เชียงใหม่ยังไงดี ?

เชียงใหม่ สถานที่ ที่ใครๆก็อยากไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง และยิ่งเป็นหน้าหนาวต้นปีแบบนี้แน่นอนว่าเราก็คงไม่พลาดเหมือนทุกปี เริ่มต้นปีด้วย first Trip in Chiangmai ครั้งนี้ไม่ใช่การมาเชียงใหม่ครั้งแรกของเราแต่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน^^  ที่มาของคำว่า เชียงใหม่ยังไงดี ? อันนี้คือด้วยความที่เราไปเชียงใหม่บ่อยมากๆอย่างที่เราบอกไปเราเลยนึกไม่ออกว่าจะมาเล่าอะไรให้เพื่อนๆที่กำลังหลงเข้ามาอ่านรีวิวของเราฟังดี555555 ก็เลยจบลงที่ เชียงใหม่ยังไงดี ? เอาล่ะทีนี้ได้เวลาเข้าเรื่องของเรากันสักที (เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราขอข้ามการเดินทางขาไปแล้วกันนะคะ)
เช้าตรู่ของเชียงใหม่ ซึ่งไม่แน่ใจว่ากี่โมง เราเดินทางมาถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพครบ32กันทุกคนค่ะไม่ต้องห่วง และสิ่งแรกที่เราทำคือโทรหาร้านเช่ารถเพื่อที่จะติดต่อขอรับรถค่ะ สำหรับคนที่ไม่เคยมาเชียงใหม่เราแนะนำให้เช่ารถจักรยานยนต์หรือหากมาหลายคนเราแนะนำให้เช่ารถยนต์แบบเราจะคุ้มกว่าไปเหมารถแดงนะคะ  รอบนี้เราเช่ารถไว้กับบริษัท KNT Car Rent Chiangmai ค่ะบริการรวดเร็วทันใจ รับ-ส่งรถได้ทุกที่ในตัวเมืองเชียงใหม่

รถที่เราได้มาตรงกับที่เราเลือกไว้ตอนจองเป๊ะเลยค่ะสภาพรถถือว่าโอเคทั้งด้านในและด้านนอกเราได้รถคันนี้มาในราคา1,000บาทต่อวันค่ะ ส่งรถเรทได้1ชั่วโมงแต่หลังจาก1ชั่วโมงเราจะต้องเสียค่านอกเวลาให้เขาชั่วโมงล่ะ100บาทเพราะฉะนั้นระวังเรื่องเวลาส่งรถด้วยนะคะ ก่อนรับรถก็จะต้องจัดการทำเรื่องเซ็นเอกสารสัญญาการเช่ารถเพื่อความปลอดภัยทั้งเราและทางบริษัทเช่ารถค่ะ ส่วนเอกสารที่จะต้องเตรียมมาสำหรับทำเรื่องขอเช่ารถคนขับต้องมีใบขับขี่และบัตรปชช.เท่านั้นนะคะอันนี้สำคัญห้ามลืมเด็ดขาด! หากใครสนใจจะเช่ารถกับทาง KNT Car Rent Chiangmai ติดต่อโดยตรงได้ที่เบอร์ 081-6713487/081-4730170 ตั้งแต่08:00-20:00น. นะคะ^^  ได้รถมาแล้วจะรออะไรกันจ้ะไปแอ่วโลดดดดดดดดดดดเป้าหมายแรกที่เราเลือกไปฝากท้องมื้อแรกที่เชียงใหม่คงไม่พ้นกาดหลวงหรือตลาดวโรรส เช้าๆแบบนี้ถ้าได้น้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋สักตัวคงจะดีสินะ

ท๊าด๊าาาาาาาในที่สุดน้ำเต้าหู้ปลาท่องโก๋ร้านดังก็มาอยู่ตรงหน้าของพวกเราาาาาาาา โกเหน่ง ร้านปลาท่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดา อะไรที่ไม่ธรรมดาน่ะหรอ? ก็ลูกค้าที่พากันแห่มาต่อแถวซื้อปลาท่องโก๋กันแต่เช้ายังไงล่ะ ใครจะมาร้านนี้ต้องทำใจมาสู้กับระยะคิวที่ต้องใช้ความอดทนสูงนะคะ55555 ลูกค้าเขาเยอะกันแต่เช้าจนถึงร้านปิดเลยล่ะค่ะ และอีกอย่างที่ไม่ธรรมดาก็คือตัวปลาท่องโก๋ที่มาในรูปร่างของสัตว์ต่างๆ

กว่าจะได้แต่ล่ะตัวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะระหว่างยืนรอเราก็มองที่คนทำตลอดกว่าจะขึ้นรูปได้ กว่าจะปั้นหาง กว่าจะปั้นตัว กว่าจะเอามาต่อกันเป็นรูปเป็นร่างได้ต้องใช้ฝีมือและความใจเย็นมากพอตัวเลยค่ะ

