คนหลงทาง #3 : หลงยุคหลงสมัย บุกย่านจีนถิ่นบางกอก 'ตลาดน้อย' เขตสัมพันธวงศ์
เมื่อวันหยุดได้เวียนมาบรรจบกันอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ผมนั้นไม่ได้ออกไปต่างจังหวัดที่ไหนไกล อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเดินเตร็ดเตร่ในกรุงดูบ้าง...ว่าแล้ว ผมก็ลองนั่งหาข้อมูลดูว่า ในเมืองกรุงแห่งนี้นั้น มีอะไรให้น่าออกไปเดินหลงไปหลงมาได้ไม่มีเบื่อ เเละดูมีเสน่ห์แตกต่างจากสถานที่ทั่วไป อยากไปในที่ที่มีความเก่าแต่เก๋าไม่น้อย
จนไปสะดุดตากับสถานที่แห่งนึง ที่อารมณ์เหมือน China Town ย่อมๆ แต่คนละบรรยากาศกับเยาวราชอย่างสิ้นเชิง ซึ่งสถานที่นี้ ถูกเรียกว่า 'ต ล า ด น้ อ ย' หรือ 'ต ะ ลั ค เ กี ย ะ'
หลังจากนั่งคิดนั่งหากันอยู่นาน ที่นั่นก็ไม่ใช่ ที่นี่ก็ยังไม่โดน จนไปเจอภาพๆนึงจาก website แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของสถานที่อะไรสักอย่าง ดูเก่าๆ มีกลิ่นอายความเป็นจีน อาคารรอบข้างชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่กลับมีสระว่ายน้ำสีฟ้าสวยสด อยู่ใจกลางสถานที่แห่งนี้ อ่านไปอ่านมาได้ใจความว่าอยู่ที่ย่านตลาดน้อย ในเขตสัมพันธวงศ์ แต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรมากนักว่าคืออะไร และเรียกว่าอะไร ?
มันทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า 'สถานที่ในภาพนี้ อยู่ที่ไหน ?'
จนต้องขอออกไปตามหา ซึ่งก็งานถนัดครับ คนอย่างผมขออยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่ทำงานหรือห้อง 5555+ และแล้วการเดินทางของ #คนหลงทาง ในครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้น....


เริ่มต้นการเดินทางในวันนี้ด้วยที่บริเวณ #รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ผมมาถึงที่นี่เวลาประมาณบ่าย 2 นิดๆเห็นจะได้ครับ แหม...นี่ขนาดมาเลยเที่ยงพอประมาณแล้ว แต่แดดประเทศไทยเผาวัวตายควายล้มได้เลยครับ ร้อนมากกกก 5555+ มาที่แรกก็เหงื่อบานแล้วครับ ยังไม่ทันจะไปไหนต่อเลย
ทริปนี้ถามว่าทำไมผมถึงเริ่มต้นที่วัดพระแก้ว ง่ายๆเลยครับ ผมนั่งรถเมล์มาจากแถวลาดพร้าว ซึ่งตอนแรกก็คิดอยู่ว่า จะไปสายไหนและเริ่มต้นไปที่ไหนก่อนดี ก็คิดได้ว่าสาย 44 ที่ผ่านมีไปลงแถวสนามหลวง ก็ขอนั่งมาลงแถวนี้ เปิดทริปกลิ่นอายความเก่ากันที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ประจวบเหมาะกับว่าผมเอง ก็ไม่ได้เข้าวัดพระแก้วมานานแล้วเหมือนกัน ก็เริ่มต้นทริปกันด้วยสิ่งดีๆก็เข้าทีไม่น้อย
ลงรถเมล์มาปุ๊บที่แรกที่ผมขอเดินเเวะเข้าไปสักการะ ก็คือ #ศาลหลักเมือง
อากาศข้างนอกร้อนแดดจ้าขนาดนี้ เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าครับ แต่เอ๊ะ...ไม่รู้เข้าไปแล้วจะร้อนยิ่งกว่าเดิมรึป่าว 55555+
แหม...ผมก็ไม่ใช่ผีสางอะไรมาจากไหนนะครับผม


