เที่ยว ตรัง ตระเวนกินในตัวเมืองตรัง ไปเที่ยวเกาะแบบ Private นอน บีบีตรัง และเกาะมุกด์ เดอะ ธารา บีช

สวัสดีค่ะ กระทู้แรกในชีวิต เราเป็นคนชอบเที่ยวและชอบหาข้อมูลท่องเที่ยวในพันทิปค่ะ วันนี้มีโอกาสที่จะได้มารีวิวให้เพื่อนๆในพันทิปไว้เป็นแนวทางที่จะไปเที่ยวแบบเราค่ะ ผิดพลาด ขาดตกบกพร่องประการใด แนะนำมาได้นะคะ

หลังจากที่เพื่อนชวนซื้อตั๋วไปเที่ยวตรังตั้งแต่ต้นปี 2558 ก็ใจง่ายตอบตกลงจองไปอย่าง งงๆ มาถึงวันที่จะเดินทาง เพื่อนร่วมทริปที่ชวนไปยกเลิกไม่ไปซะงั้น ทริปนี้เราจึงไปกัน 2 คนแบบไม่ได้ตั้งใจ เราจึงมักได้อะไรที่เป็นส่วนตัวสุดๆ เริ่มออกเดินทางด้วยสายการบิน แอร์เอเชียวันออกเดินทาง 28 พ.ย. 2558  – 2 ธ.ค 2558
ถึงสนามบินตรัง เวลา 9โมง เข้าเมืองด้วยรถตู้ มีท่ารถอยู่ที่สนามบินเลยค่ะคิดค่าบริการคนละ 90 บาท อยากลงที่ไหนในตัวเมืองตรังแจ้งกับท่ารถได้เลยค่ะ เราตกลงไปกันที่ร้านอาหารเลตรัง 2 เป็นร้านขึ้นชื่อในจังหวัดตรังเลยค่ะ ขอบอกว่าเรา 2 คนสายกินสุดๆค่ะ สั่งมาเยอะมาก ของขึ้นชื่อที่ทุกคนไปต้องสั่งคือ หอยจ๊อปู เนื้อปูเป้งๆ อย่างอื่นที่สั่งก็มีหมูย่างเมืองตรัง แฮกึ๊น ชอบเมนูนี้มาก แบบ เห้ย อร่อยเกิ๊นนน  ก๋วยเตี๋ยวหลอด ขนมจีบ ฮะเก๋า บักกุดเต๋ โจ๊ก  มื้อนี้หมดไปเกือบ 800 ได้นะ กินเสร็จ มองหน้ากัน นี่แค่มื้อเช้าของเรา 2 คนป่าว แต่ไม่เป็นไร ควบ 2 มื้อ หยวนๆล่ะกัน


ต่อมาเราก็เข้าที่พักกันเลยจ้า เจ้าของร้านเลตรังน่ารักมาก บริการเรียกรถท้องถิ่น ของจ.ตรังให้ เป็นจุดเริ่มต้นให้เจอลุงโป่ง คุณลุงที่ดูแลเราตลอดทั้งทริป สนใจติดต่อคุณลุงได้เลย เบอร์คุณลุงโป่ง 089-4758574  เริ่มต้นนั่งรถหัวกบของลุงโป่งไปส่งที่โรงแรม บีบีตรัง ราคาค่ารถคนละ 60 บาท โรงแรมสะอาดดีนะคะ มี wifi เครื่องอำนวยความสะดวกพร้อม ราคาสำหรับเตียงเดี่ยว คืนละ 700 บาท แต่อยู่ไกลจากย่านชุมชนไปนิดนึง ทำให้เวลาเดินทางเข้าตลาด เข้าไปในโซนของกินลำบากสำหรับคนที่ไม่มีรถไป หรือไม่ได้เช่ารถค่ะ

วันแรกตั้งใจจะเก็บเที่ยวบนฝั่งให้ครบ เรา 2 คนก็รีบหารถเพื่อไปเที่ยวใน จ.ตรังกันเลยค่ะ ดูจากหลายๆทางแล้ว ลุงโป่งเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเรา 2 คนต้องการคนพื้นที่ เวลาไปเที่ยว จะได้มีคนแนะนำเรื่องของกิน ที่เที่ยว ที่ไม่ควรพลาด และที่สำคัญไม่อยากขับรถเอง โทรหาลุงโป่งต่อรองราคากันที่ 1500 บาท มาคิดๆดูก็แพงเหมือนกันนะ แต่ถูกกว่าเจ้าอื่นที่เราเช็คราคามา คุณลุงโป่งพาเราไปถ้ำเลเขากอบ สะพานยอดไม้ เมืองกันตรัง เริ่มเลยค่ะ

