Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
ใครๆก็นึกถึงเมื่ออากาศหนาวมาเยือน จังหวัดเชียงใหม่ (Chiang Mai Province) จ.เชียงใหม่
    • Posts-1
    New •  March 13 , 2016

    วันแรกที่เชียงใหม่

    วันที่ 29/1/59

    ผมบินตรงจากหาดใหญ่-เชียงใหม่ ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4-5 แล้วสำหรับการมาเยือนที่นี่ แต่มันเป้นครั้งแรกที่ผม เลือกที่จะเขียนรีวิวที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ผมได้เดินทางไปกับเพื่อนอีกคน ที่เดินทางมาจากตรัง เป้นเพื่อนสมัยมัธยมครับ รู้จักกันมากก็มากกว่า 10 ปี ตั้งแต่จบไปก็ไม่ค่อยได้เจอกันหรอก ต่างคนต่างมีหน้าที่การงาน เวลาว่างก็ไม่ค่อยจะมีกันหรอกครับ ผมจึงคิดว่าไม่ได้การแล้ว เราต้องนัดเจอกันบ้างแล้วหล่ะ หาเวลาไปเที่ยวกันบ้างดีกว่า เมื่อก่อนเดินทางจากหาดใหญ่-เชียงใหม่ เวลา 13.00-15.00 น. มีเวลาให้ไปเช่ารถแต่เที่ยวในเมืองต่อได้เลย แต่ครั้งนี้ เที่ยวบินจากหาดใหญ่-เชียงใหม่ เวลา 15.40-17.40 น. ซึ่งตอนผมไปถึงเชียงใหม่ ฟ้ามึดพอดีเลย แต่ก็ได้เห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าบนเครืองบินนะครับ เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสนั่งใกล้หน้าต่าง ไม่งั้นได้แชะภาพมาฝากกันแล้ว

    เมื่อถึงเชียงใหม่สิ่งแรกที่ผมทำคือ การเช็คอินแล้วโทรหาเพื่อนที่เชียงใหม่ ให้มารับที่สนามบินครับ เพื่อนผมคนนี้ก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยมอีกเช่นกัน มาอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่จบมัธยมแล้วมาต่อมหาลัยที่นี่ สิ่งที่พลาดอีกอย่างของการเดินทางครั้งนี้คิอ เรื่องที่พักครับ ผมเลี่ยงการเที่ยวในต้นเดือนมกราและกลางเดือน มาเที่ยวปลายเดือนแทน แต่ใครจะไปคิดหล่ะครับว่าที่พักจะเต็มไปหมดเลย ที่พักถูกๆดีๆที่นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คจะไป ราคาก็ไม่ควรเกิน 1,000 บาท หรอกครับ ครั้งนี้ทัวร์จีนเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่เยอะ ผิดไปจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ผมมาเยือนที่นี่

    นั่งรออยู่พักใหญ่ เพื่อนผมมารับแล้วครับ สิ่งแรกที่เพื่อนถามคือ "พักที่ไหนกัน" ผมบอกไปว่ายังไม่ได้จองเลย เพื่อนบอกเวรแล้วไง ที่พักน่าจะเต็มแน่ๆ พวกเราช่วยกันโทรหาที่พักกัน โทรหาที่พักที่แรกๆ ที่เพื่อนแนะนำมาคือ B2 ราคาจะอยู่ที่ 560 บาท/คืน เพราะมีหลายที่มากในเชียงใหม่ แต่เต็มหมดเลยครับ สุดท้ายไปได้ที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ที่ราคา 1,500 บาท/คืนรวมอาหารเช้า มันจำเป็นแล้วครับสำหรับคืนนี้ ก็เลยต้องเอาแล้วหล่ะ ยังดีที่ไปกับเพื่อนอีกคนหารสองก็คนละ 750 บาทครับ

