ทริปนี้เกิดจากการที่อยากจะลองรูปแบบการเดินทางใหม่ๆ ดูบ้างที่แตกต่างจากการไปเที่ยวสวยๆ ชิลล์ๆ 

จึงเลือกการเดินทางในรูปแบบของการเดินป่า ปีนเขา ดูบ้าง แต่.....จะไปที่ไหนดีล่ะ ในเมืองไทยมีเขาต้องหลายที่ ทีแรกเล็งเขาช้างเผือกไว้ แต่ก็ต้องพับไปเนื่องจากการจองที่แสนยาก ประกอบกับล่าสุดมีนักท่องเที่ยวตกลงมา ทางอุทยานฯ จึงประกาศปิด

และด้วยการเดินทางลักษณะนี้ เป็นการเดินทางครั้งแรกของเรา จึงเลือกที่จะไป join กับทัวร์ดีที่สุด ว่าแล้วก็พิมพ์เสริชหา Treckingthai ซึ่งเค้าก็ขึ้นชื่อเรื่องการจัดทริปเดินป่าอยู่แล้ว และพอไล่ดูโปรแกรมประกอบกับตารางเวลาว่างของตัวเอง ปลายทางจุดหมายจึงเป็นที่ >>>"ผาหินกูบ"

"ผาหินกูบ" อยู่บริเวรเทือกเขาสอยดาวใต้ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ภายใต้การดูแลของหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพล ตำบลฉมัน อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 960 เมตร และต้องเดินเท้าเท่านั้น เส้นทางโหดใช้ได้ 

 

รูปแบบการเดินทาง : ไปกับทัวร์ของ Trekkingthai

ค่าใช้จ่าย : สามารถตรวจสอบราคาได้จากทางเวป Trekkingthai ซึ่งค่าทัวร์จะรวมค่ารถ, รวมค่าลูกหาบกลาง, รวมค่าอาหารทุกมื้อแล้ว

ข้อแนะนำในการขึ้นผาหิบกูบ :
- ควรเตรียมความพร้อมของร่างกายล่วงหน้า
- ข้างบนไม่สามารถกางเต้นท์ได้ ต้องเตรียมถุงนอน เปล ไปเอง
- หากไม่มีลูกหาบ ต้องแบกของขึ้นไปเอง
- ข้างบนไม่มีห้องน้ำ ไม่มีที่อาบน้ำ ต้องเข้าแบบแนบชิดธรรมชาติ ควรเตรียมทิชชู่เปียก และถุงพลาสติกไปใส่ขยะลงมาทิ้งข้างล่างด้วย
- ถ้าไปช่วงหน้าฝน จะมีโอกาสเจอทาก ควรใส่ถุงกันทาก หรือฉีดเสปรย์ป้องกัน
- ข้างบนไม่มีร้านค้าใดๆ ต้องเตรียมอาหาร ของสด ไปเอง สามารถประกอบอาหารได้
- ข้างบนไม่มีไฟฟ้า ไม่มีปลั๊กไฟ ควรเตรียมไฟฉายไปด้วย
- ไม้เท้า และถุงมือ ช่วยได้มากในการช่วยพยุงตัว และปีนป่าย เพราะทางค่อนข้างชันมากๆ และลื่น
 

