ในวันนี้ ถ้าพูดถึง "ทุ่งโปรงทอง ระยอง" คนชอบเที่ยวคงไม่มีใครไม่รู้จัก มารีวิววันนี้ก็อยากจะตอกย้ำสำหรับคนยังไม่เคยไป ให้ลองไปดูสักครั้ง จะเห็นได้ถึงความแตกต่างของป่าชายเลนทั่วๆ ไปที่เรารู้จัก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่มีอยู่เป็นทุนเดิม และการบริหารจัดการจากชุมชนที่ดี จึงทำให้ป่าชายเลนแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่น  ที่ผมชอบคือมีการจัดการเรื่องขยะ มีการผลัดเวรกันเก็บขยะ กลุ่มแม่ค้า กลุ่มเรือ กลุ่มรถรับจ้าง ทุกคนมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบพื้นที่ เรื่องที่จอดรถ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ เรือก็จัดระเบียบไว้อย่างดี ต้องขอปรบมือให้ในความเอาใจใส่ดูแลธรรมชาติเป็นอย่างดี ฝากนักท่องเที่ยวทุกๆ ท่าน ช่วยกันนำขยะของตัวเองกลับบ้านไปด้วยนะครับ อย่าทิ้งไว้ให้เป็นภาระของผู้อื่นเลย เชิญรับชมภาพสวยๆ กันได้เลยครับ    เปิดทริปนี้กันที่สะพานประแสสิน ปากน้ำประแสกันก่อนครับ จุดนี้เป็นจุดที่แม่น้ำประแสไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทย มีชุมชนอยู่สองฝั่ง เชื่อมกันด้วยสะพานแห่งนี้ฝั่งตะวันตกจะเป็นจุดชมวิวแหลมสน มีศาลาสำหรับนั่งพักผ่อนมีอาหารขาย มีหาดทราย(ทรายขี้เป็ด) เหมาะสำหรับพักรถ นั่งเล่นรับลมเย็นๆใกล้กันจะมีสะพานท่าเรือเมื่อเดินมาปลายสะพานสามารถมองเห็นสะพานและเรือรบหลวงประแสได้   เมื่อข้ามมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ จะเป็นที่ตั้งของชุมชนประแส และอนุสรณ์สถานเรือรบหลวงประแส เมื่อมาแล้วก็ควรแวะชมสักหน่อยนะครับ  จากต้นจามจุรีต้นนี้ซึ่งเป็นสามแยก แยกหนึ่งขึ้นสะพาน อีกแยกหนึ่งไปอนุสรณ์สถานเรือรบฯ แยกที่สามไปออกถนนสุขุมวิท จะไปทุ่งโปรงทองต้องมาแยกนี้ มานิดเดียวเจอวัด ข้างวัดมีซอยอยู่เข้าไปเลยครับ ตามป้ายไปเลย แป๊บเดียวถึงครับเมื่อจอดรถที่ลานจอดเรียบร้อย ก็นั่งสามล้อมาลงจุดเริ่มเดินที่สะพานเดินชมธรรมชาติทุ่งโปรงทองกันเลยครับ ที่ต้องจอดรถอีกที่หนึ่ง และต้องนั่งสามล้อมา เพราะบริเวณจุดเริ่มเดินที่แคบไม่ควรนำรถเข้ามาครับเส้นทางเดินเป็นสะพานไม้ เดินสบายครับ ถึงแม้วันที่ไปอากาศจะร้อนแต่พอเข้าไปเดินแล้วก็ร่มรื่นดีครับเดินมาประมาณสามร้อยเมตรก็จะเจอจุดไฮไลท์ของทุ่งโปรงทอง จุดที่มีต้นโปรงนับหมื่นๆ ต้น ชูยอดสว่างไสวสีทองกว้างสุดสายตา สวยงามมาก ยิ่งถ้ามาช่วงเช้า หรือเย็นๆ น่าจะสวยงามกว่านี้อีกเมื่อเราเดินต่อไปอีกก็จะกลับเข้าสู่ป่าชายเลน ป่าโกงกาง และไปเจอศาลเจ้าพ่อแสมภู่การมาที่ศาลเจ้าพ่อแสมภู่นี้มาได้สองทาง  จะเดินมา หรือมาทางเรือนะครับ เลยศาลฯ ไปก็จะเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินต่อไปจนถึงชายทะเลพ้นป่าโกงกางก็จะเป็นต้นแสม และป่าชายเลนโล่งๆ บริเวณนี้จะมีปูก้ามดาบอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อมองไปในทะเลก็จะเห็นกำแพงไม้ไผ่  ไม่ใช่แนวค่ายบางระจันนะครับ  เป็นแนวกันคลื่นมากัดเซาะป่าชายเลนครับเดินมาถึงจุดนี้ก็เกินครึ่งทางแล้ว ถ้าเดินต่อไปอีกก็จะเป็นทางเดินเลียบทะเลไปเรื่อยๆ จนถึงเรือรบหลวงประแสครับ      สำหรับผมและครอบครัวก็ขอเดินเพียงครึ่งทาง คิดว่าเท่านี้ก็คุ้มค่าแล้ว และอีกอย่างต้องเดินย้อนกลับทางเดิมเพื่อกลับมาขึ้นรถด้วย  ก็เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดกันนะครับ สวัสดี มีความสุขกับการท่องเที่ยวครับ