ที่แรกที่ไปถ้ำเลเขากอบ ว่ากันว่าที่นี่ต้องไปให้ได้นะ ต้องไปลอดท้องมังกร จับหัวใจมังกร  มันตื่นเต้น เร้าใจสุดๆ โอเคค่ะไป ค่าเรือลำละ 300 บาท นั่งได้ 5 คน แต่เราทริปprivate ไง 2 คนก็ยอม เป็นความโชคดีของเราหรือเปล่านะ ลุงพายเรือบอกว่า ถ้ำเพิ่งเปิดได้แค่ 2 วันเองนะ ก่อนหน้านี้ฝนตก น้ำขึ้นลอดถ้ำไม่ได้เลย แต่ แต่ แต่ !!!! ลุงต้องดูก่อนนะว่าลำเราจะรอดได้ไหม เพราะคนบนเรือน้อย อาจจะรอดถ้ำไม่ได้ น้ำหนักหนักไม่มากพอ แต่ถ้ารอดได้ก็โอเคเลย เริ่มต้นก็ปกติเรื่อยๆค่ะ ทางกว้างขวาง ลอดได้สบายๆ พาไปถ้ำนู้น เดินไปถ้ำนี้ จนมาถึงจุดพีคของทริปนี้เลยแหละ มันระทึกใจจริงๆนะ ช่วงลอดท้องมังกรนี่เสียวมาก แขม่วพุง เกร็งตัวจนตะคริวแทบขึ้น ตื่นเต้นสุดๆ เห็นปลายแสงที่ปลายถ้ำแบบรำไร เรือก็เกิดติดซะงั้น เอาล่ะซิ ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็เชื่อนะว่าคุณลุงจะพาเราออกไปได้ พยายามดันเรือกันประมาณ 40 นาที คิดดูว่าอยู่ตรงนั้นเกือบชั่วโมง คุณลุงคุมเรือลำอื่นต้องมาช่วยกันดันออก เอ้า ช่วยกันนับ 123 ฮึบ 123 ฮึบ ก็ยังไม่ผ่าน สุดท้ายต้องแลกมาด้วยแผลที่หัวเข่าที่ถากไปกับผนังถ้ำด้านบน จังหวะนั้นคิดว่าขาหักแน่ๆล่ะ เพราะขาติดกะผนังถ้ำ เจ็บมากจนน้ำตาไหลเลยแหละ นี่คือประสบการณ์การเริ่มทริปตรังใช่ไหม พรุ่งนี้ยังจะเที่ยวได้อีกไหม หรือจะได้ไปโรงพยาบาลแทน  วินาทีที่หลุดออกมาได้นี่โล่งใจสุดๆ แฟนกับคนเรือช่วยกันปลอบกันใหญ่ คุณลุงบอกว่า เราได้ก้าวผ่านอุปสรรคมาได้ ต่อไปนี้อุปสรรคใหญ่แค่ไหนเราก็จะผ่านไปได้นะ โอเคค่ะ เราผ่านมาได้ 



ที่ต่อไปที่ไปคือ สะพานยอดไม้ ไม่เก็บค่าเข้า แล้วแต่ว่าเราจะหยอดเงินบำรุงเท่าไหร่ ระยะทางเดินไปถึงสะพานยอดไม้ 1กิโลเมตรจ้า มีให้เลือกว่าจะเดิน หรือเช่าจักรยาน 50 บาท จังหวะนี้ขอปั่นจักยานเข้าไปล่ะกันนะ แรงหมดตั้งแต่เอาตัวออกมาจากถ้ำล่ะ เอาจริงนะประวัติอะไรก็ไม่รู้หรอก แต่ไหนๆมาแล้วก็แวะมาถ่ายรูปซักหน่อย 

เราไปกันต่อที่เมืองกันตังเลยค่ะ  สถานีรถไฟกันตัง คนส่วนมากที่มาที่นี้ มักจะมาถ่ายรูปกับสถานีรถไฟ ด้วยสีและการออกแบบของสถานีรถไฟ ที่ทำให้ต้องมาถ่ายรูปกับที่นี่ซักครั้ง

ที่สถานีมีร้านกาแฟ “ LOVE STATION ” เมนูมะม่วงเบาปั่นสุดยอดมาก แนะนำถ้าใครมาให้ลองสั่งมาชิมดูแล้วจะติดใจ 

