การที่เราเปลี่ยนที่นอนต่างสถานที่ ก่อนนอนควรไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนนอนทุกครั้ง แต่ผมลืมอาจเนื่องจากความเพลีย ที่นั่งรถทางขามาจากกรุงเทพทุกคืน แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า แค่ลืมไหว้เจ้าที่ครั้งนี้ ทำให้ผมต้องสัมผัสมวลพลังงานโดยไม่รู้ตัว

 

ห้องนอนที่พัก ห้องพักเตียงเดียวนอนสองคน ผมพักห้องเดียวกับคุณลุง ห้องกระทัดรัด มีเครื่องอำนวยความสะดวกพอสมควร คุณลุงพอได้เข้าห้อง ก็เปิด ipad chat ผมแอบดู คุณลุงคุยแต่กับสาวๆ ทั้งนั้นเลย เสียงปิ้งๆ ดังตลอด แสดงว่าคุณลุงเรา Hot ไม่เบา ดูแล้วเหมือนในห้องนี้ มีคุณลุงอยู่ในห้องคนเดียว ผมไม่อยากรบกวนความสุขแก เลยจัดการธุรส่วนตัว สบายมากกับเครื่องทำน้ำอุ่น แถมได้ถ่ายท้องอย่างเต็มที่ การเดินทางไกลทำให้ระบบร่างกายเสียไปหมดจริงๆ

ตีสองครึ่ง ผมรู้สึกตัวว่า ทำไมหลังผมมีลมเย็นๆ มาลูบไล้แผ่นหลัง "วูบ วูบ" อยากจะลืมตาดู แต่ห้องมืดมาก ขอย้ำมืดแบบมองไม่เห็นลายมือตัวเองเลย จะหันหลังกลับไปดู ก็รู้สึกไม่กล้า กลัวจะได้เห็นมวลพลังงาน

"ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว" ผมคิด ช่างมัน หนาวได้แค่กาย ใจมันกลัวเฟ้ย ว่าแล้วก็พยายามข่มตานอนจนหลับแบบสั่นเหมือนสันนิบาตลูกนก ลมเย็นเหมือนใครเอาปากมาเป่าลมใส่หลังตลอด

"ปริ๊ด ปริ๊ด ปริ๊ด" เสียงโทรศัพท์ที่ผมตั้งปลุกไว้ ดังขึ้น ผมดูนาฬิกา ตีสีครึ่ง เมื่อคืนนอนหลับไปแบบไม่รู้ตัว ยังรู้สึกเพลียอยู่เลย ตั้งใจอยากนอนต่อ แต่กลัวจะยาว เปิดไฟหัวเตียง แม่เจ้าภาพที่ผมเห็น....

คุณลุงนอนหลับตาพริ้ม ผ้าห่มผืนใหญ่ ตอนนี้ คุณลุงยึดไปที่เรียบร้อย ถึงว่าซิเราเลยนอนหนาว ไม่รู้ใครไปล๊อกทางลมให้หันมาทางผมคนเดียว มิน่าเลยเหมือนใครเอาลมมาเป่าหลังเรา 555 โล่งใจนึกว่าโดนมวลพลังไปซะแล้ว 

มาต่างจังหวัดทั้งที่ ตั้งใจว่าจะออกไปบันทึกภาพทางช้างเผือกสักหน่อย  เอาอุปกรณ์ถ่ายภาพออกไปนอกห้องพัก แล้วนั่งหาองศาและมุมของทางช้างเผือก แต่แล้วแทบผิดหวัง แม้ว่าทิศทางช้างเผือกอยู่ 45 องศาตะวันออกเฉียงใต้ แต่คืนนี้ ไม่ได้เป็นคืนเดือนมืด แถมเมฆมีเยอะอีก ที่สำคัญ ทางช้างเผือกเล่นอยู่ใต้ดวงจันทร์แถมพระจันทร์คืนนี้สว่างมาก เลยเปลี่ยนแผนถ่ายภาพดวงจันทร์แทน