* แค่เปิดใจ พร้อมรับประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนร่วมทางใหม่ๆ เรื่องราวใหม่ๆ ที่น่าประทับใจก็จะเกิดขึ้นกับคุณ *

````````````````````````````````````````

 

> เราเดินทางออกจากกทม.ประมาณ 20.30 น. มาถึงบ้านพักเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ.จันทบุรี ประมาณเที่ยงคืนพอดี บ้านพักจะมีอยู่ 2 หลัง เป็นจุดที่นักเดินทางจะมาแวะนอนพักเอาแรงกันก่อนที่จะเริ่มเดินป่าในตอนเช้า 

> บ้านพักนี้ไม่ต้องทำการโทรมาจองใดๆ หากกลุ่มใดมาถึงก่อนและบ้านว่างก็สามารถขึ้นไปนอนได้เลย หรือถ้าช่วงสัปดาห์ไหนที่มีนักเดินทางมาเยอะก็อาจจะแบ่งๆ กันนอน หรือปักเต้นท์นอนก็ได้

> ช่วงวันที่เราไป โชคดีตอนกลางคืนที่เราไปถึงมีบ้านว่างอยู่ 1 หลังพอดี คณะเราเลยได้ครองบ้านหลังนี้ไป > ภายในบ้านพักจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ จะมีแต่ห้องที่แบ่งเป็น 2 ห้อง และ 1 ห้องน้ำ นักเดินทางจะต้องนำถุงนอนมากันเอง > ตื่นเช้ามาพวกเราก็จัดแจงเตรียมอาหารเช้ากัน (อุปกรณ์ต่างๆๆ ต้องนำมาเอง) และเตรียมไว้เผื่อกลางวันเพื่อห่อขึ้นไปทานบนยอดเขาด้วย > คณะเราได้มีจ้างลูกหาบเพื่อแบกของส่วนกลางขึ้นไปด้วย (สามารถติดต่อได้ตอนโทรมาสอบถามกับเจ้าหน้าที่ฯ) 

> ส่วนของส่วนตัวแต่ละคน พวกเราแบกกันเอง เพราะฉะนั้น แนะนำว่าหากตอนมาไม่มีลูกหาบ หรือลูกหาบไม่พอ ควรนำของขึ้นไปแค่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น 

> ข้างบนไม่มีปลั๊กไฟ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีที่กางเต้นท์ เพราะฉะนั้นต้องเตรียมน้ำดื่ม ไฟฉาย ทิชชู่เปียก ถุงนอน ถุงพลาสติกใส่เศษขยะและทิชชู่ลงกลับมาทิ้งข้างล่างด้วยน้ะจ้ะ > เมื่อจัดแจงเตรียมของ เตรียมเสบียงพร้อม กระเป๋าพร้อม การพร้อม ใจพร้อม เราก็เริ่มออกเดินป่ากันเลยยยย > มีป้ายบอกถึงวิธีการปฏิบัติตัวเมื่อพบช้างป่า แต่ตอนที่พวกเราเดินก็ไม่เจอนะ > จุด Start ! 
> คณะเราเริ่มออกเดินเวลา 8:30 น. เป็นกลุ่มแรก เพื่อจะได้รีบขึ้นไปจับจองพื้นที่ทองใต้หลังคาหน้าผา > ช่วงเริ่มต้น สองข้างทางจะมีต้นระกำอยู่มากมาย ควรระมัดระวัง > ความชันที่ต้องเจอตลอดทาง 7-8 กม. > บางคนรู้ตัวทันน้องทาก ก็ยังพอดีดทัน > แต่บางคนไม่ทันจะรู้ตัว ก็โดนเจาะยิงไปหลายนัด > ระหว่างทางมีสัตว์โลกให้ได้เห็นประปรายรายทาง > กลมกลืน
> ป่าเส้นนี้มีครบทุกรสชาติทั้ง บุกป่า ผ่านธารน้ำ ปีนป่าย ไต่เขา และลอดถ้ำ > เมื่อเดินมาถึงหินแปดเหลี่ยม นั่นหมายความว่าคุณมาได้ครึ่งทางแล้ว > ที่จุดพักหินแปดเหลี่ยมนี้ จะมีจุดให้ได้เติมน้ำธรรมชาติกันด้วย และจะมีอีกทีหนึ่งจุดที่ยอดเขาเลย > เส้นทางเดินป่านี้บอกเลยค่อนข้างโหด สำหรับนักเดินป่ามือใหม่และครั้งแรกแบบเรา นี่ขนาดฟิตร่างกายมาบ้างแล้วแรมเดือนนะ ยังต้องหยุดพักเกือบทุก 15 นาที

> เย้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ในที่สุด ณ เวลา 13:20 เราก็ขึ้นมาถึงยอดเขาจนได้ (ใช้เวลาเดินป่าประมาณ 5-6 ชม.)