ลุงโป่งบอกว่า มากันตังต้องมาชิมราดหน้าร้าน “ล่อคุ้ง” นะ เรา 2 คน ต้องไปซิคะ สายกินไม่พลาด อะไรว่าอร่อย ว่าเด็ด ต้องลอง ร้านล่อคุ้งเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ข้าวต้ม อะไรประมาณนี้แหละค่ะ เมนูทีเด็ดของร้าน ชื่อราดหน้าซุปเปอร์ หัวละ 120 บาท จะสั่งเป็นจานใหญ่กินรวมกัน หรือ แยกจานกินคนเดียวก็ได้ค่ะ สั่งซิคะ รออะไร หน้าตาน่ารับประทานมาก เครื่องแน่น ยกกันมาทั้งทะเลเลยจ้า รสชาด สด อร่อยจริงค่ะ ฟินสุดๆ


กลับไปเที่ยวในเมืองตรังกันค่ะ ฟ้าฝนไม่เป็นใจซะงั้น ตั้งใจจะมาเดินเล่นในเมือง แต่ฝนตก เลยกลับห้องไปพักผ่อน จบทริปวันแรก
ส่งท้ายคืนนี้ด้วยวงเวียนหอนาฬิกายามค่ำคืนค่ะ
วันที่ 2 ใน จ.ตรัง เกิดเหตุผิดพลาดนิดหน่อย ก่อนมาตั้งใจว่าวันนี้จะไปเกาะรอก แต่วันที่จะไปไม่มีใครจองไปเกาะรอกซักทัวร์ เลยไม่มีทัวร์ไหนออกไปเกาะรอกเลย เห้ย ทำไงล่ะ!!!  มาตรังไม่ได้ไปเกาะรอก มันไม่ใช่อ่ะ ต้องหาทางไปให้ได้ดิ ติดต่อจะเหมา speed boat ไปเลยจ่ะ ไหนๆก็เป็นทริป private แล้วหนิ โทรไปจะเหมาเรือ รู้ราคาเท่านั้นแหละ กลับมานอนคอตกอยู่ที่ห้อง ราคาเกือบหมื่น โอยยยยยยย เศร้า เสียดาย นี่เราจะพลาดทริปเกาะรอกจริงๆใช่ไหม แต่คนอย่างเราไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เด๋วจะบอกในช่วงต่อไปว่าทำยังไงถึงได้ไปเที่ยวเกาะรอกนะคะ  ไหนๆวันนี้ไม่ได้ไปไหนล่ะ ก็นอนตื่นสายซะเลย ตื่นมาก็เกือบเที่ยงล่ะ ความตั้งใจว่าจะไปกินติ่มซำร้านเรือนไทย ที่โด่งดังอีกร้านนึงใน จ.ตรัง แต่ตื่นไม่ทัน ร้านปิดซะก่อน วันนี้ตั้งใจจะไปเช่ามอเตอร์ไซต์ขับเที่ยวใน อ.เมืองตรัง เดินออกจากโรงแรมบีบีตรังหันหลังให้โรงแรมเดิน เลี้ยวไปทางขวา เจอ 3 แยก เลี้ยวซ้าย เจอวินมอเตอร์ไซต์ โบกเลยจ้า ให้วินไปส่งที่สถานีรถไฟ เสียค่าวินคนละ 30 บาท เช่ามอเตอไซต์วันละ 250 บาท สำหรับเกียร์ออโต้ 200 บาทสำหรับเกียร์ธรรมดาค่ะ ตอนคืนรถเติมน้ำมันให้เต็มถัง ใช้แค่บัตรประชาชนตัวจริงให้กับที่เช่าได้เลยค่ะ ได้รถแล้วเราก็มาลุยของกินในอ.เมืองตรังกันเลยค่ะ

ร้านแรก หมูย่างเมืองตรัง เป็นร้านที่เปิดถึงบ่ายเลยแหละ ตื่นสายแบบเรา ก็มีร้านนี้แหละที่เปิด มื้อนี้เรา 2 คนสั่ง หมูย่างเมืองตรัง ขนมจีนน้ำยาปู ข้าวมันไก่ และติ่มซำอีกเล็กน้อย โดยส่วนตัวเรา หมูย่างเมืองตรังร้านนี้ เข้มข้นกว่าร้าน เลตรังนะ แต่ติ่มซำร้านเลตรังชนะเริศ แต่ก้เทียบกับราคาก้สมเหตุสมผล ที่ร้านเลตรัง เข่งละ 20-25 บาท ที่ร้านหมูย่างเมืองตรัง เข่งละ 15 บาทร้านนี้หมดไป 300 กว่าบาท อิ่มกันในราคาเบาๆ