ผมเห็นภาพดวงจันทร์แล้วอดขำไม่ได้ เมือนึกถึงคำชม เยินยอสาวสวย ว่างดงามเหมือนดั่งดวงจันทร์ ถ้าหน้าเธอเหมือนดวงจันทร์จริงๆ คงจะขนลุกเพราะหน้าเธอเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ตลอดทั้งดวงหน้าแน่ๆ เก็บภาพดวงจันทร์หลายภาพยังไม่ถึงเวลานัดหมาย ตีห้าครึ่ง กลับไปนอนต่อดีกว่า

"ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้น "ได้เวลาเดินทางแล้ว" เสียงเรียกจากผู้นำทริปปลุกให้เราตื่น ทั้งผมและลุงต่างลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกันไม่ได้นัดหมาย สำหรับผมแต่งตัวพร้อมอยู่แล้ว มีแต่ลุงเท่านั้นที่ยังไม่ได้แต่งตัวล้างหน้าเลย แต่สิ่งนั้นไม่ใช่อุปสรรค์ ขอเวลาเพียง 3 นาที คุณลุงสามารถแก้ปัญหาได้

รถคุณอ้อย เจ้าของที่พักบ้านชมจันทร์ รับอาสาขับรถพาพวกเราไปจุดชมวิว wetlandcamp

wetlandcamp เปิดตัวอย่างเป็นทางการ วันที่ 3 ธันวาคม 54 พื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย wetland camping trip แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์รูปแบบใหม่ ผจญภัยในป่าอเมซอนเมืองไทย ล่องเรือดูนกน้ำทะลน้อย บึงดอกบัวทะเลน้อย เดินป่าเขาบรรทัด ...Mobile : 086 - 9539914 หรือEmail :wetlandcamp@gmail.com  GPS : 7.730532,100.148781.

 

อยู่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่า สองข้างทางมืดมองไม่เห็นอะไร ทางคดเคี้ยวไปมา คิดว่าถ้าเอามาปล่อยกลับมาที่พักไม่ถูก เรามาถึง wetlandcamp คุณอ้อยพาที่ท่าน้ำ มองเห็นไกลๆ เห็นยกยออยู่บริเวณดังกล่าว ยุงเริ่มมารบกวนในระหว่างที่รอเรือ มีรออยู่สองลำ ผมก็เล็งๆ ว่าจะขึ้นลำไหนดี

 

"ต้องเอาลำที่ไม่มีคนถ่ายภาพซิ จะได้ไม่มีคนมาแย่งมุม" ผมคิด ......

ในทริปมีคนชอบถ่ายภาพ 2 คน คือคุณลุงกับคุณป้า (เดาจากเรื่องที่ทั้งสองคุยเรื่องประสบการณ์ถ่ายรูปในรถ)  ผมยืนรอที่ท่าเรือ ลงเป็นคนหลังสุด รอให้คุณลุงลงเรือไปก่อนแล้ว  ตอนนี้เหลือแต่กลุ่ม คุณลุง 2 คน คุณป้า 1 คน และคนนำทริป  ลงลำเดียวกับเรา อิอิ ไม่มีใครแย่งมุมเรา

"ไชโย ไชโย" ผมแอบไชโยดีใจในใจ อีกอันเผื่อใจไว้ก่อน...

เรือพาเรามาถึงกระท่อมกลางน้ำห่างฝั่ง 10 เมตรน่าจะได้ คนเรือจอดเรือให้พวกเราขึ้นไปบนสะพานไม้เล็กๆ ที่ทอดออกมาจากกระท่อม เนื่องจากผมนั่งหลังสุดของเรือ ก็เลยต้องขึ้นสะพานไม้หลังสุด 

ผมได้ที่ก็เตรียมตั้งกล้องพร้อมขาตั้ง รอถ่ายภาพยกยอแสงเช้า  แต่รู้สึกความหวังเริ่มริบรี่ เพราะเช้านี้ฟ้าปิด แถมเหมือนฝนจะตก ไม่เป็นไร อาจได้ภาพแปลกๆ ก็ได้ ผมเริ่มบันทึกภาพทันที่ การถ่ายภาพแสงน้อย ต้องใช้ขาตั้งกล้องและใช้รีโมทชัตเตอร์ให้นิ่งพอ แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น

