Balloon Fiesta สิงห์ปาร์คเชียงราย กับหัวใจที่พองโต

 

สวัสดีครับ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาทางตากล้องท่องเที่ยวได้มีโอกาสไปเก็บภาพในงาน Singha Park International Ballon Fiesta 2016 ที่จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 10-14 กุมภาพพันธ์ 2516 เป็นเทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในอาเซี่ยนที่ สิงห์ปาร์คเชียงราย ซึ่งก่อนวันเดินทางต้องบอกว่าแทบจะนอนไม่หลับกันเลยทีเดียวครับ เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมที่จะได้มีโอกาสไปยืนแหงนหน้ามองบอลลูนใบใหญ่ แบบใกล้ๆจริงๆซะที ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กที่อยากจะขึ้นไปอยู่บนนั้น ถึงแม้ว่าคราวนี้จะไม่ได้ขึ้นบอลลูนจริงๆ แต่ก็ถือว่าเข้าใกล้ความฝันมากที่สุดแล้วในชีวิตนี้ ทริปนี้ต้องขอบอกว่าเป็นทริปในฝันอีกทริปนึ่งของผมเลยก็ว่าได้

เช้ามืดวันเสาร์ที่อากาศสดใส ตื่นพร้อมกับไก่โห่ ว่าแต่…กทม.จะมีไก่ที่ไหนมาขันปลุกให้เราตื่นกันละนี่…จริงๆแล้วก็ตกใจตื่นเสียงนาฬิกาปลุกของตัวเองนี่แหละครับ ฮ่าๆๆ เสียงนาฬิกาก็เสียงดังเหลือเกิน เพราะเอาไว้ใกล้หูมากๆ กลัวจะไม่ตื่นแล้วพลาดทริปสำคัญแบบนี้ เมื่อรู้สึกตัวแล้วงานยากอีกอย่างของมนุษย์เงินอย่างผมที่ยังไม่ชินเลยซักที…นั่นคือ…ฝืนแรงโน้มถ่วงของโลกในยามเช้าแล้วพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง…เหมือนกับที่เขาว่ากันว่า ข่มตาหลับว่ายากแล้ว…แต่ฝืนตาตื่นนั้นยากกว่าจริงๆครับ ฮ่าๆๆ หลังจากที่ผมจัดการชีวิตในช่วงเช้าเสร็จแล้วก็แบกกระเป๋าสะพายเป้มาโบกแทกซี่หน้าหมู่บ้านราวๆหกโมงเช้าใช้เวลาจากบ้านถึงสนามบินสุวรรณภูมิไม่เกิน30นาที เมื่อถึงสนามบินแล้วก็รอเข้าคิวเช็คอินตั๋วที่สายการบินแห่งรอยยิ้ม ไทยสมายล์ สายการบินในเครือการบินไทย แต่ก่อนที่จะเริ่มเทคออฟก็ราวๆแปดโมงครึ่ง เลทจากเวลาเดิมนิดหน่อยเนื่องจากมาขึ้นที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งปกติก็มีทราฟฟิกของค่อนข้างหนาแน่นอยู่แล้ว ในขณะที่เครื่องวิ่งไปตามรันเวย์เพื่อทำการเทคออฟ ผมมองลอดหน้าต่างเห็นเครื่องบินค่อยๆวิ่งตามหลังกันมาอย่างช้าๆเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนกัน ผมพึ่งรู้ว่าเครื่องบินก็ติดเป็นกะเขาเหมือนกันแฮะ ฮ่าๆๆ

ใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมง 10 นาที ก็ถึงสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงรายราวๆ 09.45 แล้วครับ

หลังจากลงเครื่องเรียบร้อยแล้วท้องก็เริ่มตะโกนส่งเสียงร้องจ๊อกๆบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าหิวแล้ว เลยต้องหาที่แวะเติมพลังงานตามใจเจ้าพุงน้อยๆกันก่อนเดี๋ยวจะงอแงไม่ยอมทานอะไรกลายเป็นโรคกระเพาะทีหลังจะลำบากมากกว่านี้ เลยถามสาวคนสวยในพื้นที่เขาก็แนะนำร้าน “ชีวิตธรรมดา” ให้มาลองลิ้มชิมอาหารผสานบรรยากาศที่ดูร่มรื่นริมแม่น้ำกก อารมณ์เหมือนกับทานข้าวชิลๆในสวนหลังบ้าน ซึ่งพอเข้ามาในร้านแล้วต้องบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆครับ กับบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้าน