ร้านที่ 2 มานั่งกินกาแฟกันที่ร้านโกปี๊ อยู่ตรงสถานีรถไฟตรังเลยค่ะ แหม ไม่มีการเตรียมพร้อมเลย ขับรถวนไปวนมาสนุกเลยแหะ ท้าแดดกันสุดๆ สั่งกาแฟฉ่ำเย็น กับ ชาเย็นฉ่ำเย็น กับหมั่นโถฟักทอง 1 ลูก มื้อนี้หมดไป 70 กว่าบาท แค่ 2 ร้านก้เริ่มแน่นแล้วซิ

ร้านที่ 3 ร้านขนมห้ามพลาด “ขนมเปี๊ยะซอย 9”  ย้อนกลับมาทางร้านหมูย่างเมืองตรังนั่นแหละ เลยมาอีก 2 ซอย โมโหตัวเอง ทำไมไม่แวะที่นี่ก่อนน้อ เอาหน่ะ คิดซะว่าขี่รถเล่น  เป็นร้านที่ชิมไม่อั้น ชิมกันทีเป็นลูกๆ เอาเข้าปากคำแรก หื้มมมมมม ออกจากเตาใหม่ๆนี่มันสุโค้ยมากอ่ะ แป้งนี่บางสุดๆ ใส้เผือกนี่เนียนมาก พร้อมกับจิบชาร้อน เข้ากันดี๊ดี ต่อด้วยกระหรี่ปั๊ปหมูแดง นี่ก็อร่อยสมคำล่ำลือ ขนมเปี๊ยะมีหลายใส้ค่ะ แต่วันที่ไปได้ชิมแค่ใส้เผือก เค้าว่ากันว่า ร้านนี้ใครสนใจสั่งซื้อกลับบ้าน ต้องสั่งไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ถ้ามาซื้อเลยอาจจะผิดหวังคอตกกลับบ้านมือเปล่ากันเลยนะ เรา 2 คนไม่พลาดอีกตามเคย เดี๋วจะหาว่ามาไม่ถึง สั่งกลับบ้าน 8 กล่อง ใน 1 กล่องผสมระหว่างใส้เผือกกับใส้มันหอม ตกกล่องละ 110 บาท สบายใจล่ะ ได้ขนมกลับบ้านชัวร์ วันก่อนกลับกรุงเทพค่อยกลับมาเอา

แวะถ่ายรูปกับภาพวาดบนกำแพงในเมืองตรังซะหน่อย

มาต่อกันอีกร้านเลยค่ะ เค้กเบญจมิตร ลืมถ่ายรูปไว้ซะงั้น เป็นขนมประมาณชิฟฟ่อนนั่นแหละ มี 2 รส ใส้แยมส้มกับใส้ครีม กล่องละ 65 บาท จัดมา 1 กล่อง มานอนกินที่โรงแรม สบายใจไปอีก สำหรับรสชาดโอเคในระดับนึงเลยนะ แป้งนุ่มสอดใส้ครีมพอประมาณ  พิกัดร้านอยู่ก่อนทางเลี้ยวเข้าโรงแรม บีบีตรังเลยค่ะ  กินอิ่มแน่นเกินไปล่ะ ขอกลับไปนอนตีพุง เย็นนี้มาลุยกันต่อค่ะ                
กินอิ่ม นอนหลับ สบายจริงๆ ตื่นมาพร้อมกับฝนที่ตกหนักมาก  นอนรอเวลาฝนหยุดแล้วเราจะออกมาหาของกินกันต่อ  มาต่อกันที่ร้านเย็นตาโฟโกยวด เป็นร้านที่เครื่องเย็นตาโฟแน่นมาก มีกุ้งทอดใส่ให้ด้วย ว่าแล้วก็สั่งเกาเหลาโฟแห้ง เสริฟพร้อมกับ น้ำซุปกระดูกหมู และบะหมี่เย็นตาโฟ ชามใหญ่มาก แต่แฟนเราก็ขอเบิ้ล ก๊วยจั๊บอีก 1 ชาม โอเคค่ะ เต็มที่ไปเลย กลับกรุงเทพค่อยลดน้ำหนักกันใหม่ พิกัดร้านอยู่ตรงวงเวียนนาฬิกา ไฟสว่างมาก หาไม่ยากค่ะ