    ได้ที่พักกันแล้ว ครั้งนี้ก็ได้เวลาท่องเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนแล้วหล่ะสิ ผมบอกกับเพื่อนที่เชียงใหม่ว่า อยากไป warm up เพื่อนบอกไปได้ไง วันนี้ไม่พร้อมจริงๆ แท้จริงคือตอนที่ผมโทรหา มันกำลังจะไปฟิตเนสพอดี ชุดเพื่อนผมที่มารับผมก็เลยจัดเต็ม พร้อมจะออกกำลังกายมาก เราก็เลยคุยกันได้มาลงเอยที่ Maya ครับ เพื่อนบอกด้านบนจะมีร้านชิวบรรยากาศดีๆอยู่ แต่ก่อนอื่นเรามัวหาที่พักกันไม่ได้กินอะไรกันเลย ก็เดินข้ามถนนไปอีกฝากที่ Think Park, Nimmanhaemin ที่แห่งนี้ครั้งก่อนที่ผมมายังไม่มีเลย 2 ปีผ่านไปเปลี่ยนไปเยอะเลย Maya ก็เช่นกันครับ เราเดินหาร้านอาหารกัน ไปเจอร้านผัดไท ก็เลยจัดกันไปคนละจาน อาหารที่นี่แพงไม่แพ้หาดใหญ่เลยครับ อยู่ที่ 40-100 บาทครับ

    พวกเราหาอะไรรองท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาเดินให้อาหารย่อยกันแล้ว เราข้ามกลับมาที่ Maya เดินดูของเรื่อยเปื่อย จนสุดท้ายขึ้นไปชั้นดานฟ้าของที่นี่ Nimman Hill Maya ที่นี่มีร้านชิวให้ได้เลือกหลายร้านมากครับ คนก็เยอะเหมือนกัน เหมาะมากที่มาช่วงนี้ นั่งจิบเบียร์ชิวๆ ไม่ต้องไปนั่งร้านก็ได้นะ ถ้าอยากประหยัดก็แนะนำว่าซื้อเบียร์ขึ้นไป แล้วนั่งชิวตรงลานก็ได้ครับ ได้ฟิวไปอีกแบบนั่งดูเครื่องบินขึ้นลง อากาศเมื่อไปถึงเชียงใหม่ช่วงค่ำยังไม่หนาวเท่าไร แต่ตกดึกก็ลงถึง 19 องศากันเลยครับ ใครที่มาช่วงนี้ก็พกพาเสื้อหนาวมาด้วยนะครับ ด้วยความหิวผมเลยลืมเอากล้องออกมาจากที่พัก ก็เลยไม่มีรูปในวันแรกครับ
     

    • Posts-2
    New •  March 13 , 2016

    วันที่สองของทริปนี้

    30/1/59

    เวลา 07.00 น. ตื่นเช้ามารับอากาศหนาว และทำภารกิจอีกอย่างนึงคือ การโทรจองรถ นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่เกือบพลาดนะครับ เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนในทริปนี้เคยบอกแล้ว ให้ผมจองนะจองล่วงหน้าก็ดี จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องรถ ผมบอกไม่เป็นไรมีอยู่แล้วรถ ค่อยไปหาเอาก็ได้ ตรงนี้ผมแนะนำเลยนะครับ ถ้าเป็นไปได้ควรวางแผนให้ดีจองล่วงหน้าก็ดีนะครับ จริงอยู่ที่ร้านเช่ารถในเชียงใหม่มีเยอะแยะเลย แต่ใครจะไปรู้หล่ะครับวันดีคืนร้ายร้านเช่ารถไม่มีรถให้เช่าลำบากเลยนะครับ ผมโทรไปประมาณ 2 ร้านได้รถเลยครับ อาจจะเป็นโชคดีของผมและเพื่อน ผมตกลงเช่ารถ Altis 1.6 ราคา 1,500 บาท/วัน ราคานี้ถือว่าสูงนะครับ เพราะว่าถ้าจองล่วงหน้าจะได้ถูกกว่านี้ บวกกับตอนนั้นมันบังคับให้เอาแล้วหล่ะ อ่อผมลืมบอกไปว่าผมยังมีเพื่อนร่วมทริปอีก 3 คนที่จะตามมาสมทบในเวลา 09.20 น. นี่ผมต้องเตรียมตัวไปรับเพื่อนกลุ่มนี้แล้วสินะ

