ที่มาของทริป
ในบรรดาจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน “ตรัง” เป็นจังหวัดที่ผมไปมาหลายครั้ง แต่มีเพียงครั้งเดียวที่ได้เที่ยวทะเล แถมไม่จบทริปอีกต่างหาก เพราะเพื่อนในกลุ่มโดนแมงกะพรุนไฟโจมตีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล (สงสัยบาปกรรมที่ชอบกินแมงกะพรุนหม้อไฟ อิอิ) … ผมก็เลยยังรู้สึกค้าง ๆ คา ๆ กับทะเลตรังจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้นเมื่อได้รับการเชิญชวนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ร่วมทริปไปสำรวจเมืองตรัง ผมจึงตกปากรับคำใน 0.021 วินาที โดยหารู้ตัวไม่ว่าวันลาพักร้อนประจำปีใกล้หมดเต็มทีแล้ว 555
อีกอย่างในโปรแกรมนั้นจะได้พักบน “เกาะเหลาเหลียง” … ชื่อที่เคยถูกอ้างประกอบภาพใน forward mail ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว unseen ของไทย แต่แท้จริงภาพที่ใช้เป็นน้ำตกแห่งหนึ่งในโครเอเชีย (ลอง search ชื่อ “เกาะเหลาเหลียง” ใน google จะยังพบภาพน้ำตกแห่งหนึ่งที่มีแอ่งน้ำสีเขียวมรกตอยู่จนถึงทุกวันนี้) … งานนี้จะได้เอาภาพแท้ ๆ มาลงให้ google ได้รู้จัก “เกาะเหลาเหลียง” ตัวจริงเสียที ฮึ่ม! …
เพื่อน ๆ ที่ชอบผลงานถ่ายภาพ สามารถติดตามได้ที่ facebook 9Mot-Photography หรือ instagram @9mot ... สำหรับทริปท่องเที่ยวถ่ายภาพทั้งไทยและต่างประเทศของ "นายมด" สามารถติดตามได้ที่ www.9mot.com ครับ




















ชมสถานีแล้วอย่าลืมแวะไปร้านกาแฟน่ารักประจำสถานีที่ชื่อ “Love Station – สถานีรัก” ด้วยนะครับ สำหรับเมนูที่จะแนะนำไม่ใช่กาแฟแต่เป็นน้ำมะม่วงเบาปั่น รสชาติหอมหวานอมเปรี้ยวดื่มแล้วสดชื่นขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว และสำหรับคนชอบถ่ายภาพ …ร้านกาแฟแห่งนี้ตกแต่งได้อย่างน่ารักมาก ๆ รับรองว่าถูกใจแน่ ๆ



















เริ่มที่ “สวนสาธารณพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง)” สถานที่พักผ่อนและทำกิจกรรมสันทนาการของชาวเมืองตรัง และเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ ที่คนตรังเคารพนับถือและสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงบุญคุณของท่าน


จากนั้นตุ๊กๆ หัวกบนำเราไปยังอาคารเก่าแบบชิโนโปรตุกีส ซึ่งเหลือแบบที่เป็นโครงสร้างดั้งเดิมจริง ๆ ไม่กี่หลังเท่านั้น น่าเสียดายที่อาคารเหล่านี้ไม่ได้รับการทำนุบำรุงและจัดระเบียบพื้นที่ให้เหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวนัก … แต่ในอีกมุมหนึ่ง เราก็ได้เห็นภาพดิบ ๆ ของอาคารที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานหลายปี



สุดท้ายของโปรแกรมนั่งรถตุ๊ก ๆ หัวกบชมเมือง เราถูกนำมาส่งที่ย่านการค้าหน้าสถานีรถไฟตรัง ให้พวกเราได้เดินเล่นกันชิล ๆ … คนที่หิวก็ได้โอกาสหาของอร่อยรองท้องไปด้วยในตัว







