...สริยาลาลับนภาลัย รอวันรุ่งอรุโณทัยแดนสุโข...

: ถ้านึกถึงจังหวัดที่อยากไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพ นอนพักสัก 1 คืน ทอดใจพักกายสบายๆ ใช้ชีวิตแบบช้าๆ แล้ว ล่ะก็ "สุโขทัย" เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจเลยทีเดียว : 

 

รูปแบบการเดินทาง : โดยรถยนต์ส่วนตัว โดยออกจากกทม.แต่เช้า แล้ววิ่งเส้นพิษณุโลก เข้าสุโขทัย


วันที่ 1 
- แวะทานข้าวเช้าที่สิงห์บุรี
- แวะไหว้พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก
- ศาลพระแม่ย่า จ.สุโขทัย
- ทานกลางวันร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ้แฮ จ.สุโขทัย
- วัดกงไกรลาศ จ.สุโขทัย
- บ้านอดิศักดิ์ เงินทอง จ.สุโขทัย
- ตลาดริมยม 2437 จ.สุโขทัย
- อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย
- เข้าพักที่ ไทย-ไทย สุโขทัย เกสต์เฮาส์ จ.สุโขทัย

วันที่ 2 
- วัดศรีชุม จ.สุโขทัย
- โครงการเกษตรอินทรีย์ สนามบินสุโขทัย จ.สุโขทัย
- อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
- ทานกลางวันที่ร้านข้าวเปิ้บยายเครื่อง จ.สุโขทัย
- ศูนย์ผ้าหมักโคลน บ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย
- ร้านทอง บ้านทองสมสมัย จ.สุโขทัย
- กลับเข้ากทม.โดยสวัสดิภาพ

ค่าใช้จ่ายหลักๆ
 ค่าน้ำมันรถ / ขึ้นอยู่กับรถแต่ละบุคคล
 ค่าอาหาร / ขึ้นอยู่กับการสั่งของแต่ละบุคคล
 ค่าที่พัก ไทย-ไทย สุโขทัย เกสต์เฮาส์/ ห้องธรรมดาคืนละ 1,000 บาท
 ค่าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย /  คนไทย 20 บาท, ต่างชาติ 100 บาท
 ค่าเข้าวัดศรีชุม / คนไทย 20 บาท, ต่างชาติ 100 บาท
 ค่าเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย / คนไทย 20 บาท, ต่างชาติ 100 บาท


------------------------------------------------------------------------------------


> 05:30 เราออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่สุโขทัย วิ่งออกเส้นอยุธยา สิงห์บุรี แวะทานข้าวเช้ากันก่อน
> 7:00 มาถึงจุดแวะทานข้าวที่ เฮียเล็กต้มเลือดหมู แต่ก็มีอาหารอย่างอื่นขายด้วย เช่น ผัดไทย ข้าวขาหมู โจ๊ก ต้มเลือดหมู

> 10:00 มาถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก แวะไหว้สักการะองค์พระพุทธชินราชเพื่อความเป็นสิริมงคล

> 11:45 ขับรถมาถึงยัง จ.สุโขทัย เราก็ตรงมาที่ศาลพระแม่ย่าก่อน เพื่อจะได้ไล่เรียงสถานที่ต่อไป ให้สอดคล้องกับเวลาและสถานที่ต่อไปที่เราจะไป

 

> ศาลพระแม่ย่า> 12:00 ขับรถมาไม่ไกลจากศาลพระแม่ย่า เราก็มาทานกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย เจ๊แฮ > มาถึงสุโขทัย ก็ต้องจัดก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยสักหน่อย ที่ร้านนี้เค้ามีอาหารให้เลือกหลากหลาย ไส้อั๋ว ผัดไท หมูสะเต๊ะ ตบท้ายด้วยไอศครีมกะที หรือจะขนมถ้วยก็มีนะ

> 13:30 หลังจากเติมพลังกันเสร็จแล้ว เราก็ขับรถย้อนออกมาที่ อ.กงไกรลาส เพื่อมาเดินเล่นรอเวลาตอนเย็น มีตลาดนัดริมยม ที่จะจัดขึ้นเฉพาะวันเสาร์ต้นเดือนของทุกเดือนแค่นั้น โชคดีที่เรามาช่วงต้นเดือนพอดีเลยมีโอกาสได้มาตลาดนัดริมยม
> ที่ อ.กงไกรลาส ยังคงเป็นหมู่บ้านลักษณะบ้านเรือนแบบเก่าอยู่ และมีจุดให้แวะเยี่ยมชมในแนวเส้นถนนนี้