วันนี้ที่ผมมาต้องบอกว่าเป็น #เทศกาลบัณฑิต จริงๆครับ มีมาถ่ายรูปรับปริญญาแถวนี้กันเยอะมากกกกก กลายเป็นสถานที่ยอดฮิตที่เหล่าบัณฑิตจะเลือกมาถ่ายกันอันดับต้นๆเลยทีเดียว
ใครมาใครไปก็ต้องถ่ายครับ ขาดไม่ได้...ผมก็ขอเก็บภาพกลับไปด้วยเหมือนกัน
เอาล่ะครับ...วัดพระเเก้วอยู่ตรงหน้าแล้ว มาครับ...เรามาข้ามถนนเดินไปพร้อมๆกัน รถเยอะหน่อย คนพลุกพล่านมาก ระวังๆกันนะครับ



บางมุมนี่มีแต่คนจริงๆครับ มีแต่เสียงดังๆวุ่นวาย นักท่องเที่ยว-ไกด์ ตะโกนกันไปมา มองไปแทบไม่เห็นความเป็นวัดเลย คือแทบไม่รู้เลยครับว่าเรายืนอยู่ที่ไหน เหมือนอยู่ท่ามกลางทัวร์จีนอะไรสักอย่างรอบตัวเราไปหมด
วัดพระแก้วของผม จึงได้รูปมาไม่มากเลยครับ บางจุดก็ถ่ายอะไรไม่ได้จริงๆ TT


เอาละครับ ถึงแล้วววว นั่งมาแปปเดียวหายใจยังไม่ทันทั่วท้องเลย 5555+
มาแถวนี้ก็มี #เทศกาลบัณฑิต และ #มหกรรมพรีเวดดิ้งมาถ่ายกันตรึมมมอีกเช่นเคยครับ นี่ไม่ได้นัดกันมาใช่มั้ยครับ เวียนกันถ่ายวนกันไปเลยทีเดียว
ผมก็รอจังหวะไม่มีใคร ก็ขอเข้าไปแชะภาพกันสักหน่อย ไว้วันหลังต้องขอมาเก็บภาพตอนกลางคืนกันดูบ้างแล้วสิครับแบบนี้ น่าจะได้อีกบรรยากาศนึงที่สวยเหมือนกัน


เดินไปเดินมา ก็ไปเจอซอยนึงเข้า มองไปแว๊บๆ เห็นมีคนนั่งทานกัน กางโต๊ะอยู่ข้างทาง ก็ขอเดินเข้าไปดูใกล้ๆสักหน่อย ก็เจอร้านนี้เลยครับ เป็นร้านข้าวหมูแดง, หมูกรอบ, บะหมี่, ต้มยำหัวปลา อะไรทำนองนี้ ชื่อร้าน #ศิริพรโภชนา
แหม..บรรยากาศร้านเข้ากับธีมในการเดินทางครั้งนี้ของผมมาก ก็จัดเลยครับแบบไม่ลังเล สั่งข้าวหมูแดง-หมูกรอบไป 1 จานเลยครับผม
มาแล้วครับบบบ ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ ของผมมมม อาหารง่ายๆแต่ได้รสชาติ ท่ามกลางความคลาสสิคของร้าน แค่นี้ก็อิ่มทั้งรสชาติ อิ่มทั้งใจเเล้ว

#ร้านโก้ปี้เฮี๊ยะไถ่กี่ ร้านนี้ผมว่าน่าจะเป็นร้านดังของย่านนี้ เพราะเข้าไปในร้านแล้วคึกคักใช้ได้เลยครับ คนเกือบจะเต็มแทบทุกโต๊ะเลยทีเดียว

อยากดูเมนู เดินมาหยิบ
อยากสั่ง เดินมาตรงเคาน์เตอร์สั่งเลยครับ
อยากกิน รอครับ...รอ
เสร็จแล้วพนักงานจะเรียกให้เราเดินมารับ
ได้ของกินแล้ว แต่ไม่มีอาวุธในการกิน เดินครับเดิน...เดินไปหยิบ 5555+
อารมณ์เหมือนเราไปที่ตาม food center ต่างๆ หรือสั่ง kfc อะไรแบบนั้นแหละครับที่เราบริการตัวเองแนวๆนั้นเลย


เท่าที่สังเกตุดู ผมว่าเมนูส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างสูงไปนิดนึงครับ ทั้งของคาวและของหวาน หรือแม้แต่น้ำต่างๆ น่าจะปรับลงสักหน่อย หรืออาจจะเพิ่มเป็นการบริการลูกค้าแทนการบริการตัวเอง แต่รสชาติโอเคครับ แต่ถ้าราคาอยู่ที่สักประมาณแก้วละ 30-35 บาทน่าจะสมเหตุสมผลกว่า เพราะแก้วไม่ได้ใหญ่ แต่แลกกับวิวแล้วก็ใช้ได้ครับ ส่วนต่างถือว่าเราจะหาวิวและบรรยากาศเมืองกรุงเก่าๆแบบนี้ไม่ได้ที่ไหน