ของคาวเสร็จแล้ว ก็ต้องต่อด้วยของหวาน มาภาคใต้ ก็ต้องไม่พลาด โรตี ขี่รถไปที่สถานีรถไฟกันเลยค่ะ วันเสาร์อาทิตย์ มีถนนคนเดิน กะว่าจะไปหาโรตีร้านอร่อยกิน แต่ก้ไม่มีให้เราสมใจอยากเลย ฝนก้เริ่มตกปรอยๆ ด้วยความโชคดี มีเพื่อนอยู่จังหวัดตรัง อยากกินอะไร ไปไหน โทรถามได้ตลอด เพื่อนเลยแนะนำให้ไปกินร้านกาแฟบังแจ้ ออกจากสถานีรถไฟ เจอสี่แยกไฟแดงแรก เลี้ยวขวา ขี่ไปสักพัก ร้านอยู่ขวามือ มีโต๊ะกางเยอะๆ แต่วันนั้นฝนตกคนเลยไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ร้านนี้ขายโรตีหลายแบบมาก โรตีตบ โรตีกรอบ มะตะบะ ใส้เยอะแยะไปหมด และก็มีน้ำต่างๆ ติ่มซำก็มีนะคะ แต่เรากินกันไม่ไหวแล้ว เลยได้สั่งแค่โรตีกรอบ กับ ชาเย็น 1 แก้ว สั่งแค่นี้แต่นั่งเล่น wifi ที่ร้านเป็นชั่วโมง เพราะฝนตกลงมาหนักมาก แต่ก็ไม่เบื่อนะ แค่นั่งมองคนขายทำโรตีก็เพลินแล้ว ขนาดฝนตก ยังมีออเดอร์เรื่อยๆ ทำกันไม่หยุดเลยค่ะ แนะนำว่ามาแล้วลองมาชิมกันนะคะ 

กินอิ่มแล้วก็กลับมาเตรียมตัวเก็บของพักผ่อน พรุ่งนี้จะไปเป็นเด็กเกาะกัน

วันที่ 3 ใน จ.ตรัง 
วันนี้เริ่มต้นกันเช้านิดนึงค่ะ เพราะเราจะไปเกาะรอก เกาะกระดาน ถ้ำมรกต  และจะไปนอนที่เกาะมุก 1 คืน  ทริปเกาะนี้เราวางโปรแกรมกันเองนะคะ จริงๆแล้วถ้าไปกับทัวร์ จะต้องเป็นทัวร์เกาะรอก 1 วัน และทัวร์ 4 เกาะ (เกาะกระดาน เกาะมุก เกาะเชือก เกาะม้า ) อีก 1 วัน แต่ไปครั้งนี้ไม่มีทัวร์ไหนออกเกาะรอกเลยค่ะ เลยปรึกษากับพี่เจ้าของที่พักว่าสามารถเหมาเรือไปเกาะรอก พร้อมกับเกาะกระดาน และถ้ำมรกตได้ไหม พี่นายเจ้าของรีสอร์ท บริการหาเรือให้ และจัดให้เราทุกอย่างตามคำขอ อยากไปไหน ไปได้หมด ถามอะไรตอบได้หมด พูดจาดี และเป็นกันเองมากค่ะ รู้สึกประทับใจตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าที่พักเลยค่ะ  ตกลงกันที่ราคา 4500 บาท เป็นเรือหางยาว บริการมารับที่ท่าเรือควนตุ้งกู นัดกับเรือไว้เวลา 08.00 น. จากในเมืองใช้เวลา 45 นาทีไปถึงท่าเรือควนตุ้งกู ได้เวลาใช้บริการลุงโป่งอีกแล้วค่ะ ลุงโป่งเป็นคุณลุงที่น่ารักอีกเช่นกัน ตรงเวลามาก ถามอะไรก็ตอบได้หมด นัดกับลุงโป่ง 06.30 นัดรับที่โรงแรม เรือที่เหมาไม่มีอาหารให้ค่ะ ลุงโป่งเลยพาแวะซื้อข้าวกับขนมเพื่อเอาไปกินมื้อเที่ยงบนเกาะ ไปเที่ยวเกาะรอกกันเลยค่ะ นั่งเรือจากท่าเรือควนตุ้งกูมาถึงเกาะรอกใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ  ถ่ายรูปบ้าง กินขนมบ้าง งีบบ้าง ก็มาถึงจุดดำน้ำจุดแรกกันเลยค่ะ ลืมตาขึ้นมานี่ตะลึงกับความใสของน้ำมาก  ไม่รอช้าจัดการใส่ชูชีพ หยิบสนอคเกิล และที่สำคัญของเล่นใหม่ของทริปนี้ กล้อง gopro แล้วโดดลงน้ำกันเลยค่ะ