> มาถึงที่ อ. กงไกรลาศแล้ว ถ้าไม่ได้มาซื้อขนมผิงก็ถือว่ามาไม่ถึง และยิ่งไปกว่านั้น ก็ต้องมาซื้อที่ร้านแม่ติ๋ม ขนมผิงแง้มประตูขายด้วยนะ ที่นี่เค้าจะมีเอกลักษณ์คือจะแง้มประตูไว้แค่บานเดืยวนั้นแสดงว่ายังมีขนมขายอยู่

> ที่หมู่บ้านกงไกรลาศนี้ จะมีวัดกงไกรลาศ (วัดกง) เราก็ได้เข้าไปกราบไหว้สักการะ

> หลวงพ่อโตวิหารลอย เล่ากันว่าในสมัยก่อน พม่ายกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก และได้เดินทัพผ่านและพักแรมที่ บ้านกงแห่งนี้ ด้วยความคึกคะนองและอยากลองดีของทหาร จึงยิงปืนใหญ่ถล่มวิหารหลวงพ่อจนพังเสียหาย แต่ไม่โดนองค์พระ มีเพียงรอยกระสุนทะลุจีวรด้านซ้ายให้เห็นเท่านั้น เล่าต่อกันมาว่าความเสียหายของวิหารในครั้งนั้น ทำให้หลวงพ่อโตต้องตากแดด ตากฝนอยู่นานหลายสิบพรรษา จนกระทั่งคืนหนึ่งของวันเพ็ญเดือนสาม ชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดนั้น ได้ยินเสียงแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นมาจากทางวัด แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งรุ่งเช้า ต่างพบว่าหลวงพ่อโตได้แสดงปาฏิหาริย์เคลื่อนองค์ท่าน จากที่เดิมไปประทับใต้ต้นคูน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เดิมราวสามวา สำหรับคำ ว่า “วิหารลอย” นั้น มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ทุกปีที่น้ำท่วมล้นขอบตลิ่งแม่น้ำยมซึ่งติดกับวัด ศาลาและกุฏิต้องทำการยกสูงมากกว่าหกศอกเพื่อหนีน้ำ แต่วิหารหลวงพ่อโตอยู่ในบริเวณเดียวกันนั้น กลับดูเสมือนลอยพ้นน้ำ เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นอีกในปี พ.ศ.2485 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ วิหารลอยก็ไม่ถูกน้ำท่วม ชาวบ้านเชื่อว่าใต้วิหารหลวงพ่อ อาจมีเรือสล่าเงินและสล่าทองหนุนค้ำให้วิหารลอย
ข้อมูลจาก : สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุโขทัย

> สถานที่อีกที่หนึ่งที่อยู่ในบริเวณบ้านกงนี้ ก็คือบ้านทนายอดิศักดิ์ เงินทอง 
> ด้วยลักษณะบ้านที่ยังคงความเก่าแก่ และการจัดตกแต่งบ้านที่น่ารัก จึงเข้าใจว่าเป็นพิพิธภัณฑ์หรือจุดแสดงสิ่งของต่างๆ แต่เมื่อได้เข้าไปและได้พบกับเจ้าของบ้านจริงๆ แล้ว ปรากฏว่า เจ้าของบ้านเป็นทนายและปัจจุบันก็ยังรับว่าความอยู่

> คุณน้าเจ้าของบ้านเมื่อเห็นเราก็กุลีกุจอมาต้อนรับ และยินดีให้เข้ามาเยี่ยมชมภายในบ้าน ซึ่งทุกคนภายในบ้านก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ

> คุณลุง (พ่อของคุณน้าทนาย) ถือว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้าน ท่านได้เล่าเรื่องประวัติควาามเป็นมาต่างๆ ของ อ.กงไกรลาศให้เราได้รับรู้กัน และเพลิดเพลินไปกับการพาทัวร์ชมบ้านอันแสนน่ารักหลังนี้ > เมื่อเริ่มเย็นย่ำ ชาวบ้านเริ่มพากันออกมาตั้งโต๊ะจัดของเพื่อนำมาขายในงานตลาดริมยม ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันเสาร์แรกของเดือน > เสน่ห์ของตลาดริมยมอย่างหนึ่งก็คือ พ่อค้า แม่ค้า ที่นี่จะพากันแต่งตัวและจัดร้านแบบย้อนยุค
> หากอยู่ถึงตอนกลางคืนก็จะมีการแสดง รำวง ด้วย แต่เราไม่ได้อยู่จนถึงกลางคืน เพราะมีแผนจะไปที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยต่อ เพื่อชมบรรยากาศสุริยาลาลับขอบฟ้า > 17:20 เราก็ขับรถมาถึงอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ที่นี่ห้ามนำรถยนต์เข้าในส่วนเมืองข้างใน สามารถเช่าจักรยาน หรือเหมารถสามล้อเข้าไปแทนได้ > รถสามล้อที่เหมาเข้ามาให้พาชมภายในอุทยานฯ ราคาเหมา 200 บาท ซึ่งจะขับพาไปตามจุดต่างๆ ภายในอุทยานฯ > ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ฯ (วัดสระศรี) > ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ฯ (อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช) > ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ฯ (วัดมหาธาตุ) > ช่วงวันที่ไปมีการจัดงานภายในอุทยานฯ พอดี > มีการแสดง และการออกร้าน ขายของ ต่างๆ > 19:15 เราก็ขับรถเข้ามาเช็คอินที่ "ไทย ไทย สุโขทัย เกสท์เฮาส์" ห่างจากอุทยานประวัติศาสตร์ฯ ไม่กี่นาที (ภาพถ่ายตอนเช้า) > ภายในห้องพัก standard มีระเบียงออกไปนอกห้องได้