> โอ้วววววววววววว กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า บอกเลยว่าความเหนื่อยที่เพิ่งสัมผัสมาเมื่อนาทีที่แล้ว มันว้าาาาาป ไปปลิดทิ้ง สายลมที่พัดมากระทบแก้ม ทำให้หยดเหงื่อหายสิ้น ทัศนียภาพที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีขอบเขตจำกัด มันช่างงดงามเหลือเกิน > ฟ้าใส เมฆสวย ต้นไม้ครึ้ม ลมพัดเย็น มีเงินแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้ ถ้าไม่ได้ขึ้นมาเสพด้วยตัวเอง > เมื่อจัดการกับอาหารกลางวันกับบรรยากาศตรงหน้าเสร็จกันเรียบร้อยแล้ว บ้างก็ขอพักเอนกายเพื่อพักสายตา และความเหนื่อยล้าของขาและน่อง 

> และนี่ก็คือที่นอน mountain front view 5 ดาวของพวกเราในคืนนี้ > บ้างก็อดไม่ไหวที่จะต้องหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาเก็บบันทึกภาพอันงดงามตรงหน้านี้ไว้ > ส่วนฉันขอทอดกายลง และฟังเสียงสกุณา ล้อลมหวลสักครู่ > พอเวลาประมาณ 16:00 น. พี่เจ้าหน้าที่จะเดินมาชวนพวกเราและนักเดินทางคนอื่นๆ ไปชมวิวที่ "หินกูบ" (กูบ มาจากคำเรียกลักษณะหลังช้าง) > วิวบนหินกูบ > สุดจะบรรยาย > สูดอากาศให้เต็มปอด ให้ภูเขาโอบกอดเราไว้

> เมื่อเต็มอิ่มกับ "หินกูบ" แล้ว พี่เจ้าหน้าที่ก็เชื้อเชิญเราให้ไปชมวิวอีกจุดหนึ่ง นั่นคือ "ผาหมี" คือก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนหมีนอนหมอบอยู่

> เมฆฝนเริ่มมา พวกเราจึงรีบปีนผาหมีลงกลับไปยังฐานที่พักของเราเพื่อทานมื้อเย็นกัน

> ข้างบนนี้สามารถประกอบอาหารได้ มื้อนี้ถึงแม้ไม่มีซูชิ ไม่มีซีฟู้ด ไม่มีสเต๊ค มีแต่อาหารธรรมดาๆ ง่ายๆ แต่มันอร่อยล้ำสุดบรรยายจริงๆ > ล้อมวง พูดคุย > ล้อมวง ร่วมทาน > เมื่อสุริยาลาลับขอบฟ้า และครอบคลุมด้วยกลุ่มเมฆา พวกเราได้แต่ภาวนาขอให้สายลมช่วยพัดพาไป 

>.......แต่แล้วคืนนั้นก็ไม่พลาด นอนอาบฝนชุ่มถุงนอนกันปาาาาาย > 05:30 ด้วยน้ำฝนที่ชุ่มฉ่ำทั้งคืน ทำให้เราต้องรีบตื่นโดยไม่ตั้งใจ และทันได้รับแสงแรกของวันใหม่ > มื้อเช้าร้อนๆ > หลังจากเรียบร้อยจากมื้อเช้า และเก็บสัมภาระกันแล้ว พวกเราก็ขอมาเก็บภาพความประทับใจกันอีกสักหน่อยก่อนที่จะไถล สไลด์ลงเขากัน

> เราเริ่มลงจากผาเวลาประมาณ 9 โมง ลงมาถึงข้างล่างตรงจุดบ้านพักเจ้าหน้าที่ ที่เรานอนเมื่อคืนก็ประมาณเที่ยงพอดี (ขาลงจะเร็วกว่าตอนขึ้น แต่ก็จิกพื้นจนปลายเท้าแทบจะทะลุรองเท้าเมือนกัน)

> คณะเราขึ้นรถมาอาบน้ำ และทานกลางวันกันที่ร้านธารน้ำใส ซึ่งห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าบ้านทุ่งเพลประมาณ 15 นาที

> ที่นี่จะมีลำธารเล็กๆ ภายในร้าน ซึ่งใครอยากจะลงเล่นก็สามารถลงเล่นได้ เพราะเค้าจะมีห้องอาบน้ำให้ด้วย > เมื่ออาบน้ำให้สบายกายกันแล้ว นั่งพูดคุยกันสักพัก อาหารกลางวันของพวกเราก็มา กินสิครัช รออัลไล > พวกเราเดินทางกลับและแวะทานข้าวเย็นกันที่บ้าานบึง ชลบุรี และมุ่งหน้าสู่กทม. ถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มด้วยความสวัสดิภาพพร้อมกับความประทับใจมิรู้ลืม

: New friendship, new experience, and new exotic travelling pattern, will make your trip incredible and awesome. :