จุดดำน้ำจุดที่ 2 อยู่ไม่ไกลจากจุดแรกมากค่ะ 

หลังจากดำน้ำ 2 จุดแรกเสร็จ ก็มาพักกินข้าวที่หาดของเกาะรอก ขอบอกว่าทรายเนียน เหมือนเหยียบแป้งเลย หาดทรายสะอาด น้ำสวย อากาศดี เนื่องจากที่หาดนี้ไม่ค่อยมีใครมาเที่ยวเยอะเพราะค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลาเดินทางนาน และไม่ใช่วันหยุดยาว คนเลยไม่พลุกพล่าน ส่วนมากจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาจากเกาะลันตา เล่นน้ำถ่ายรูปกันเพลินไปเลยค่ะ ชอบมากๆมาเที่ยวแบบคนไม่เยอะ ไม่ต้องแย่งมุมถ่ายรูปกับใคร  


มื้อเที่ยงที่อร่อยและประทับใจที่สุดเลยแหละ อาหารไม่ได้เริศหรูอะไร แต่ได้นั่งกินกับคนที่เรารัก ลมทะเลเย็นๆ นั่งมองท้องฟ้ากับน้ำทะเลใสๆ อยากจะหยุดเวลาตรงนี้ไว้นานๆ เลยล่ะ

มีเพื่อนมาต้อนรับเราด้วยค่ะ

เรายังอยู่กันที่เกาะรอกค่ะ แวะดำน้ำอีก 1 จุด ก่อนกลับไปเกาะกระดาน

มาต่อกันที่เกาะกระดานกันเลยค่ะ สวยไม่แพ้กับเกาะรอกเลยค่ะ  เกาะกระดานเป็นจุดดำน้ำตื้น ตื้นจริงๆค่ะ เพราะสามารถดำน้ำจากหาดได้เลยโดยไม่ต้องนั่งเรือออกไป  จุดดำน้ำบริเวณนี้มีปลาหลายชนิดเลยค่ะ ใช้เวลาชิวๆที่นี่พอสมควร จนถึงเวลาที่เราจะไปต่อกันที่ถ้ำมรกตกันค่ะ

ฟ้าฝนเริ่มไม่เป็นใจซะแล้วซิ อย่าตกเลยน๊า ถ้ำมรกตไม่มีแสง เค้าจะเห็นมรกตได้ยังไง UNSEEN THAILAND เลยนะ  แต่ไหนๆมาแล้วฝนตกเราก็จะไม่ถอย อารมณ์เหมือนปิดถ้ำเที่ยวกันเลยเชียว ในถ้ำที่มีแค่เรา 3 คน พี่คนเรือ เรากับแฟน ระหว่างที่เข้าถ้ำ บรรยากาศ เสียง และลม ไม่ต่างจากอยู่ในบ้านผีสิงที่เคยไปในสวนสนุกเลย วังเวงและมืดมาก เสียงคลื่นและลมที่กระทบกับถ้ำ ดังกังวาน แอบกลัวอยู่ในใจ อยากให้ไปถึงปากถ้ำข้างในเร็วๆ  มาถึงปากถ้ำ ความกลัวก้หายไปทันที ความสวยท่ามกลางฝนตก มันก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบนะ แต่ถ้ามีแดด คงจะสวยมากๆ พี่คนเรือบอกว่าปกติวันนึงจะมีคนมาเที่ยวถ้ำเยอะมาก ถ่ายรูปก็จะเห็นแต่คน แต่เวลานี้ทัวร์กลับฝั่งกันหมดแล้ว เราเลยได้เข้าถ้ำแบบที่ส่วนตัวสุดๆ อารมณ์ตอนนี้มันเกินจะบรรยายจริงๆค่ะ ประทับใจกับธรรมชาติที่นี่ เราวิ่งเล่นท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาไม่กลัวฟ้ากันเลยทีเดียว ชีวิตที่ได้ปลดปล่อยจากการที่นั่งทำงานหน้าคอม มาสัมผัสกับธรรมชาติที่ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการเร่งรีบ มันคือการพักผ่อนที่แท้จริงเลยค่ะ ถ้ามาเที่ยวกับทัวร์คงไม่มีบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้  ถ้าเพื่อนๆมาแนะนำว่า 4 คนกำลังโอเคกับการเหมาเรือเที่ยวแล้ววางโปรแกรมเที่ยวเองเลยค่ะ   


