"ลมพ๊าดดด...ตึ่ง...จากภูกระดึง เขตเมี๊ยงงงเลย"
เป็นเสียงเพลงที่ญาติพี่น้องร้องเล่นกันอย่างสนุกสนานในคืนสุดท้ายของปี
มาสะดุดก็ท่อนนี้แหละ ภูกระดึง มันตรึงใจเลย เอาวะ ทริปแรกของปี ขึ้นภูหน่อยละกัน
.....................

...หัวลำโพงเป็นจุดเริ่มต้นทริปของใครหลายๆคน กับรถไฟฟรี ขบวนที่ 133 ต้นทางกรุงเทพ ปลายทางหนองคาย
...กว่ารถไฟจะออกก็ 2ทุ่ม 45นาที ยังไงล่ะ มาถึง 6โมง อย่างรีบ ไม่ใช่อะไร คือตื่นเต้นเว้ย ไม่เคยไปที่ไหน แล้วผ่านบ้านตัวเองแบบนี้มาก่อน แต่ที่นี่มีอะไรให้ดูเยอะแยะ ทีวีจอใหญ่ๆมีนะ แต่ไม่ดูไง ชอบดูของจริง ดูฝรั่งดีกว่า 5555 หัวเราะแบบร้ายกาจ
...ถึงเวลาก็ไปที่รถไฟ เอ้อ..อากาศร้อนจริงๆ แต่พอรถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ ผ่านอยุธยาเท่านั้นแหละ รู้เรื่อง ทั้งหู ทั้งหน้า แข่งกันชา(ไม่ใช่กัญชา) ไม่เกรงใจกันบ้างเลย
...ถึงอากาศจะหนาวเท่าไร แต่รถไฟไทยสายวินเทจที่ฝรั่งชอบถามว่ามันวิ่งได้จริงหรอ ขบวนนี้ ไม่เคยขาดความอบอุ่น พี่ป้าน้าอา ที่ไม่เคยรู้จักกัน กลับคุยกันอย่างกับบ้านอยู่ติดกัน บันเทิงดี เอาบ้างดีกว่า ส่งยิ้มหวานๆให้กับผู้หญิงหวานๆที่นั่งฝั่งตรงข้าม เฮ้ยๆๆๆ เขายิ้มกลับมาด้วยเว้ย นี่มัน...ยิ้มมายิ้มกลับ ไม่โกง นี่หว่า เขาคงแอบด่าในใจว่า เชรี่ยนี่บ้าป่ะวะ ชัวร์เลย
...หลับๆ ตื่นๆ สะดุ้งเตะสาวน้อยฝั่งตรงข้ามอยู่หลายที (จนเขาคิดว่าเป็นบ้าจริงๆแล้วมั้ง) ก็มาโผล่ที่เมืองขอนแก่น และอาหารสายพานประจำแถวนี้ คงหนีไม่พ้น ไก่ย่างเขาสวนกวาง เป็นไก่ 3 สายเลือด เนื้อมันจะคล้ายๆไก่บ้าน ลองแล้วจะติดใจ รอบแรกที่ขึ้นมาตัวละ 120 รอบสอง 60 ขนาดตัวต่างกันนิดเดียว ถ้าใครมาอย่าพลาดเชียว
...8 โมงหน่อยๆ ก็มาถึงปลางทางที่ต้องลง สถานีรถไฟอุดรธานี แล้วรู้อะไรมั้ย การขับถ่ายในช่วงเวลา ตี 4 - 7 โมง เป็นเวลาที่ดีที่สุด แต่วันนี้เลทไปชั่วโมงนึง โอ้ยๆ...จะออกแล้ว ตาลุงคนขับรถสกายแลปก็เดินมาหา แล้วอาสาพาไปส่งเว้ย "จักคราวลุง ขอเวลานอกจักหน่อย" แต่ลุงโคตรใจดีเลย ใจดีไม่เกรงใจ ลำใส้ตรงบ้างเล้ย "ไปเข้าปั๊มข้างหน้า สะอาดกว่าเด้อ" เอาที่ลุงสบายใจเลย ไปก็ไป
...mission complete เดินทางต่อได้ บขส.2 แมร่งอยู่ไกลมากๆ มากถึงมากที่สุด พอถึง บขส. ไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินดุ่ยๆไปขึ้นรถคันส้มๆ ข้างๆรถเขียนว่า อุดร-เมืองเลย นั่นแหละ คันนั้นแหละ ไปเลย
...นี่มันรถหวานเย็นนี่หว่า ดูในแผนที่รู้สึกจะไม่ไกลเท่าไรนะ แต่ใช้เวลาไปกลายๆ 4 ชั่วโมง ตัดภาพไปที่หิวมาก และก็ตัดกลับมาที่ บขส.เลย การที่จะไปเชียงคานเนี่ยนะ ต้องขึ้นรถสองแถวหกล้อไป ถามว่าได้นั่งมั้ย อย่าถาม..เกือบตกรถ 55555