หิวกันหรือยังครับ ?
งั้นเรามาเริ่มลงมือกันเลยดีกว่าาาา

ทำเสร็จใหม่ๆแล้วกินเลย อร่อยมากกก

อิ่มท้องทั้งของคาวของหวานกันแล้ว ตอนนี้ท้องผมไม่เหลือที่ว่างสำหรับอะไรแล้วทั้งนั้นครับ เราไปเดินย่อยกันหน่อยดีกว่า
เดินออกจาก ร้านกาแฟ โกปี้ เฮี้ยะไถ่กี่ @ เสาชิงช้า กันแล้ว ก็ทะลุไปยังปากซอยอีกฝั่งกันเลยดีกว่า อาคารบ้านช่องที่นี่ เหมือนพาเราย้อนยุคกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ระหว่างทางเดินไป ก็จะมีอะไรแบบนี้ตลอดทาง ตึกเก่าๆ วิถีชีวิตคนแถวนั้น ให้เราได้ชมกันเนืองๆ
























ระหว่างทางนั่งรถตุ๊กๆไป ผมนี่ไม่แปลกใจเลยทำไมตุ๊กๆถึงขึ้นชื่อเรื่อง 


เดินเรื่อยมาจนถึงแถวหน้ากรมเจ้าท่าแล้ว ก็ลองเดินไปถามขอคำแนะนำจากพี่ๆที่ขับรถตุ๊กๆแถวนั้นกันหน่อยครับ น่าจะพอรู้ทางกันอยู่บ้าง แต่พี่ๆก็บอกมาว่า แถวนี้เท่าที่พอทราบก็จะเป็น พวก street art วาดๆเขียนๆกำแพง ที่เลยไปอีกนิด แต่อาคารจีนเก่าๆที่มีสระว่ายน้ำนั้น พี่แกยังนึกไม่ออกจริงๆ
หลังจากเดินไปตามทาง ก็ยังไม่เเน่ใจดีนักว่าพวก street art นั้นจะอยู่ตรงไหน เพราะเข้าใจว่าน่าอยู่ระหว่างทางเดินหาง่ายๆหรือเปล่า แต่สายตาหันไปเจอเจ้าป้ายนี้ แขวนอยู่ไกลๆ เลยเดินเข้าไปหน่อยดีกว่า ข้างในน่าจะมีศาลเจ้าอะไรให้ดู ก็เดินเข้าซอยไปเรื่อยๆกันครับ

ทุกๆอาคาร ทุกๆบ้านเรือน ล้วนแล้วแต่มีร่องรอยของความทรงจำและกาลเวลาอยู่เต็มไปหมด

street art เก๋ๆที่ไม่ได้มีแค่ตามแหล่งท่องเที่ยวดังๆ แต่ที่นี่ก็มีและสวยงามไม่แพ้ใครเหมือนกัน




อีกสิ่งหนึ่งที่ที่นี่ทำ คือเป็นสถานที่เพาะพันธุ์เจ้าบีเกิ้ลนี่แหละครับ มีกันมากมายหลายสิบตัว น่ารักน่าชังเชียวครับ 

ได้เวลาบอกลาสถานที่ที่ผมตามหากันแล้วครับ ประทับใจจนวินาทีสุดท้ายที่จะต้องจากไปจริงๆ





บรรยากาศเก่าๆที่อยู่รายล้อมตัวผมในวันนี้มันช่างทำให้ตลาดน้อยแห่งนี้มีเสน่ห์มาก รวมทั้งการผสมผสานระหว่างความเป็นไทยและจีนที่สวยงาม


แม้กระทั่งร้านค้า - โรงแรมต่างๆที่ถูกสร้างขึ้น ใหม่ในละแวกนี้ ก็จะมีการสร้างให้มีความคลาสสิคกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมทั้งสิ้น เน้นแนวอบอุ่นๆ ไม้ๆ และใช้โทนสีเหมือนสถาปัตยกรรมโบราณ ยิ่งทำให้ละแวกนี้ดูมีคุณค่า ที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างดี