คุณลุงคุณป้าคณะทัวร์ผมเริ่มทำงาน ต่างเดินบนสะพานไม้ถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน การถ่ายรูปไม่มีปัญหา แต่การเดินมีปัญหาครับ เพราะไม้เป็นแผ่นเดียวกัน เวลาเดินไม้ก็โยกไปมา ภาพหลายภาพกลายเป็นภาพแนว Abstract ไปทันที่

"คุณค๊ะ" ป้าขอที่ถ่ายรูปได้ไหมครับ พร้อมกับชี้ไปบริเวณที่ผมตั้งขาตั้งกล้องอยู่ 

"ได้ครับ" ผมตอบพร้อมกับก้มเกีบขาตั้งกล้อง 

"ถ่ายรุปเสร็จแล้วเหรอค๊ะ เดียวป้าขอมุมนี้บ้างนะ" คุณป้าเดินยิ้ม พร้อม Pose ท่าถ่ายรูป

ผมย้ายที่ถ่ายรูป โดยหดขาตั้งลงมานั่งกับพื้น หลายคนถาม "หดขาตั้งมาเพื่อให้ได้มุมดีใช่ไหม"

"ไม่หดได้อย่างไร เล่นเดียวสวนสนามกันสนุกสนานกันอย่างนี้" ผมแค่คิด ไม่กล้าพูดกลัวโดนคนแก่รุม อิอิอิ

นั่งรออยู่พอสมควร พระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้น แสงแรกก็ไม่มี คนเรือเรียกพวกเราให้ทยอยลงเรือ เพื่อไปเที่ยวที่ต่อไป

ทะเลน้อย 

ทะเลน้อย เป็นทะเลสาบน้ำจืด ตั้งอยู่ใน ตำบลนางตุง และ ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง มี คลองนางเรียม ยาว 2 กิโลเมตร เชื่อมระหว่าง ทะเลน้อย กับ ทะเลสาบสงขลา "อุทยานนกน้ำทะเลน้อย" เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
 

ในทะเลน้อย มีสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่แบ่งออกเป็น นกน้ำ 287 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 26 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 6 ชนิด นกน้ำมีทั้งนกที่ประจำถิ่นและนกอพยพมาจากที่อื่นตามฤดูกาล เช่น นกกาบบัว นกกุลา นกกระสานวล นกกระสาแดง นกกาเล็กน้ำ นกแขวก นกเป็ดน้ำ นกกระทุง นกนางนวล นกกระเด็น นกกระสาแดง ฯลฯ



ค่าโดยสารเรือหายาวเข้าชม 1.30 ชม อัตราลำละ 450 บาท นั่งได้ 5 คน ทราบว่าเมือ 10 ปี ก่อน 200 บาท แถมไม่กำหนดเวลาลอยเรือท่องเที่ยวไปจนกว่าผู้ไปชมจุใจ แต่หลายปีแล้วปัจจัยเศรษกิจย่อมเปลี่ยนแปลงไป ในทะเลน้อย มีหลายดง เช่น 

 

แหลมดิน เมื่อจะพ้นคลองนางเรียมทางขวามือเป็นทุ่งโล่งมีหญ้าสั้น ๆ ขึ้นเขียวขจี โดยเฉพาะในฤดูฝน ก่อนที่น้ำจะหลากท่วมราว 1-2 เดือน เมื่อพ้นคลองนางเรียมมาแล้วจะออกสู่ทะเลสาบ เราสามารถหาที่จอดเรือแล้วขึ้นฝั่งไปเดินบนดินได้ แหลมดินเป็นจุดดูนกน้ำและนกชายเลนได้เป็นอย่างดี มีนกเด่น ๆ เช่น นกตีนเทียน นกช้อนหอยขาว นกหัวโตหลังจุดสีทอง และ นกแอ่นทุ่งใหญ่ เป็นต้น ถ้าโชคดีอาจได้พบนกกาบบัว หรือ นกตะกรุม เดินหากินอยู่บ้างก็ได้