> เมื่อเข้ามายังในห้องพัก จะมี welcome card วางอยู่เขียนชื่อเรา และเขียนต้อนรับเราที่กลับมาพัก น่ารักมากๆ นี่แหล่ะ มัดใจลูกค้าอยู่หมัดเลย
> ที่รีสอร์ท มีบริการนวดด้วย โดยเรียกพนักงานมานวดให้ที่ห้อง

> ห้องอาหารตอนเช้าเป็นไลน์บุฟเฟต์ อาหารไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ วันที่ 2 
> 9:00 เมื่อเราเช็คเอาท์จากรีสอร์ท เราก็มาแวะที่วัดศรีชุม ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่พักนัก > การมาวัดศรีชุม จะอยู่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย รอบนอก สามารถขับรถเข้าไปได้ แนะนำว่าควรมาช่วงเช้าก่อนเที่ยง จะทำให้การถ่ายภาพได้แสงที่สวย > 09:30 เราขับรถออกมาตรงมายัง โครงการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งอยู่ในบริเวณของสนามบินสุโขทัย > ภายในมีการทำเกษตรอินทรีย์สาธิต > แปลงผักปลอดสารพิษ > ภายในยังมีตลาดกลางนา มีร้านขายของเล็กๆ 2-3 ร้าน > การตกแต่งร้านแนวย้อนยุค > นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารสุโข ซึ่งนำผลิตผลจากแปลงเกษตรนำมาแปรรูป เช่น ใบข้าวทอด อร่อยมาาาาาาาก > รายการเครื่องดื่มก็น่าสนใจ เช่น น้ำใบข้าวคลอโรฟิวส์ปั่นเย็นชื่นใจ > ของหวานเค้าก็มีนะ ไอศครีมใบข้าว หวานหอม อร่อยลืมมมม > 10:45 ขับรถต่อมายังอุทยานศรีสัชนาลัย > ที่นี่มีบริการรถรางนำชมด้วย เสียค่าบริการเหมาราคา 300 บาท > ภายในอุทยานศรีสัชนาลัย (วัดช้างล้อม) > ภายในอุทยานศรีสัชนาลัย (วัดช้างล้อม) > ภายในอุทยานศรีสัชนาลัย (เจดีย์เจ็ดยอด) > 13:15 ขับรถมาทานกลางวันกันที่บ้านนาต้นจั่น อ.ศรีสัชนาลัย ร้านข้าวเปิ้บยายเครื่อง เส้นทางออกจะลึกลับและขับเข้ามาลึกสักหน่อย > อาหารพื้นเมืองของสุโขทัยอีกอย่างหนึ่งก็คือ ข้าวเปิ้บ และข้าวพันไม้   > เมื่อทานกลางวันเสร็จ เราก็ขับรถมาที่ศูนย์ผ้าหมักโคลน เพื่อกะจะมาชมวิธีการทำ และเลื่อกซื้อสินค้า แต่เผอิญวันที่มาเป็นวันอาทิตย์ พี่เค้าบอกว่าหยุดเลยไม่ได้เห็นวิธีการทำ แต่ก็ยังเลือกซื้อสินค้ากันได้ > เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ผ้าหมักโคลน ซึ่งเป็นแบบสำเร็จรูป แบบทันสมัยสวยมากๆ ผ้าหมักโคลนจะมีลักษณะนิ่มและนุ่มมาก> 15:00 จุดสุดท้ายที่เรามาแวะกันก่อนวิ่งตรงกลับเข้ากรุงเทพ นั้นก็คือร้านทอง บ้านทองสมสมัย มาถึงสุโขทัย เค้าว่าทองคุณภาพดี 99.99% ก็มาแวะเลือกซื้อสักเส้น สักวง กันได้ตามใจชอบเลย > ลักษณะเป็นเหมือนบ้าน ภายในไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และมีส่วนที่เป็นโรงงานทำให้ได้เดินชมกันได้ด้วย

| When the world is moving, sometimes we need more slow life. |