ร้านชีวิตธรรมดา เป็นบ้านโทนสีขาว ที่ตกแต่งสไตล์ยุโรป บรรยากาศร่มรื่นสบายๆ มีอาหาร เครื่องดื่มแบบต่างๆ เค้กอร่อยๆ มากมาย และยังมีสปาด้วยนะครับ ซึ่งถ้าใครสนใจอยากลองไปแวะชมแวะชิมก็ลองถามอากู๋แกดูนะครับ มีคนทำรีวิวให้อ่านเยอะมากๆเลยครับ ผมว่าบางทีเราก็มีความสุขได้ด้วยการใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆ ในบ้านที่ร่มรื่นและอบอุ่นไปด้วยความรักของคนในบ้านจริงไหมละครับ

เมื่อกักตุนพลังงานเต็มเปี่ยม จนพุงกางแล้วก็ออกเดินทางมาเช็คอินที่ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท เชียงราย สำหรับพักผ่อนในค่ำคืนนี้

ภาพด้านหน้าทางเข้าโรงแรม ดูอลังดีเหมือนกันนะครับเนี่ย

เมื่อสบายใจได้แล้วว่าคืนนี้ไม่ได้นอนตากน้ำค้างแน่แล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ สิงห์ปาร์ค (ไร่บุญรอด) จุดหมายของเราในทริปนี้ ราวๆบ่ายสองโมงก็มาถึงซึ่งด้านหน้าจะเห็นเนินหญ้าสีเขียวและมีรูปปั้นสิงห์ยักษ์ยืนเด่นตระหง่านสะท้อนแสงพระอาทิตย์เป็นสีทองอร่าม รอต้อนรับและทักทายผู้มาเยือน ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คสำหรับถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกัน ถือว่าจุดนี้ได้รับความสนใจอย่างมากมายเลยทีเดียว ถ้ามาแล้วไม่ถ่ายภาพนี้เก็บไว้ก็เหมือนยังมาไม่ถึงนะครับ

ใกล้ๆกันจะมีแปลงดอกไม้(เปลี่ยนไปตามฤดูกาล)ชูช่อล้อแสงอวดสีสันเย้ายวนแด่ผู้มาเยือน ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่ต้องแวะถ่ายภาพกันก่อนเข้าไปภายในไร่ แม้แสงแดดจะจัดจ้านเพียงใด แต่สาวๆก็ยังสวมหัวใจสิงห์โพสท่าท้าทายพระอาทิตย์กันอย่างอารมณ์ดี หาได้เกรงกลัวแสงแดดไม่

นั่งรถตรงเข้ามาเรื่อยๆก็จะเจอจุดชมวิวที่สวยที่สุดภายในไร่แห่งนี้ กับวิวแบบพาโนราม่า 360องศา จุดนี้จะมีร้านอาหารภูภิรมย์(เปิด11.00-22.00น.)ไว้คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ก่อนเที่ยวชมไร่ก็แวะมาเติมพลังงานกันก่อนที่นี่ได้เลยครับพร้อมกับยังมีที่จอดรถไว้บริการด้วยน๊า สะดวกสบายมากๆเลย

ด้านหน้าร้านจะเป็นไร่ชาแบบขั้นบันโดยจะมีระเบียงยื่นเข้าไปในไร่ชา สามารถเข้าไปยืนถ่ายรูปสวยๆได้เลยจร้า ซึ่งวิวด้านหน้าเป็นไร่ชาและบึง100ไร่ ด้านซ้ายมือจะเป็นทุ่งดอกคอสมอสสีสันสดสวย และด้านขวามือมองเห็นไรชาเป็นเส้นโค้ง สีเขียวลดหลั่นลงไปจนถึงริมบึง มองแล้วช่างสวยสบายตาดีจริงๆครับ

นอกจากนี้แล้วโดยรอบๆก็จะมีต้น ดอกเหลืองเชียงราย ที่กำลังออกดอกสีเหลืองอร่ามทั้งต้น สวยงามมากๆครับ เรียกได้ว่า ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็มีแต่มุมสวยสวยๆจริงๆครับ