ได้เวลากลับไปที่พักกันแล้ว ที่พักของเราอยู่ที่เกาะมุกนี่แหละค่ะ ออกมาจากถ้ำมรกต ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็มาถึงที่พักแล้วค่ะ ที่พักนี้ไม่ค่อยมีรีวิวมากเท่าไหร่ แต่ที่ดูใน facebook ของที่พัก ก็รู้สึกชอบในบรรยากาศ และชอบความเป็นกันเองของเจ้าของค่ะ ราคาที่จองตอนนั้นเป็นโปรโมชั่นลด 20 % ราคาที่จ่ายไป 2720 บาท ได้ห้องที่เห็นวิวทะเลเฉียงๆ เสียดาย จองช้าไป ห้องที่เห็นวิวทะเลแบบเต็มๆ มีคนจองหมดล่ะ แต่เด๋ว!!!! ทริปนี้มันต้องมีเรื่องดีดีบ้างดิ คนที่จองห้องริมทะเลโทรมาเลื่อนวัน เห้ยยยยยย งั้นห้องวิวทะเลว่าง เราก็ขออัพเกรดได้ดิ จังหวะนั้นให้เสียเงินเพิ่มก็ยอมอ่ะ แต่ด้วยความใจดีของเจ้าของ ฟรีอัพเกรดให้คร๊า ดีใจสุดๆ อัธยาศัยดี ยังใจดีอีกด้วย ประทับใจ ยิ่งมาเห็นที่พัก เห็นวิวยิ่งประทับใจ 

หลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการดำน้ำมาทั้งวัน เห็นเตียงแล้วอยากทิ้งตัวลงนอนมาก เตียงนี่นุ่มนอนสบาย ไม่อยากจะลุกไปไหนเลย ที่ชอบอีกอย่างคือแอร์เสียงเงียบมาก และที่ชอบที่สุดคือวิวของห้องพักนั่นเอง นอกระเบียงมีที่นั่งให้เอนรับลมทะเล กับอ่างเล็กๆให้แช่ แต่เสียดายจังที่ไม่มีแรงที่จะมานอนแช่ซะงั้น ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสมาเกาะมุก จะมาพักที่นี่อีกแน่นอน ให้คะแนนที่พัก 9/10 เลย อีก 1 คะแนนขอหักไว้สำหรับ น้ำอาบน้ำเบาไปหน่อย


ได้เวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ จริงๆในที่พักมีอาหารบริการนะ แต่เรา 2 คนอยากไปลองกินร้านอื่น เพราะเด๋วมื้อเช้าเราก็จะได้กินของที่พัก ร้านนี้ได้รับคำแนะนำจากคนเรือที่พาเราไปดำน้ำค่ะ แต่ขอโทษจริงๆ กลับมาลืมชื่อร้านซะงั้น กับข้าวรสชาดโอเคเลยค่ะ และราคาไม่แพงมาก ตอนที่ไปเห็นแต่ฝรั่งมาทานค่ะ เราเป็นคนไทย 2 คนที่มาทาน  เมนูที่สั่งก็มี ปลาอินทรีฉู่ฉี่ แกงส้มปลา แกงส้มที่นี่ใส่สับปะรดด้วย แปลกๆดี แต่ก็อร่อยนะ  ไข่เจียว ขนมปังหน้ากุ้ง ส้มตำไทย ข้าวผัดกุ้ง ตบท้ายของหวานด้วย เมนูโรตีค่ะ ร้านนี้แนะนำว่า ให้สั่งอาหารทีเดียวเลยค่ะ เพราะทำช้าพอควร มาสั่งเพิ่มทีหลังอาจจะขาดตอนได้

ค่าเสียหายของมื้อนี้ 560 บาท เห็นราคาแล้วตกใจ ถูกกว่าที่คิดไว้

กลับมานอนซุกตัวใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความสุข ส่งท้ายคืนนี้ด้วยบรรยากาศของที่พักเวลากลางคืนค่ะ