...เริ่มจากตรงที่โง่ๆนี่แหละ ซอย 20 ตรงนี้จะเป็นทางเดินเรียบแม่น้ำโขงไปเรื่อยๆ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นฝั่งประเทศลาว บรรยากาศจัดว่าดี ชนะเลิศ แต่ถ้าถามว่าสัมผัสวิถีชีวิตมั้ย ตอบเลยว่าไม่ คือมีแต่คนกรุงเทพ กับจังหวัดอื่นไง คนพื้นเมืองไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ เฉพาะบริเวณนี้นะ
...อันนี้เป็นร้านอาหารริมโขง ถ้าได้นั่งตรงนี้ แล้วดินเนอร์ใต้แสงเทียนอุ่นๆ กับคนรู้ใจ 2 คน คงจะดีกว่านี้ถ้ารีบตื่นจากฝันแล้วเดินต่อ
...นี่ๆ อันนี้เด็ด ชอบอันนี้สุดละ สังเกตุที่หน้าต่าง มีการเล่นระดับด้วย เดาว่าตรงบริเวณหน้าต่างต่ำ อาจจะเป็นที่นั่งพื้น อีกอันคงนั่งเก้าอี้ มั้ง 5555+ ดูเอฟเฟ็ค ของระแนงที่ห้อยๆตรงกระจกดิ ดูดีอะ แล้วอาคารยังยอมให้ธรรมชาติเข้ามาเกาะเพื่อเป็นฉนวนด้วย เจ๋งๆๆ

...มาเปลี่ยนบรรยากาศ เดินฝั่งถนนคนเดินบ้างดีกว่า ถ้าเก้าอี้สองตัวในบ้าน มันฉันกับเธอนั่งกุมมือกัน คงจะดีกว่านี้ (เพ้อไปอิก)
...กุ้งแม่น้ำโขง 10 บาท ถามป้าเขาบอก ใสซอสแล้วย่าง อร่อยดี ได้กลิ่นคาวกุ้งนิดๆ (ภาพนี่ปรับซะส้มเลย 5555)
...ดูจากป้าย จะบอกว่าเต็ม บางที่บอกด้วยภาษาที่น่าร๊ากกกก มาก วันที่ไปเต็มทุกที่ เกือบได้นอนวัดละ ถ้าไม่จองมา


...เดินๆอยู่ เหลือบไปเห็น เจดีย์สูงๆ สีทองๆ เลยเดินไปดู มันก็ไม่มีอะไร เป็นส่วนประดับของยอดหอระฆัง หรืออะไรนี่แหละ จำไม่ได้ เดินออกมาเจอของแถม น่ารักอีกแล้ว ชอบๆ ชอบอะไรที่มันกลมกลืนกับสิ่งที่มันมีอยู่แล้ว แอบเห็นผู้ชายขาสั้นๆส่องกล้องตรงกระจกด้วย 55555+


...ค่ำแล้ว ออกล่าเหยื่อได้ บรรยากาศกลางคนนี่แทบไม่ต้องเดิน อยู่เฉยๆก็ไหลไปข้างไหนได้ คนอย่างเยอะ
















































