรจะอยู่ในใบตารางเวลาเดินรถ (ขอได้จากพนักงานที่เคาน์เตอร์) แต่บริการรถรับ-ส่งจะให้บริการถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้น
ภาพจาก Google Street View

นักท่องเที่ยวมาเข้าแถวเพื่อรอรับบัตรคิว
ผมได้คิวที่ 316และ317
เวลาประมาณ 6โมงเช้า แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงทยอยกันมาต่อแถวรอรับบัตรคิวอย่างเนืองแน่น
พระอาทิตย์ขึ้นที่ตำบลแสมสาร 
กล่องอาหารแข็งแรงสวยงาม จับถือสะดวก 
ตํ่วราคา 300 บาท (ตั๋วออกแบบสวยดีครับ)
แถวขึ้นเรือข้ามไปเกาะแสมสารและเกาะขาม โดยเรือไปเกาะแสมสารและเกาะขามนั้น จะใช้ท่าเรือเดียวกันแต่ไปคนละลำ ดังนั้นให้ฟังเจ้าหน้าที่ประกาศเรียกดีๆ และยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่ตรวจจะได้ไม่ขึ้นเรือผิดลำ
ตอนขึ้นเรือจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและพยุงขณะที่ก้าวลงเรือ 

รถรับ-ส่ง ระหว่างหาดเทียนไปหาดลูกลม
ป้ายหาดลูกลม
ชายหาดลูกลม มีเตียงผ้าใบและเพิงพักให้บริการ ถ้าเตรียมเสื่อมาก็สามารถนำมาปูนั่งพักใต้ร่มไม้ได้
ทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าใส ไม่แพ้หมู่เกาะทางภาคใต้เลยครับ
เอารูปมายืนยันครับ ว่าน้ำใสมากกกกกก
ถ้ากลัวดำก็มีเตียงผ้าใบให้นอนรับลมทะเล
ร้านค้าและจุดลงทะเบียนดำน้ำ 
หาดเทียนเกาะแสมสาร
มาทะเล จะพลาดไม่ได้กับการถ่ายรูปคู่ชิงช้าไม้ 
ถึงเวลาขึ้นเรือกลับเข้าฝั่งแล้วครับ หลังจากนี้เดี๋ยวผมจะพาไปทานอาหารทะเลเจ้าประจำของผมกัน
ปลาทอดน้ำปลา
กรรเชียงปูนึงจานโต
ข้าวผัดปู
ต้มยำกุ้งเล็ก ให้กุ้งมา8-9ตัว แต่วันที่ไปทานทำน้ำข้น ข้นไปนิดนึง
ที่นั่งมีให้เลือกทั้งแบบในร่ม(พัดลม,แอร์) และกลางแจ้ง
สันเขื่อนกันคลื่นอยู่ติดกับร้านอาหาร สามารถเดินขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ 
อาหารเช้ารสชาติตามมาตรฐานโรงแรมชั้นนำทั่วไป แต่มีพิซซ่าญี่ปุ่นเพิ่มมาด้วย

ชายหาดของโรงแรมค่อนข้างเงียบสงบ แต่ไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำ เพราะส่วนใหญ่เป็นโขดหิน
อาคารจำหน่ายตั๋ว



ฟาร์มแกะไม่ได้มีแต่แกะนะครับ ม้า หมู เต่า อัลปากา นก ก็มีให้ดูนะครับ

โซฟาตัวใหญ่และนุ่ม ทานข้าวอิ่มนอนรับลมต่อได้เลย









ชายหาดหน้าโรงแรมตอนน้ำลด จะเห็นว่ามีแต่โขดหินไม่เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเลเท่าไหร่

ห้องอาหารของโรงแรมหันหน้าออกทะเล มีทั้งแบบเปิดโล่งรับลมทะเลและห้องแอร์ให้เลือกนั่ง
วันนี้แขกค่อนข้างน้อย นั่งทานได้แบบสบายๆ
เมนูอาหารเช้าบางส่วนของโรงแรม
ป้าย J-PARK สูงเด่นเป็นสง่า ทำให้มองเห็นได้แต่ไกล
หน้าร้าน HAKO RAMEN
เปิดประตูร้านเข้ามาก็เจอ ง.งู 2 ตัววิ่งมาชนกันเลย (งง) เพราะวิธีสั่งอาหารที่นี้จะค่อนข้างแปลกและแตกต่างนิดนึง โดยมีวิธีสั่งอาหารดังนี้ เมื่อท่านเข้ามาในร้าน จะเห็นป้ายเมนูอาหารขนาดใหญ่อยู่ทางด้านซ้าย และจะมีธงติดตัวเลขและกล่องพลาสติกติดตัวเลขอย่างละ2กล่องวางอยู่ข้างๆธง ให้ท่านนำป้าย (สีแดง คืออาหาร สีน้ำเงินคือเครื่องดื่ม) ที่ห้อยอยู่หน้าเมนูอาหารที่ท่านต้องการทาน นำมาใส่ไว้ในกล่อง กล่องแรกใส่ป้ายสีแดง กล่องถัดไปใส่ป้ายสีน้ำเงิน เมื่อเลือกได้เป็นที่พอใจแล้ว ให้นำทั้ง2กล่องไปส่งให้แก่พนักงาน และนำธงที่มีเลขไว้วางไว้ที่โต๊ะที่ต้องการนั่ง เป็นอันเสร็จพิธี หลังจากนั้นไม่นานก็รออาหารมาส่งที่โต๊ะได้เลย
จำชื่อเมนูไม่ได้ แต่รสชาติออกเค็ม อร่อยดีครับ
ส่วนชามนี้เป็นแบบแห้งครับ ตีไข่ลวกให้แตกจะเพิ่มความคลุกคิกในการรับประทาน
ร้าน Soft Corner
รสช็อกโกแลตและส้ม
ส่งท้ายทริปนี้ด้วยการ เดินเลือกซื้อของในร้าน Daiso ครับ