วันที่ 4 ใน จ.ตรัง วันสุดท้ายแล้วซิ

 ตื่นเช้าขึ้นมาตานี่ลุกวาว ตื่นเต้นกับวิวทะเล กับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า อยากจะอยู่ซึมซับกับบรรยากาศแบบนี้นานๆ แต่เวลเรามีน้อยนิด ลงไปทานข้าวเช้ากันดีกว่าค่ะ

มีเมนูให้เราเลือกสั่งค่ะ สั่งกี่อย่างก็ได้ค่ะ เอาที่เราสบายใจเลยค่ะ สะใจสายกินอย่างเรามาก จานใหญ่มาก รสชาติผ่านค่ะ ที่นี่มีแต่เรื่องที่ทำให้ประทับใจเนอะ แนะนำให้เพื่อนๆลองมาพักเลยค่ะ 

ขากลับเราเหมาเรือส่วนตัวกันอีกแล้วค่ะ ทริปของการเหมา ค่าเหมา 600 บาท นัดเวลาที่เราอยากกลับได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากประหยัด มีเรือโดยสาร วันละ 1 รอบ ขากลับมาท่าเรือควนตุ้งกู เวลา 08.00 ค่าเรือไม่แน่ใจเหมือนกันน่าจะประมาณ คนละ 50 บาทได้นะ พูดเลยค่ะ อยากซึมซับที่ที่พักนานๆ เลยขอออกสายๆดีกว่า 

ถึงเวลาต้องล่ำลา บ๊ายบายนะเกาะมุก ไว้มีโอกาสจะกลับมาอีก ขอบคุณที่พักที่ให้คำปรึกษา และดูแล บริการเราทั้ง 2 คนเป็นอย่างดี ขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรา 2 คนมีความสุขกับทริปนี้ค่ะ

วันนี้เราใช้บริการลุงโป่งอีกเช่นเดิมค่ะ ลุงโป่งมารอรับเราที่ท่าเรือ เราให้ลุงโป่งมาส่งที่ท่ารถไฟในเมืองตรัง เพื่อเราจะเช่ามอไซต์ไปขับเล่นรอเวลาขึ้นเครื่องกลับ มาถึงเราก็ไปเอาขนมเป๊ะที่สั่งไว้ และต้องรบกวนเพื่อนคนเดิมให้แนะนำสถานที่ ที่ไปนั่งชิว เพื่อนแนะนำ ให้ไปร้านกาแฟโบว์ค่ะ ร้านนี้ตกแต่งเป็นเหมือนอู่ซ่อมรถ มีรถมอเตอร์ไซต์ให้ถ่ายรูปด้วยเยอะแยะเลยค่ะ ทางไปจากสถานีรถไฟ เราก็พึ่ง GPSเลยค่ะ ระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ

ได้เวลาเราก็กลับมาที่สถานีรถไฟ เวลายังเหลือ ไปไหนดีล่ะ อืมมมมม เรายังมีอีกร้านที่ยังไม่ได้เช็คอิน ไปซิคะ ร้านข้าวต้มพุ้ย เป็นร้านที่แนะนำในพันทิปเยอะมากเลยค่ะ ห่างสถานีรถไฟตรัง 1 แยกไฟแดงค่ะ จริงๆคือก็ยังไม่หิวเท่าไหร่แต่ไม่อยากพลาดร้านดังในเมืองตรัง เลยสั่งแค่ 3 เมนู เบาๆพอ (เบาแล้วหรอเนี่ย)

อ่อ ขอแนะนำเลยค่ะ มีร้านขายหมูย่างเมืองตรังอยู่ตรงข้ามกับร้านข้าวต้ม วางขายคู่กับข้าวแกง ไม่มีชื่อร้านค่ะ ลองเดินไปดู เห็นหน้าตาน่ารับประทาน เลยซื้อกลับมาฝากที่บ้าน กินแล้วอร่อย เข้มข้น มากค่ะ  
ได้เวลากลับแล้วค่ะ นัดลุงโป่งคนเดิม ให้ไปส่งที่สนามบิน  ลุงโป่งผู้บริการเราตลอดทริปนี้ยันวินาทีสุดท้าย  ตามใจผู้โดยสารอย่างเราสุดๆ ใครไปเรียกใช้บริการได้เลยค่ะ เวลาผ่านไปไวยิ่งนัก ถึงเวลาที่เราต้องกลับไปนั่งทำงานออฟฟิตแล้วซินะ เหมือนมาเติมพลังให้กลับไปทำงานหาเงินมาเที่ยวกันอีกต่อไปค่ะ