 

พืชน้ำที่พบได้มาก มักขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ คือ กระจูดหนูเป็นพืชที่มีลำต้นเปราะบาง ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นวัสดุในการทำเครื่องใช้ การจับต้นกระจูดหนูควรระมัดระวัง ต้นเปราะและคมอาจบาดมือได้

 

“ช่วยเข้าฝั่งหน่อยได้ไหม ลุงปวดท้อง” เสียงเพื่อนร่วมทางสูงวัยตอนหน้าเรือพูด

งานเข้าแล้วเรา ยังไม่ได้บันทึกภาพเท่าไรเลย  มั่วแต่นั่งชมนกชมไม้ ระหว่างที่คนเรือนำเรือเลี้ยวเข้าหาฝั่ง ผมนั่งมองเรือของผู้ร่วมทริปอีกลำที่แล่นเข้าไปกลางดงบัวที่เต็มไปด้วยนกน้ำด้วย ความเสียดาย ......ไม่น่านั่งเรือผิดลำเลยตรู

เรือเข้าจอดเทียบฝั่ง  ปรากฏว่าทุกคนต่างลุกขึ้น

"อ้าวจบทริปแล้วเหรอ แล้วผมหละ"  งานเข้าแล้วผม เมื่อทั้งกลุ่มต่างพร้อมใจกันลงเรือ

แต่แล้วเสียงสวรรค์ก็ดังขึ้น เมื่อผู้นำทริป บอกคนเรือว่า

“เดียวน้อง เอาน้องคนนี้ติดเรือกลับไปที่เก่าด้วย ผมและพวกลุงๆป้า จะเดินกลับที่พักเอง”

“ว้าว ๆๆๆ สวรรค์ได้นั่งเรือกลับคนเดียว” ผมคิด  

“ ตรงไหนสวยๆ พาไปเลยเดียวติ๊บพิเศษ” ผมบอกคนขับเรือด้วยความกระหยิ่ม ยิ้มย่อง

 

ดงบัวสาย ดงบัวที่มีสีชมพูบ้านสะพรั่งในช่วงเวลา 08.00 น. เมื่อแดดร้อนแรงขึ้น บัวสายจะเริ่มหุบ และจะบานเต็มที่อีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น บริเวณดงบัวสายเราอาจพบ นกยางกรอก นกอัญชันคิ้วขาว นกพริก หรือ นกอีแจว เดินหากินอยู่บนใบบัว

 

ถ่ายไปมาสักพัก  ถามว่าจุใจหรือ ตอบว่ายัง อยู่ทั้งวันก็ได้ แต่เรามาทัวร์หลายคน เริ่มรู้สึกเกรงใจคนอื่น เลยถามคนเรือว่า

" เรืออีกคัน เขากลับไปหรือยังพี่" ผมตะโกนถามทั้งที่ กำลังบันทึกภาพอยู่

คนขับเรือ บอกว่า “เห็นวนกลับไป ตอนที่เราพึ่งเริ่มเข้าดงบัว”  

จบข่าว ผมคิดว่า “งวดหน้าไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนเลย ที่ทะเลน้อยที่เดียวก็พอ สามวันไม่ต้องไปไหน” 
 

ขากลับใช้เส้นทางคลองนางเรียม เป็นคลองดั้งเดิม 1 ใน 3 คลองสำคัญ แต่รู้สึกว่าทำไมเข้าไปเรื่อยๆ มันเหมือนฝ่าเข้าไปในป่าหญ้ารกชัน บ่อยครั้งต้องก้มหลบ เอี้ยวตัวไปมาจากผ่านบ้านเรือน มาเป็นป่ากอหญ้า แต่แล้วปัญหาก็เกิดขึ้น