    08.00 น. ผมและเพื่อนที่มาจากหาดใหญ่ลงมากินอาหารเช้ากัน ที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ครับ เป็นแบบบุฟเฟ่ผมเลยจัดเต็มเลยสิครับ ไม่นานร้านเช่ารถก็โทรมาบอกว่ารออยู่ล็อบบี้โรงแรมแล้ว เค้าเอารถมาส่งแล้วครับ ก่อนจะรับกุญแจรถเค้าให้เราตรวจสอบดูร่องรอยของรถก่อนนะครับ แล้วเอาเงินประกันไว้ ของร้านนี้อยู่ที่ 3,000 บาทครับ ผมก็ตกใจว่าทำไมเอาเงินประกันแค่ 3,000 บาทเอง ประเด็นอยู่ที่เค้าลืมเอาเครื่องรูดบัตรมาครับ ก็ถือว่าโชคดีไปเอาเงินประกันไว้เท่านี้

    09.00 น. ได้เวลาเตรียมไปรับสมาชิคเพิ่มแล้วครับ สมาชิคอีก 3 คนมาถึงก็ไม่รอช้าครับ สถานที่แรกที่เราจะไปกันนั่นก็คือวัดพระธาตุดอยคำ-หลวงพ่อทันใจ แต่ก่อนจะไปวัดกัน สมาชิคยังไม่ได้กินอะไรกันเลย ผมเลยพาไปกินร้านที่ผมเคยมาเมื่อ 2 ปีก่อนร้านก๋วยเตี๊่ยวเป็ดชามใหญ่ เลียบคันคลองครับ จะอยู่เยื้องกับร้านอ๋องทิพย์รส ลูกชิ้นนมหนูครับ

    10.00 น. ได้เวลาเดินทางไปวัดพระธาตุดอยคำ-หลวงพ่อทันใจครับ จุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือ ผมพาเพื่อนหนึ่งในสมาชิคมาแก้บนครับ ผมมาที่นี่ครั้งแรกครับมาเชียงใหม่ก็หลายครั้งไม่เคยมา ก่อนจะเข้าไปวัดจะมีร้านขายพวงมาลัยดอกมะลิตลอดทางเลย คำแนะนำของการซื้อพวงมาลัยที่นี่คือ "อย่าซื้อพวงมาลัยปากซอยครับ ให้เข้าไปซื้อใกล้ถึงวัดครับ" ทำไมถึงบอกอย่างนี้ เพราะราคาปากซอยอยู่ที่ 6 บาทครับ ใกล้วัด 2 บาทเองครับ นี่ไงไปมาแล้วถึงได้เขียนรีวิวแนะนำกันก่อน เผื่อใครไปได้เป็นแนวทางครับ

    11.30 น. หลังจากที่เราไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็เดินทางกันต่อเป้าหมายต่อไปคือ วัดพระธาตุดอยสุเทพครับ เพราะในกลุ่มสมาชิก มีทั้งคนที่เคยมาแล้วยังไม่เคยมา ผมก็เลยอาสาพากันขึ้นไปบนดอยกันเลยครับ หลังจากที่เราถึงพระธาตุดอยสุเทพกันแล้ว ผมก็บอกเพื่อนว่าครั้งก่อนที่เรามา เราขึ้นไปที่ขุนช่างเคี่ยนด้วยนะ มีต้นนางพญาเสือโคร่งด้วยแหละ จะไปดูกันไหม เพื่อนบอกว่าแล้วแต่คนพาไปเลย ระยะทางจากพระธาตุดอยสุเทพ-ขุนช่างเคี่ยนประมาณ 10 กิโลกว่า แต่ถ้าคุณมารถมอเตอร์ไซต์ก็คงสนุกดีแหละครับ แต่ถ้ามารถยนต์แล้วผมไม่แนะนำครับ เพราะเส้นทางลำบากมาก รถวิ่งบนถนนเล็กๆที่ไม่มีไหล่ทาง ต้องรอจังหวะกันเอาเอง ซึ่งถ้ามากับรถกระบะก็สบายๆ รถยนต์ของเราขรูดไปหลายครั้งเลย เมื่อเรามาถึงลานกางเต็นท์ มีชายหนุ่มเข้ามาถามจะไปขุนช่างเคี่ยนหรือครับ จอดรถไว้ตรงลานนี้เลยนะครับ เพราะทางเข้าไปลำบากครับ รถยนต์เข้าไปไม่ได้ เรามีรถกระบะสองแถวบริการครับ 100 บาท/คน ผมถามเพื่อนๆเอาไง เพื่อนถามแกเคยไปมาแล้วมีเยอะไหม ผมบอกว่ามีไม่เยอะหรอก เพื่อนบอกงั้นค่อยไปดูที่อ่างขางก็ได้ เราใช้เวลาเข้าไปขุนช่างเคี่ยนชั่วโมงกว่ากันเลย กับระยะทางไม่กี่กิโล ขากลับมาแวะจุดชมวิวดอยปุย