พักดื่มชาเย็นๆ รับลมชมวิวสวยๆ เสร็จแล้ว ประมาณบ่ายสองครึ่งก็ออกไปสำรวจภายในบริเวณจัดงาน โดยนั่งรถออกจากร้านภูภิรมย์ตรงมาเรื่อยๆไม่ไกลมากนัก จุดแรกจะมีหอคอยสำหรับเล่น Zip line อยู่ซ้ายมือ

ขึ้นมาส่องวิวงามๆจากด้านบนกันซะหน่อย มองลงมาก็จะเห็นบ้านแดง และถัดไปจะเป็นพื้นที่จัดงาน ลานเบียร์ ซุ้มดอกไม้รูปหัวใจ และซุ้มไฟรูปหัวใจอยู่ข้างๆทะเลสาบ ไว้ต้อนรับค่ำคืนแห่งความรักที่กำลังจะถึงนี้ ไม่อยากคิดเลยว่า คืนนี้จะสวยงามแค่ไหน

ซุ้มรูปหัวใจที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สีสวยนานาชนิด ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาถ่ายรูปแบบกดชัตเตอร์รัวๆกันเลยทีเดียวครับ ณ ตรงจุดนี้ ราวๆเกือบบ่ายสี่โมงเย็น นักท่องเที่ยวต่างก็ทยอยกันเข้ามารอในงานกันเริ่มหนาตามากแล้ว

งานจะเริ่มช่วงประมาณ16.00 น. ครับ ช่วงก่อนเริ่มงานผมเลยตะเวนสำรวจพื้นที่และเก็บภาพตามจุดต่างๆ และหามุมถ่ายภาพสวยๆสำหรับคืนนี้ก่อนครับ

มุมนี้เขาเรียกว่าอะไรไม่รู้ แต่ผมขอเรียกว่ามุมใจประสานใจละกันครับ นี่…มาเที่ยวซะที ตั้งชื่อให้ซะเลย ซึ่งตอนเย็นๆจะมีไฟLEDสว่างขึ้นมาเป็นรูปหัวใจด้วยครับ

ซุ้มไฟLED รูปหัวใจ ขนาดไฟยังไม่เปิดยังสวยเลย ถ้าเปิดไฟจะสวยขนาดไหน

ซุ้ม Balloon Playground ไว้สำหรับให้น้องๆหนูๆเข้าไปเล่น ใครอยากจะรู้ว่าข้างในบอลลูนเป็นยังไง ก็เข้าไปดูได้เลย หาที่ไหนได้ ที่จะได้เข้าไปในบอลลูนจริงๆแบบนี้ ผมนี่อยากจะเข้าไปแย่งเด็กเล่นกันเลยจริงๆครับ อิอิ

งานนี้ใจดีมากๆ สำหรับใครที่มีโดรนติดกล้องสำหรับบินเก็บภาพมุมสูง ก็สามารถนำโดนคู่ใจไปลงทะเบียนกันก่อนและสามารถบินเก็บภาพมุมสูงตลอดงานได้เลย

สาวสวยพริตตี้ พิธีกร ก็มาร่วมสร้างสีสัน ความสนุกให้กับงานกันอย่างคับคั่งกันเลยทีเดียว แต่ละคนสวยๆน่ารักๆ ท้างน้าน โอ้ยยย…มืออ่อน ใจสั่น กดชัตเตอร์แทบไม่ลง ภาพอาจจะเบลอๆ แต่ความรักที่มีให้เธอนั้นชัดเจน..นะจ๊ะ อิอิ

ตรงบริเวณลานเบียร์ก็จะมีซุ้มอาหารมากมายน่ากินทั้งนั้นเลย ถ่ายไป น้ำลายไหลไป ท้องก็ร้องไปด้วย ทรมานนะครับเนี่ย

และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมและทุกคนรอคอยซึ่งเป็นช่วงไฮไลท์ของงานคืนนี้อีกช่วงหนึ่งครับ นั่นก็คือการปล่อยบอลลูนตรงบริเวณริมทะเลสาบด้านหน้าครับ ใครที่อยากเห็นและอยากถ่ายภาพบอลลูนตอนลอยขึ้นท้องฟ้าแบบใกล้ๆชัดๆต้องช่วงนี้เท่านั้นครับคือตั้งแต่เวลา 16.30-17.30 น. โดยปีนี้พิเศษสุดเพราะมีการแข่งขันโยนลูกบอลจากบอลลูนให้ลงในกะละมังที่อยู่กลางทะเลสาบครับ และก็จะมีการเก็บธงเพื่อชิงเงินรางวัล 1หมื่นบาทสะสมไปทุกๆวันจนจบงานด้วยนะครับ ความยากและความสนุกอยู่ตรงการบังคับลูกบอลลูนกับทิศทางลมเนี่ยแหละครับ เพราะฉะนั้นการหาจุดปล่อยบอลลูนก็ต้องดูทิศทางลมให้ดีด้วยครับ โดยในงานนี้มีสองนักบินคนเก่งชาวไทย คือคุณ รพี กรโกสียกาจ และคุณชาย สุวัตถี ได้ร่วมบินในครั้งนี้ด้วย

“บอลลูนจะพองโตและลอยขึ้นสู่ฟ้าได้ ก็ต้องใช้แก็สหล่อเลี้ยงข้างในให้เต็มก่อน หัวใจก็เช่นกัน มันจะพองโตและสวยงามได้ก็ต้องอาศัยความรักที่คอยเติมเต็มซึ่งกันและกันตลอดเวลา”

ในช่วงเตรียมตัวก่อนลอยขึ้นฟ้าผู้ชมก็ต่างหยิบมือถือกล้องถ่ายรูปของตัวเองขึ้นมาเลือกบอลลูนใบที่ชอบกับมุมที่ใช่เก็บภาพอย่างใกล้ชิดแบบแทบจะติดขอบกระเช้ากันเลยทีเดียวครับ โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆที่ไหนอีกแล้ว ใครที่พลาดปีนี้น่าเสียดายมากๆครับ แต่ไม่เป็นไรปีหน้าเตรียมตัวไว้เลยน๊า

บรรยากาศการแข่งขันโยนลูกบอลให้ลงตรงกะละมังกลางทะเลสาบ คนเล่นก็ลุ้น คนดูก็ลุ้น ตื่นเต้นกันทั้งงานเลยครับขอบอก

บอลลูนมากมายกว่า 30ลูก จาก14ประเทศ ค่อยๆพองโตเบียดเสียดกันขึ้นราวกับดอกเห็ดหลากสีสัน แลดูอบอุ่นครื้นเครงดีจริงๆ ช่างเป็นภาพที่ตื่นตาและหาดูได้ยากจริงๆว่าไหมละครับ

ภาพมุมสูงในขณะที่บอลลูนทะยอยลอยอวดสายตาผู้ชมอยู่ด้านล่างต่างโบกมือทักทายและถ่ายภาพกันอย่างจุใจ ผมเห็นน้องๆหนูๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ ใบหน้าแลดูเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่ได้เห็นบอลลูนรูปการ์ตูนใบใหญ่ลอยผ่านหน้าตัวเองแบบใกล้ๆเช่นนี้

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็มักจะสั้นเสมอ หนึ่งชั่วโมงที่แหงนมองอย่างมีความสุขก็ผ่านไป ประมาณ 17.30 น. บอลลูนก็เริ่มทยอยลดระดับ หาจุดลงจอดที่ปลอดภัยที่สุดใกล้ๆบริเวณงาน ผู้คนต่างให้ความสนใจและสงสัย ว่าเขาลงจอดกันยังไง พากันวิ่งตามไปดูการทำงานของนักบินบอลลูนมืออาชีพระดับโลกตอนลงจอดแบบใกล้ๆกันเลยครับ

ดวงอาทิตย์เริ่มอัสดงลงมาอยู่ในระดับเดียวกันกับบอลลูนที่กำลังลงจอด ท่ามกลางบรรยากาศภายในสิงห์ปาร์คแห่งนี้ มันช่างดงามจริงๆครับ เห็นแล้วก็หายเหนื่อยจากการวิ่งไปมาเก็บภาพมุมนั้นมุมนี้เลยครับ

หลังจากบอลลูนลงจอดหมดแล้วผมก็เดินกลับมาเติมพลังที่บริเวณซุ้มอาหาร หาอะไรทานอร่อยๆกันก่อน

พอแสงอาทิตย์ค่อยๆเลือนไปแสงไฟก็เข้ามาทำหน้าที่แทน ให้ทั้งความสว่างและความสวยงามไปพร้อมๆกัน