ที่พักคืนนี้เป็นเต้นท์ริมหาด… แต่อยากจะบอกว่านี่เป็นเต้นท์ที่ดูดีมีสกุลที่สุดตั้งแต่ผมเคยนอนเต้นท์มา … ตอนไปนอนเกาะสุรินทร์ก็รู้สึกว่า ok แล้วนะ แต่พอมาเจอที่นี่ของหมู่เกาะสุรินทร์ชิดซ้ายเลย 555 … เต้นท์แต่ละหลังนอกจากมีส่วนที่กั้นไว้เป็นห้องนอน (มีฟูกและเครื่องนอนเรียบร้อย) ยังมีส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น มีโคมไฟและที่สำคัญมีพัดลมให้ด้วย สุดยอดเลยจริง ๆ ที่สำคัญผมได้หลังทำเลทองอยู่แถวหน้าสุดใกล้ทะเล ดีใจผุด ๆ เลยที่คืนนี้จะได้นอนฟังเสียงคลื่นชัด ๆ อีกครั้ง หลังจากที่ร้างราไปหลายเดือน (หรือพวกเพื่อน ๆ น้อง ๆ เค้ากลัวสึนามิกันหว่า เลยให้เราอยู่แถวหน้าเลย 555่) … อันที่จริงไม่ต้องกลัวครับที่นี่มีเสาสัญญาณเตือนภัยสึนามิอันเบ้อเริ่มเลย (ผมแอบเซ็งเล็ก ๆ ต้องคอยหลบเวลาถ่ายภาพเพราะมันดูเป็นส่วนเกิ้นส่วนเกินจริง ๆ)























ผลัดกันเป็นนายแบบนางแบบที่มุมนี้กันพักใหญ่ เราก็กลับมายังเกาะเหลาเหลียงน้อง .. น้ำเริ่มลงแล้ว คนขับเรือบอกว่าสามารถดำน้ำดูปะการังตรงหน้าหาดได้เลย มีดอกไม้ทะเลกับนีโม่อยู่หลายตัวเลย .. รู้สึกคำว่านีโม่จะกระตุ้นต่อมดำน้ำได้เป็นอย่างดี ทุกคนรีบคว้าชูชีพกับสน็อกเกิ้ลออกไปลอยคอหาตัวเจ้านีโม่กันใหญ่ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ มีดอกไม้ทะเลกับนีโม่อยู่ 3-4 จุด แต่ตัวไม่ใหญ่นัก












วันนี้เราต้องโบกมือลาเกาะเหลาเหลียง เพื่อมุ่งหน้าสู่อีกจุดหมาย “เกาะสุกร” ซึ่งเรามีโปรแกรมชมวิถีชาวบ้านกันที่นั่น แต่ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเกาะสุกร พวกเราขอแวะไปเก็บภาพแสงเช้าที่เกาะเหลาเหลียงพี่อีกครั้ง และภาพที่เราได้เห็นไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริง ๆ







และนี่เป็นห้องพักของผมครับ อยู่ติดสระว่ายน้ำ หันหน้าเข้าหาทะเล … ห้องพักเป็นแบบบังกะโล พื้นที่ห้องไม่เล็กไม่ใหญ่ มีระเบียงนั่งเล่น ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องถือว่าครบดีครับ ไม่ว่าจะเป็นทีวี, ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึง amenities ในห้องน้ำ
















ช่วงเย็นของวันนั้น ผมเก็บภาพบรรยากาศริมหาดอีกครั้ง วิวที่เกาะสุกรแห่งนี้สวยงามไปอีกแบบ เพราะสามารถเห็นพระอาทิตย์ตกได้เต็มตา โดยมีเรือประมงเป็นฉากหน้าและเกาะเหลาเหลียงทั้งสองรวมถึงเกาะอื่น ๆ ของตรังเป็น background









มื้อค่ำคืนนี้เราทานกันบนโต๊ะที่จัดไว้บนหาด มีทั้งเมนูซีฟู้ดและอาหารพื้นบ้าน จานอร่อยสำหรับผมคือซีฟู้ดเผาและยำสาหร่ายทะเล ทานไปเยอะเลย อิอิ








ระหว่างทางไปท่าเรือ ขอแวะเก็บภาพแสงสวย ๆ ยามเช้ากับต้นยางหน่อย
เรานั่งเรือหางยาวกลับเข้าฝั่ง ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีเพราะเกาะสุกรห่างฝั่งเพียง 3 กม. โดยประมาณ