เจ้าไดโนเสาร์ตัวน้อยตัวนี้ฤทธิ์เยอะใช่ย่อยนะคะใช้เวลารอประมาณ30-40นาทีถึงจะได้มา สนนราคาที่20บาทตามความเหมาะสมของความยากในการปั้นแป้งค่ะ แต่ส่วนมากก็จะอยู่ที่20บาทเกือบทุกตัวเลยค่ะจะมีแพงกว่าชาวบ้านก็คงเป็นเจ้ามังกรที่ปั้นหนวดยากมากๆเลย ใครจะมาอย่าลืมทำใจมาด้วยนะคะขอเตือนว่าคนเยอะมากกกกกกรอนานมากกกกก  ร้านอยู่ตรงกาดหลวงซอยข้างธนาคารธนชาตเดินเข้าไปเกือบสุดซอยจะเจอร้านอยู่ขวามือ ร้านเปิดตั้งแต่6โมงเช้าถึง11โมงค่ะใครอยากลองทานปาท่องโก๋แปลกแหวกแนวก็เชิญที่ร้าน ปลาท่องโก๋โกเหน่ง กันได้เลยนะคะ^^

เดินกลับเข้ามาที่หน้ากาดหลวงก็จะผ่านร้านของฝากต่างๆนาๆมีตั้งแต่แคบหมูน้ำพริกหนุ่มยันสตอเบอรี่ที่เพิ่งลงมาจากดอยสดๆเลยค่ะ

เราก็เป็นมนุษย์คนนึงที่เห็นสตอเบอรี่แล้วต้องวิ่งเข้าใส่ จัดมาเบาๆ2กล่องก่อนขึ้นรถ(พอดีเมื่อกี้กินปลาท่องโก๋ไม่อิ่ม555)ร้านที่เราซื้อดีอย่างที่ให้เราสามารถเลือกสตอเบอรี่ได้เองแถมถูกอีกต่างหากการันตีไม่ผ่านการฉีดยาโดยรูปที่เราถ่ายค่ะยังมีร่องรอยของน้องหนอนอยู่เลย ทานได้ปลอดภัยแน่นอนนน

จุดหมายปลายทางต่อไปของเราที่เราจะพาไปสัมผัสและใช้ชีวิตกับธรรมชาติก็คือ บ้านระเบียงดาว ดอยหลวงเชียงดาวนั่นเองค่ะพร้อมแล้วก็ได้เวลาล้อหมุนกันได้เลยยยยยย

สำหรับการเดินทางไปบ้านระเบียงดาว เราสามารถนำรถยนต์และจักรยานยนต์ขึ้นไปด้านบนได้เลยนะคะแต่ต้องขับรถเก่งพอตัวนะคะเพราะเส้นทางขึ้นไปด้านบนค่อนข้างชันและอันตรายค่ะ อีกวิธีที่สามารถไปด้านบนของเชียงดาวได้คือนั่งรถ

ประจำทางสาย เชียงใหม่-ท่าตอน จะคล้ายๆกับรถเมย์ทั่วไปแถวบ้านเราเลยค่ะ ใครที่เมารถก็อย่าลืมหา ยาดม ยาลม ยาหม่องติดตัวขึ้นไปด้วยนะคะเพราะด้านในรถค่อนข้างแออัดและรถจะจอดรับ-ส่งผู้โดยสารตลอดเส้นทางหรือหากใครเมาหนักๆก็จัดการอัดยาแก้เมารถแล้วชิ่งหลับไปเลยค่ะ แต่รถประจำทางจะไม่สามารถไปส่งเราจนถึงด้านบนดอยหลวงได้นะคะ เราสามารถเลือกที่ลงได้2ที่เพื่อที่จะต่อรถขึ้นไปยังด้านบน ที่แรกที่คนนิยมลงกันตามรีวิวต่างๆก็คือโลตัสเชียงดาวซึ่งถ้าเพื่อนๆลงตรงนี้เพื่อนๆจะต้องเดินไปที่วินรถขาขึ้นอีกประมาณ2-3ร้อยเมตรเลยนะคะ เราแนะนำให้เพื่อนๆไปลงที่ท่ารถท่าตอนเลยทีเดียวเลยค่ะเพราะรถที่จะพาพวกเราขึ้นไปบนเชียงดาวจะมารับผู้โดยสารตรงนี้ด้วย ส่วนรถที่จะพาเราขึ้นไปด้านบนก็เป็นรถชาวบ้านแถวนี้แหละค่ะแล้วแต่ว่าใครจะรับจ้างขึ้นไปด้านบนบ้าง ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกังวลว่าจะหาเบอร์จะติดต่อยังไงนะคะเพราะถ้ามาถึงเชียงดาวแล้วทุกคนจะเจอกับป้ายเบอร์โทรแบบนี้ค่ะ^^

เบอร์โทรเหล่านี้เป็นเบอร์ของรถรับจ้างที่จะพาขึ้นไปยังด้านบนเชียงดาวค่ะถูกใจเบอร์ไหนก็จัดการโทรได้เลย ส่วนมากนักท่องเที่ยวที่มาตามรีวิวก็จะเรียกใช้บริการกับป้าผ่องซะส่วนใหญ่ค่ะ ป้าผ่องเป็นชาวบ้านที่อยู่อีกหมู่บ้านถัดไปจากเชียงดาวป้าผ่องมาขับรถรับจ้างเทียวซื้อของขึ้น-ลงดอยตามออร์เดอร์ค่ะจากการพูดคุยกับป้าผ่อง ป้าเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนนึงเลยค่ะใครอยากลองนั่งรถป้าผ่องขึ้นเชียงดาวก็ลองโทรสอบถามราคากับป้าผ่องดูนะคะ

