…ฤดูฝนมาถึงแล้ว….

เคยมั๊ย คิดถึงธรรมชาติสีเขียว?

เคยมั๊ย คิดถึงกลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ที่โชยมาหลังฝนตกเสร็จใหม่ๆ?

เคยมั๊ย คิดถึงหมอกจางๆ ลอยผ่านไปผ่านมา กับอากาศเย็นสบายชุ่มฉ่ำ?

เคยมั๊ย คิดถึงเสียงจิ้งหรีดที่กล่อมก่อนนอน และนกร้องปลุกเบาๆ ยามเช้า?

.

นี่แหละ สเน่ห์ของฤดูฝน  ช่วงที่เราอยากลองหาสักที่ออกไปนั่งดูหมอกยามเช้า ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น และนอนนับดาวตอนกลางคืน เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน

.

นี่เป็นความคิดหนึ่งของเราที่ลอยขึ้นมา ก่อนจะเริ่มหาว่ามีที่ไหนในเมืองไทย ที่มีทั้งหมดที่เรากล่าวมา และเราก็ได้พบที่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า "บ้านป่าบงเปียง

"  นาขั้นบันได อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่ๆทำให้เวลาของเราเดินช้าลง…เราลองไปทำความรู้จักที่นี่ด้วยกันนะ 

บ้านป่าบงเปียง หมู่บ้านที่รายล้อมไปด้วยนาขั้นบันได ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ที่นี่เราจะได้พบกับธรรมชาติรอบตัว  บรรยากาศเงียบสงบ และได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน  เมื่อมาถึงเรารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ไกลตัว จากวิถีชีวิตของสังคมเมืองที่เราเคยอยู่ สำหรับเรามันเป็นความแตกต่างที่มีสเน่ห์ที่ทำให้พนักงานประจำที่วันๆ ปั่นแต่งานทำแต่โอที ได้ใช้ชีวิตช้าลง จนอยากให้เวลาหยุดหมุน

 

การเดินทาง เราขึ้นเครื่องบินมามาลงสนามบินเชียงใหม่ หลังจากนั้นเช่ารถแวะหาของกินอร่อยๆ ในเมือง แล้วขับมาทางอำเภอจอมทอง ตามเส้นทางอินทนนท์ไปแม่แจ่ม   พอเลยด่านตรวจที่2  ขับเลี้ยวซ้ายไปอีก 12 กิโลเมตร จะเจอป้ายน้ำตกแม่ปาน และจอดรถที่นี่ แล้รอให้เจ้าของบ้านพักมารับ เนื่องจากเส้นทางหลังจากนี้จะเป็นทางลูกรังต้องใช้รถ 4WD 

ที่นี่มีที่พักราคาน่ารักชื่อว่า "บ้านมาฉิโพ” เป็นของพี่วิชัย คิดคนละ 500 บาทเท่านั้น รวมอาหาร 2 มื้อ (เช้า-เย็น) โทร 081-0201691 อาจจะโทรติดยากสักหน่อย เพราะข้างบนไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ไม่เป็นไร ของดีต้องรอ และความพยายามก็สำเร็จ เราจองที่นี่ได้ เย้  ช่วงเวลาที่แนะนำให้มาคือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนธันวาคม จะเป็นช่วงที่เกษตรกรเริ่มทำนา ชอบช่วงไหนมาตอนนั้นเลย ตอนเราไป เราเลือกช่วงปักดำ เพราะอยากเห็นต้นข้าวอ่อนๆ มีน้ำเล็กน้อย พอให้เป็นเงาสะท้อนกับฟ้าลางๆ 

ช่วงปักดำ : กรกฎาคม - สิงหาคม

ช่วงนาข้าวสีเขียว : กันยายน-ตุลาคม

ช่วงนาข้าวสีทอง : พฤศจิกายน-ธันวาคม

กิจกรรมของที่นี่คงเป็นการนั่งดูหมอกลอยผ่านไปผ่านมาช้าๆ เดินเล่นนาขั้นบันไดตอนเย็นๆ (ระวังไม่เหยียบนาข้าวของชาวบ้านด้วยน๊า) แล้วเตรียมกล้องถ่ายรูปให้พร้อม รอช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกที่แสงอุ่นๆ สีส้มตัดกับทุ่งนาสีเขียว รอสักพักก็จะมีอาหารใส่ปิ่นโตมาเสิร์ฟถึงห้อง พอตกดึกออกมานอนนับดาวริมระเบียงหน้าห้องนอน ซุกตัวในผ้าห่มอุ่นนอนกลิ้งไปกลิ้งมา พอเริ่มง่วงก็ย้ายเข้ามานอนมุ้งในห้องพร้อมเสียงกล่อมของจิ้งหรีดเบาๆ  หลังจากนั้นนอนหลับให้สนิท และตื่นเช้าพร้อมนาฬิกาปลุกเสียงนกจิ๊บๆ  ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า ฉะนั้นเตรียมพวกไฟฉาย ชาร์จแบตมือถือมาให้พร้อม ตอนกลางคืนจะมืดมาก และอากาศก็เย็น เราเลยรีบอาบน้ำตั้งแต่ 5 โมงแล้วก็มาจุดเทียนรอทานข้าวเย็น บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบนะ นี่คือระเบียงหน้าห้องพัก วิวงามมากๆ ทุกห้องจะสามารถมองเห็นวิวนาขั้นบันไดที่สวยงามได้เหมือนกัน ส่วนวิวหมอกที่นี่ก็งดงามไม่แพ้นาขั้นบันได มาช่วงฤดูฝนยิ่งมีโอกาสเห็นหมอกง่ายขึ้นไปอีกนะ ชมวิวเพลินๆ ริมระเบียงเสร็จแล้วก็ออกมาเดินเล่นตามคันนา เพียงแค่คืนเดียวก็รู้สึกว่าร่างกายได้เติมพลังอย่างเต็มที่ อยากให้ทุกคนได้ลองมา แล้วอาจจะหลงรักที่นี่เหมือนเรา โดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่เชื่อเก็บกระเป๋าไปนอนชิลที่นี่กันถ้าข้อมูลของเราพอจะมีประโยชน์ ฝากกดไลค์ติดตามเราที่ เพจ "พนักงานเที่ยประจำ" ด้วยน๊า  https://www.facebook.com/fulltimebackpacker/