    14.30 น.เราลงจากดอยเพื่อจะไปยังเป้าหมายต่อไปคือ ดอยอ่างขางระยะทางจากดอยสุเทพ-ดอยอ่างขาง 172 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมงกว่า

    19.00 น. เราเดินทางไปถึงดอยอ่างขางค่ำพอดีเลย หลังจากเราเอาของไปไว้ที่พักแล้ว เราพักกันที่ "อ่างขางบ้านสวนรีสอร์ท" ราคา 3,500 บาท นอนได้ 5 คนครับ หารกันก็ตกคนละ 700 บาทครับ เราก็มาหาอะไรกินกัน ที่ร้าน ถิง ถิง โภชนาครับ เมนูแนะนำเลยผัดฝักแม๊วครับหวานอร่อยมาก กับไส้อั้วยูนนาน เมนูอื่นก็จะออกหวานๆหน่อย คงเป็นร้านเดียวที่ดูดีสุดแล้วใครไปใครมา นอกเหนือจากร้านอาหารในศูนย์เกษตรอ่างขาง ก็เป็นร้านนี้แหละครับที่ต้องมาลองกันครับ หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็เดินย่อยอีกตามเคยจะมีถนนคนเดินที่ชาวดอยมาขายของกันครับ มีอีกร้านนึงนะครับที่จะแนะนำโรตีบังกับชาอินเดีย ที่ขายอยู่ตรงปากซอย ถ้าเรามาถึงอ่างขางจะผ่านสถานีอนามัย แล้วจะเข้าที่พักบังจะขายอยู่ปากซอยเลยครับ เราใช้เวลาในการเดินเลือกดูหมวกและถุงมือกันแล้วก็แชะภาพเป็นที่ระลึกกันหน่อยครับ อ้ออีกสิ่งที่สำคัญคือ เค้าจะงดใช้เสียงหลังจาก 21.00 น.เป็นต้นไปนะครับ
    • Posts-3
    New •  March 13 , 2016

    วันที่สามของทริปนี้

    31/1/59

    05.30 น.คือเวลานัดหมายของสมาชิก เพื่อจะมารับแสงเช้าของวันณ.จุดชมวิวดอยอ่างขาง จุดนั้นเป็นจุดกางเต็นท์ด้วยนะครับ อากาศเช้านี้ที่ศูนย์เกษตรแจ้งมาคือ 5.5 องศาเชียว

    07.30 น.เรารับแสงเช้ากันแล้วก็เริ่มหิว ก็เลยอุดหนุนโจ๊กของชาวดอย แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังแปลงสตรอเบอร์รี่ในศูนย์เกษตรดอยอ่างขางครับ จุดนี้เหมือนเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนที่นี่จะเข้ามาแชะภาพกันครับ ผมวางแผนไว้ว่าเดี๋ยวเราจะกลับไปเช็คเอ้า แล้วก็เข้าไปยังศูนย์เกษตรดอยอ่างขางกันครับ

    09.30 น. เราเข้าไปยังศูนย์เกษตรดอยอ่างขางค่าเข้า 50 บาท/คน รถยนต์ 50 บาท รวมเป็น 300 บาทครับ จุดแรกที่เราแวะกันเลยคือตรงป้ายอ่างชางแดนมหัศจรรย์ครับ จุดนี้คนแวะมาถ่ายรูปกันเยอะมาก ต่างจากครั้งก่อนที่ผมมาไม่มีคนเลย ครั้งนี้ไม่ได้แวะสวน 80 พรรษาครับ เพราะดูจากจำนวนคนที่แวะแล้วเยอะ เราเลยมาแวะตรงแปลงต้นบ๊วย จุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่ใครๆก็มักจะแวะมาถ่ายรูป ผมมาจุดนี้ก็ตามรอยละครเลยครับ ช่วงนี้มีละครเรื่องธรณีนี่นี้ใครครอง กับหนังเรื่อง Timeline ที่มาถ่ายกัน คนเยอะมากเช่นกันครับ เรามาที่นี่ได้เจอกับต้นนางพญาเสือโคร่งด้วยครับ ปลูกเป็นแนวเลียบแปลงเกษตรไป เราแวะแชะภาพอะไรกันเมามันแล้ว ก็ถึงเวลาต้องเดินทางต่อแล้วครับ เป้าหมายต่อไปคือม่อนแจ่มครับ เราใช้เวลาในการเดินทางจากดอยอ่างขาง-ม่อนแจ่มด้วยระยะทาง 167 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง

    13.30 น.เราเดินทางมาถึงม่อนแจ่ม มาถึงที่นี่อากาศร้อนมากครับ เค้าให้จอดรถบนลานจอดแล้วให้เดินขึ้นไปครับ ครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนที่จะมีล้อเลื่อนของชาวดอยมาบริการให้เล่นด้วย ครั้งละ 60 บาท น่าสนุกดีครับเสียดายที่เวลาน้อยไปหน่อยเลยไม่ได้เล่น ไปครั้งหน้าคงไปขอลองเล่นดูครับ

    15.30 น.ตอนนี้เราเริ่มหิวกันแล้วสิครับ แต่ก่อนจะเข้าไปหาอะไรกินกันในเมือง ผมเลยเลือกที่จะซื้อสตรอเบอร์รี่จากที่นี่ไปเลย เพราะวันรุ่งขึ้นผมต้องบินกลับช่วงบ่าย ไปหาซื้อไม่ทันแน่ๆ บอกก่อนนะครับว่าจะเอาความคิดของเรื่องพวงมาลัยดอกมะลิมาใช้ไม่ได้นะครับ เพราะที่นี่ถ้ายิ่งใกล้ม่อนแจ่มยิ่งแพงครับ ปากซอยถูกสุดจำเอาไปใช้ได้นะครับ ผมเจอมาแล้วเลยเอามาฝากอย่าให้พลาดอย่างผมครับ

    17.00 น.ร้านที่ผมเคยมากินแล้วแนะนำเลยคือร้าน "เฮือนม่วนใจ๋" คือชื่อร้านก็น่ารักแล้วใช่ไหมหล่ะครับ ร้านมีมีขันโตก มีอาหารเหนือพื้นเมืองให้ได้อิ่มอร่อยกันเลยครับ แถมราคาไม่แพงด้วยนะครับ อิ่มกันแล้วเป้าหมายต่อไปคือบ้านพักที่บ้านแม่กลางหลวงครับ เราใช้เวลาเดินทางจากร้านเฮือนม่วนใจ๋ ไปยังบ้านแม่กลางหลวงด้วยระยะทาง 105 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง

    19.00 น.เราเดินทางมาถึงที่พักบ้านแม่กลางหลวง ที่พักที่นี่ราคาถูกมากครับ 1,500 บาท/หลัง พักได้ 5 คนครับ ช่วงที่ผมไปมีคนเข้าพักแค่ 2 หลังเอง สิ่งที่สัมผัสได้เลยตอนมาถึงครับคืออากาศหนาวมาก หนาวกว่าที่ดอยอ่างขางอีกครับ คืนนั้นเราก็นั่งปิ้งมันเผาที่ได้มาจากจุดชมวิวช่วงเช้า กับไข่ปิ้งครับ ขนมขบเคี้ยวแวะซื้อเซเว่นระหว่างทางก่อนจะขึ้นมาดอยตรงแยกจะเข้าอำเภอจอมทองครับ สามารถแวะซื้อเสียงกันได้เลย อ้อลืมบอกไปที่บ้านกลางหลวงดาวสวยมากครับ ถ้าได้ไปนอนดูดาวกับคนรู้ใจผมว่าฟินเลยแหละ
    • Posts-4
    New •  March 13 , 2016