จู่ๆ เครื่องยนต์เรือก็ดับเครื่องลง อย่างไม่มีสาเหตุ งานเข้าแล้ว คลองที่เราใช้ ไม่มีเรือผ่านมาสักลำหรือคนขับเรืออยากให้เราได้ถ่ายรูป แต่ดูไปไม่เห็นอะไร นอกจากกอหญ้าและกอผักตบชวา ขึ้นท่วมหัว จะจอดให้ถ่ายรูปอะไรฟ๊วะ หรือว่า

 Hi Jack

ซวยซิเรา ไม่น่าเอาอุปกรณ์ถายภาพมาครบชุดเลย แถมอยู่บนเรือคนเดียวเลย ถึงเราจะเป็นผู้ชายแต่เขาเป็นผู้ชายบอบบางนะ โธ่ลูกพ่ออยู่กันไม่ถึง 20 ปี จะโดนซะแล้วเหรอ ก้มไปดูข้างเรือก็ไม่ได้เขียน MH370 สักหน่อย ว่าจะถามคนเรือ แต่กลัวเสียฟอร์ม เดียวไก่ตื่นหมด ตอนนี้ ดูทางหนีที่ไล่ ว่าถ้าเป็นอย่างที่เราคิดจริงๆ จะหนีไปทางไหนดี สักพักได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น รอดไปตรู..

คลองสุดท้ายที่ยังมีน้ำไหลสะดวกไม่ตื้นเขิน เช่น คลองดั้งเดิมอื่น ๆ แต่เดิมทะเลน้อยเคยมีจระเข้อาศัยอยู่ค่อนข้างชุกชุม และคลองนางเรียมก็เป็นคลองที่มีจระเข้ชุกชุมเช่นกัน เป็นที่น่าสนใจว่าปัจจุบันจระเข้เหลือเป็นเพียงตำนานให้เล่าขานกับเท่านั้น

ช่วงขากลับโชคดีเจอเรือมโนร่าห์ ทราบว่า มารำแก้บน  ที่ศาลมีจระเข้ตัวใหญ่

 

ขากลับผ่านยกยอมา ช่างโชคดีไม่มีใครแย่งถ่ายภาพ โชคร้ายแสงไม่สวย ช่างมัน แต่บ่อยครั้ง ผมกลายเป็นนายแบบจำเป็น เมื่อทุกสายตาจับจ้องมาที่ลำของผม คงแปลกใจ "ไอ้นี้มันรวยมากเหรอนี้ เหมาเรือมานั่งถ่ายรูปคนเดียว" ,"มันต้องโปรแน่ๆ" และความคิดสุดท้าย "สงสัยมันตกเรือแล้วเขาเก็บมันกลับมาแน่ๆ" ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าคิดแนวบวกเข้าข้างตัวเองแล้วกัน ว่าแล้วก็นั่งยืดดดดดด

กลับมาถึง wetlandcamp เจอกลุ่มเรือคันแรก นั่งกินอาหารเช้ารออยู่แล้ว เห็นข้าวต้มสีแปลก ทราบว่าเป็นข้าวต้มสังหยดพัทลุง เป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ปลูกดั้งเดิมในจังหวัดพัทลุง สีออกน้ำตาลเข้ม กินแล้วอร่อยดีมากๆ สองชามดูน้อยเกินไป

 

ไม่คิดอะไรมากครับ  ติ๊บคนขับเรือด้วยความระทึกใจ ก่อนขึ้นไปกินอาหารเช้า 
 

 

การเดินทาง  ทะลน้อย

          จากตัวเมืองพัทลุงใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4048 (พัทลุง-ควนขนุน) ประมาณ 32 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสายมีป้ายบอกตลอดทาง หรือทางรถไฟ ลงที่สถานีปากคลอง จากนั้นต่อรถโดยสารไปทะเลน้อย ประมาณ 8 กิโลเมตร นอกจากนี้ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าสวัสดิการ บ้านพักรับรอง 5 หลัง และเรือนำเที่ยว 60 ลำ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 7468 5230