“ในค่ำคืนที่มืดมิดและชีวิตไร้จุดหมาย ความรักอาจจะเป็นแสงสุดท้ายที่จะคอยนำทางให้เราผ่านพ้นมันไปได้”

เอ๊า!!! จัดทางวางท่าให้ดูดี อย่ารีรอ กดชัตเตอร์รัวๆกันไปเลยครับ ค่ำคืนในช่วงวันแห่งความรักกับบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกแบบนี้ ไม่ว่าหนุ่มสาว คู่รัก หรือแม้แต่ชายโสดอย่างผมก็ต่างหามุมสวยๆเก็บภาพกันให้หน่ำใจไปเลยยยย

ถึงแม้ว่าบางทีความสุขนั้นมักจะสั้นไปหน่อย แต่มันก็เริ่มขึ้นใหม่ได้เสมอ หากผู้ให้ไม่หยุดที่จะให้ใช่ไหมครับ เช่นกันกับคืนนี้ ความสุขรอบสองผมได้เริ่มขึ้นใหม่อีกที ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 – 20.30 น. นั่นก็คือ การแสดงโชว์บอลลูนพร้อม แสง สี เสียง ที่มีชื่อว่า Balloon Magic Night Glow กว่า 25 ลูก บริเวณริมทะเลสาบ อลังการงานสร้าง แจ่มจรัสจริงๆครับ คนนับหมื่นต่างยกมือถือ กล้องถ่ายรูป กดชัตเตอร์รัวๆ เก็บภาพประทับใจกันแบบแทบไม่ยอมลดมือลงกันเลยครับ และภาพที่เห็นผมแทบจะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก พูดได้คำเดียวว่า สวยและคุ้มค่ามากกับการมาในครั้งนี้จริงๆ

เงาสะท้อนเมื่อมองจากริมน้ำอีกฝั่งหนึ่ง ราวกับพับกระดาษแล้วหยดสีน้ำหลากสีไปตามรอยพับตรงกลาง พับลงรีดให้เรียบ แล้วกางออก ว่าไหมครับ ฮ่าๆๆ

บางช่วงที่พิธีกรภายในงาน นับถอยหลัง เพื่อให้บอลลูนปล่อยไฟฟรึ่มๆ พร้อมๆกัน ทำให้เห็นภาพบอลลูนเรืองแสงพร้อมกันสีสันสวยงาม สว่างไสวไปทั่วงานเลยครับ อลังมากๆจังหวะนี้

ภาพมุมสูงจากโดรนครับ

สองทุ่มครึ่งการแสดงแสงสีเสียงก็จบลงแต่ความประทับใจก็ยังคงอยู่ แต่ตอนนี้ท้องชักเริ่มหิวอีกแล้วเลยเดินหาอะไรอร่อยๆทาน พร้อมกับนั่งดู concert ของศิลปินชื่อดังมากมาย โดยในคืนนี้จะได้พบกับ The Old School Show: ตุ๊ก วิยะดา,แอม เสาวลักษณ์,กบ ทรงสิทธิ์,อุ้ย ระวิวรรณ โดยปิดท้ายด้วยศิลปินในดวงใจครับกับพี่ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย ฟังเพลงเพราะๆ กับบรรยาศเย็นๆแบบนี้ ฟินอย่างที่สุดครับ

นั่งฟังนั่งฟินกันจนถึงสี่ทุ่มกว่าๆ ได้เวลากลับไปพักผ่อนแล้ว สำหรับค่ำคืนนี้เป็นคืนที่แสนวิเศษมากๆสำหรับผมอีกคืนหนึ่งเลยครับ

กลับมาถึงโรงแรมดุสิตฯ ประมาณเกือบๆห้าทุ่ม สำรวจภายในโรงแรมกันซะหน่อยซึ่งสภาพภายในห้องถึงจะดูเก่าไปหน่อยครับแต่ก็สะอาดสะอ้านดี แต่ก็มีงงๆกับแผงควบคุมไฟภายในห้องนิดหน่อย โทรไปสอบถามการใช้งานเขาก็ส่งเจ้าหน้าที่บริการขึ้นมาเปิดให้เลยครับ บริการดีมากๆ ขอชมเชยครับ พออาบน้ำเสร็จแล้วหัวถึงหมอนก็หลับทันทีจากความเหนื่อยล้ามาทั้งวันครับ ประกอบได้นอนบนเตียงนุ่มๆ กับอากาศเย็นๆ แบบนี้หลับสบายเลยครับ

เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ได้เวลาตื่นและรีบลงไปถ่ายภาพบรรยากาศช่วงเช้าด้านหลังโรงแรม ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกก ทางโรงแรมประดับประดาจัดสวนด้วยดอกไม้หลายหลายชนิดได้อย่างสวยงามบรรยากาศดีมากๆเลยครับ เดินถ่ายภาพจนพอใจแล้วก็กลับมาทานอาหารเช้า ซึ่งทางโรงแรมได้จัดเตรียมอาหารไว้อย่างครบครันทั้งอาหารคาวหวาน สลัด ผลไม้ เครื่องดื่มต่างๆ มากมายเลยทีเดียวครับ หน้าตาน่าทานทั้งนั้นเลย อยากจะชิมจนครบแต่คงไม่ไหวเลยจัดไปสี่ห้าอย่าง นั่งทานอยู่โซนด้านนอกติดกับริมแม่น้ำกกติดกับสวนดอกไม้ เช้านี้ฟินอีกแล้วครับท่าน

จริงๆแล้ววันนี้ภายในงานที่สิงห์ปาร์คจะมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญนั่นก็คือกิจกรรม Balloon Love การจดทะเบียนสมรสบนบอลลูนถึง 20 คู่รักพร้อมขึ้นบอลลูนไปบอกรักกันบนฟ้า แต่เนื่องจากต้องกลับตามเที่ยวบินที่จองไว้เลยอดไปเก็บภาพบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกแบบนั้นไว้ น่าเสียดายมากๆครับ

นอกจากนั้นแล้วในงานนี้ยังมีการประกวดภาพถ่ายของตัวเองกับกิจกรรมการประกวดภาพถ่าย Singha Park InternationalBalloon Fiesta Photo Contest 2016 เพราะผู้ชนะจะได้รับสิทธิแสดงภาพไกลถึง Time Square New York เลยทีเดียว ใครที่สนใจส่งภาพเข้าประกวดสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  http://on.fb.me/1R8bi15  กันเลยครับ ไม่แน่ผลงานของคุณอาจเข้าตาโดนใจกรรมการก็เป็นได้นะครับ

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้วก็กลับขึ้นมาเก็บกระเป๋า เช็คเอ้าท์ประมาณ 9.30 น. และเดินทางถึงสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวงประมาณ 10.00 น. เช็คอินตั๋วกับสายการบินไทยสมายล์ 11โมงนิดๆ และเดินกลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างสวัสดิภาพปลอดภัย เวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆครับ ใช้เวลาบินกลับทั้งสิ้น 1ชั่วโมง 10นาทีโดยประมาณครับ

การเดินทางในทริปนี้ของผมแม้จะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆ คือไปเช้าวันเสาร์กลับวันอาทิตย์ตอนบ่ายแต่ก็เป็นทริปที่ผมประทับใจมากที่สุดครับ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในไร่สิงห์ปาร์คแห่งนี้หัวใจผมรู้สึกพองโตเพราะเสพความสุขจากงานนี้แบบเต็มๆตลอดทั้งวัน งานนี้เขาจัดได้อย่างยิ่งใหญ่ สถานที่ก็สวยงาม อีกทั้งยังเป็นการได้เห็นบอลลูนจริงๆครั้งแรกในชีวิตของผมเลย ปีหน้าจัดอีกทีงานนี้ไม่พลาดแน่ๆครับ และในทริปนี้ผมขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้

ขอบคุณทุกๆท่านที่ทนติดตามอ่านจนมาถึงบรรทัดนี้ ฝากติดตามผลงานและให้กำลังใจในเพจ “ตากล้อง ท่องเที่ยว” ในทริปต่อๆไปด้วยนะครับ หากผิดพลาดประการใดผมก็ยินดีน้อมรับและขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ และท้ายที่สุดขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนให้เกิดทริปดีๆแบบนี้ด้วยนะครับ

เว็บไซต์ : http://www.taklongtongteaw.com
เฟสบุ๊ค  : https://www.facebook.com/SnapshortNotes