หลังมื้อเช้า เรามีโปรแกรมแวะชมโรงงานขนมเปี๊ยะซอย 9 ร้านขนมชื่อดังของเมืองตรัง แต่เพื่อพักท้อง (เพราะต้องมีการชิมอย่างแน่นอน) เราแวะไหว้พระกันที่ “ศาลเจ้าท่ามกงเยี้ย” หนึ่งในศาลเจ้าคู่เมืองตรัง
ออกจากศาลเจ้าก็แวะซอยเก้าทันที เพื่อเยี่ยมชม “ร้านขนมเปี๊ยซอย 9″ … ฝั่งที่เป็นร้านขายของ หรือน่าจะเรียกกว่าโชว์รูมมากกว่า เพราะมีขนมเปี๊ยะหลากรสให้ชิม พร้อมชาเย็นอร่อย ๆ หรือจะเลือกชาจีนก็ได้ ที่นี่ใจปั้มมากครับ ให้ลูกค้าได้ชิมกันเต็มคำกับขนมเปี๊ยะลูกใหญ่ใส้เต็ม ไม่นำมาหั่นเป็นลูกเต๋าชิ้นเท่ามดลูกแมงสาบให้เสียอรรถรถการชิมเหมือนบางร้าน … ทีแรกผมก็สงสัยว่าให้ชิมแบบนี้เฉพาะคณะของพวกเราที่ดูแลโดย ททท. ไหม แต่สังเกตการณ์อยู่นานก็พบว่าเขาให้ลูกค้าทุกคนชิมได้เต็มที่ครับ … เฉพาะที่ชิมนั้นผมลองทั้งไส้เผือก (ไส้ดังดั้งเดิม) ไส้ทุเรียน และไส้ชาเขียว อร่อยทุกไส้เลย ก็เลยซื้อติดไม้ติดมือมาเป็นของฝากเพียบ … แอบ comment กับคุณพี่เจ้าของไปหน่อยว่านี่ถ้าปรับรูปลักษณ์ของ packaging สักหน่อย จำหน่ายเป็นสินค้า premium ได้เลยจริงๆ เพราะรสชาตินั้น 3 ผ่านเลย








อันที่จริงอาหารก็ยังย่อยได้แค่นิดเดียว แต่เราหามุขอื่นถ่วงเวลาไม่ได้แล้ว จึงต้องจำนนให้กับโปรแกรมมื้อเที่ยงซึ่งเรามาทานกันที่ “ร้านสีฟ้า” อีกหนึ่งร้านดังที่เสิร์ฟเมนูหลายหลากมาก ทั้งอาหารพื้นเมือง อาหารสุขภาพ … หลายเมนูดังถูกสั่งมาให้ลิ้มลองเต็มโต๊ะ อันที่จริงรสชาติอาหารอร่อยเลยทีเดียว แต่เนื่องจากยังอิ่มมากจากมื้อเช้าและมื้อสาย ก็เลยได้แค่เพียงชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อยเท่านั้น เกรงใจทางร้านก็เกรงใจกลัวเขาคิดว่าไม่ถูกปาก แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้อาหารมันล้นมาถึงคอแว้วววว



ยังครับ ยังไม่หมด … เพื่อให้สมกับสโลแกนของจังหวัด “ตรัง – ยุทธจักรความอร่อย” โปรแกรมปิดท้ายจึงเป็นการเยี่ยมชมโรงงานผลิตเค้กตรังอันเลื่องชื่อ ร้านนี้ชื่อ “ร้านเค้กกนิษฐา” ซึ่งเป็นร้านขายของฝากริมทางหลวง ในร้านเต็มไปด้วยของฝากจำพวกขนมมากมาย ที่จอดรถสะดวก ห้องน้ำเพียบ เรียกได้ว่าเป็นร้านสำหรับซื้อของฝากจริง ๆ … ทางร้านได้ให้โอกาสเราเข้าไปชมกระบวนการผลิตขนมดัง ๆ หลายอย่างรวมถึงเค้กตรังที่ของแท้ต้องมีรูตรงกลาง พร้อมกันนี้ทางเจ้าของร้านก็ได้บอกเคล็ดลับของขนมอร่อยที่เกิดจากการคัดสรรวัตถุดิบซึ่งใหม่สดและมีคุณภาพ และเพื่อพิสูจน์ความอร่อยเราจึงต้องทานขนมเค้กปิดท้ายกัน (แม้จะอิ่มแสนอ่ิม).. ต้องยอมรับว่าเค้กตรังที่ปกติก็อร่อยอยู่แล้วนั้น อร่อยขึ้นอีกโขเมื่อได้ทานชิ้นที่เพิ่งออกมาจากเตาร้อน ๆ … มั่นนุ่มมาาาากเลย