    วันที่สี่ของทริปนี้

    1/2/59

    05.30 น.เวลานัดเช่นเดิม แต่ครั้งนี้สมาชิกไม่ยอมตื่นกันครับ เพราะอากาศหนาวมากทำให้เวลาเรทไปนิดหน่อย เราได้เวลาออกจากที่พักบ้านกลางหลวงประมาณ 06.00 โดยประมาณจุดมุ่งหมายของเราคือแสงแรกบนหลังคาประเทศไทย ดอยอินทนนท์ครับ เราใช้เวลาจากบ้านกลางหลวงขึ้นมาบนยอดดอย ไม่นานมากผมก็มาแวะตรงโค้งก่อนจะถึงเจดีย์คู่มหามงคลบนดอยอินทนนท์ เจดีย์นภเมทนีดล-นภพลภูมิสิริ แสงแรกของที่นี่สวยมากเลยครับ ผมเคยคิดไว้ว่าถ้าได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ผมจะขอเก็บภาพที่นี่หลังคาประเทศไทยกลับไปให้ได้ จุดนี้เสียดายที่สมาชิกไม่ได้ลงมาเห็นแสงแรกด้วยกัน เพราะรถไหลครับเลยต้องมีคนคอยดูอยู่ภายในรถ บวกกับอากาศที่หนาวมากเพื่อนก็ขออยู่ในรถแล้วกัน

    06.30 น.เราขับผ่านจุดชมวิวกิ่วแม่ปานครับ จุดนี้มีนักท่องเที่ยวเต็มไปหมดเลย รอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ผมเห็นเช่นกันไม่รอช้าลงไปแชะภาพอีกเซท ครั้งนี้นับว่าเป้นความโชคดีมากที่มากเจอเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้ง เพราะอุณหภูมิติดลบ 2 ครับในวันที่ไป ทำให้ได้เจอกับเหมยขาบระหว่างทางเต็มเลย

    07.30 น. เรามาถึงป้ายจุดสูงสุดดอยอินทนนท์และหมุดอ้างอิงจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทยกันแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้แวะเจดีย์ ไม่ได้ลงไปจุดชมวิวที่เหล่าบรรดาเซเลปที่มาที่นี่ ต้องลงไปถ่ายภาพในเส้นทางศึกษาธรรมชาติครับ เป้าหมายต่อไปของเราคือ ขุนวาง ระยะทางจากดอยอินทนนท์-ขุนวาง 30 กิโลเมตรใช้เวลาประมาณ 40 นาที

    09.00 น. เรามาถึงขุนวาง ผมมาที่นี่ครั้งแรกเหมือนกัน มองเห็นนักท่องเที่ยวมากลางเต็นท์กันเต็มเลยครับ ดอกไม้ก็สวยอากาศกำลังดีเลย เราใช้เวลาในการตามหาซุ้มอุโมงค์ต้นนางพญาเสือโคร่ง แต่น่าผิดหวังที่มีไม่เต็มครับ เรามาเร็วไป 2-3 วันตอนที่พวกผมไปกันนั้น ดอกกำลังตูมใกล้จะบานแล้ว แต่มีบางส่วนที่บานไปบ้างแล้วครับ เก็บมาได้แค่ซุ้มสวยๆ มาครั้งหน้าขอแบบเต็มๆเลยนะครับ

    09.45 น.นี่เราต้องกลับแล้วใช่ไหม ยังเสพธรรมชาติไม่พอเลย เวลาเร็วไปจริงๆ ผมต้องทำเวลาเพื่อจะไปให้ทันเครื่องในเวลาบ่ายโมงครับ ระยะทางจากขุนวาง-สนามบินเชียงใหม่ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ก่อนกลับเพื่อนบอกเราไปกินข้าวกันก่อนกลับดีกว่านะ ที่ร้านสวนผักอยู่ก่อนถึงสนามบินเลยครับ ร้านนี้ก็มีอาหารเหนือเช่นร้านอื่น แต่ราคาจะแพงไปหน่อยนะครับ

    สรุปค่าใช้จ่ายในทริปนี้ผมใช้การลงเงินไว้กองกลางที่ 15,000 บาท คนละ 3,000 บาท ตลอดทริปครับ ราคานี้ไม่รวมค่าเครื่องบินจากหาดใหญ่-เชียงใหม่ และ ดอนเมือง-เชียงใหม่ นะครับ ไปกันหลายๆคนสนุกดีครับ แต่มากไปก็ไม่ดีนะครับ เจอกันทริปหน้าครับ ขออภัยด้วยนะครับ หากข้อมูลไม่ครบถ้วนไปบ้าง มือใหม่หัดรีวิวทริปหน้าจะเก็บรายละเอียดให้มากกว่านี้ครับ