การเดินทางจากด้านล่างขึ้นมาด้านบนใช้เวลาประมาณ40นาทีก็เดินทางมาถึงที่พักของเราแล้ววววว

 บ้านระเบียงดาว ดอยหลวงเชียงดาว ที่พักที่เรามั่นใจว่าทุกคนต้องคุ้นหูแน่นอน รอบนี้ได้กลางเต้นท์นอนกันค่ะเพราะเราจองบ้านพักเป็นหลังไม่ทันเลยได้เป็นเต้นท์ใหญ่มา ที่นี่จะคิดค่าเข้าพักเป็นรายบุคคลนะคะจะอยู่ที่500บาทต่อคนราคานี้จะรวมค่าอาหารด้วย2มื้อเป็นมื้อเย็นกับมื้อเช้าของอีกวันค่ะ พอมาถึงพี่ๆบ้านระเบียงดาวก็ยกขันโตกมื้อเย็นมาไว้ที่หน้าเต้นท์ของพวกเรา

อาหารที่ได้มาก็จะแบ่งเป็นเซทแบบนี้เลยค่ะจะได้ทั้งหมด4อย่างเป็น ต้มจืด ผัดผัก ไข่เจียว และน้ำพริกชาวดอยที่อร่อยมากๆจนอยากซื้อกลับบ้าน55555  

ส่วนเรื่องห้องน้ำที่ใครหลายคนอาจกังวลซึ่ง1ในใครหลายคนก็แอบมีเราอยู่ในนั้นด้วยค่ะ555

ห้องน้ำด้านบนมันก็ประมาณนี้แหละค่ะ เราเป็นคนนึงที่กังวลเรื่องห้องน้ำนะแต่พอมาเห็นห้องน้ำแบบนี้แล้วเรากลับชอบใจ ชอบที่มันดูเข้ากับเต้นท์ที่เรานอน ชอบที่ทำอะไรคนอื่นก็ได้ยินไปกับเราด้วย5555

ใครที่ยังไม่เคยมานอนบนนี้ลองหาเวลาว่างหรือลางานสักวันสองวันมาสัมผัสอากาศธรรมชาติแบบนี้ดูบ้างนะคะชีวิตนี้เกิดมาแค่ครั้งเดียวใช้ให้คุ้มค่ะ สำหรับคืนนี้ขอเวลาไปนอนตากน้ำค้างนับดาวให้หนำใจก่อนนะคะเจอกันพรุ่งนี้เช้าค่ะ^^

อรุณสวัสดิ์ยามเช้าด้วยอากาศเย็นๆกับสายหมอกจางๆ เป็นเช้าที่ตื่นโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกตื่นได้เองอัตโนมัติและภาพแรกที่เราเห็นหลังจากเปิดเต้นท์คือควันหมอกจากๆที่ลอยมาเหนือวิวดอยหลวงเชียงดาวเห็นแค่นี้ก็ชื่นใจแล้ว^^

มื้อเช้าที่เราได้จากบ้านระเบียงดาววันนี้เป็นชา กาแฟ โอวัลติน และข้าวต้มร้อนๆทานคู่กับอากาศเย็นๆแบบนี้จะไม่ให้หลงรักได้ยังไง ทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลากลับลงไปด้านล่างกันแล้ว การเดินทางกลับลงไปด้านล่างก็จะคล้ายๆกับตอนขามาเลยค่ะนี่เป็นที่มาของคำว่า มาทางไหนกลับทางนั้น^^ ใช้เวลาเดินทาง3-4ชั่วโมงก็มาถึงที่พักอีกที่ ที่เราจองกันไว้ล่วงหน้าก่อนมาแล้ว

LA BELLE NUIT HOUSE  ที่พักย่านนิมนาน ย่านมช. ย่านห้างMaya ย่านทุกอย่าง5555 เอาง่ายๆคือเป็นที่พักที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวแถมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมายมาย ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้แหล่งของกิน แถมเจ้าของก็ใจดีมากๆเลยค่ะก่อนที่เราจะขึ้นไปบนดอยหลวงเชียงดาวกันเราก็แอบกังวลว่าจะเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ไหนดีเพราะสัมภาระของเราเยอะมากเลยลองติดต่อขอฝากกระเป๋าที่นี่ดู พี่เจ้าของไม่บ่นเราสักคำแถมอำนวยความสะดวกให้กับพวกเราทุกอย่างประทับใจมากค่ะ^^

ห้องที่เราจองไว้เป็นห้องเตียงคู่แถมฟูกญี่ปุ่นอีก1อันห้องนี้ไปแย่งชิงมาได้ในราคา800บาทค่ะ ลักษณะห้องตกแต่งออกไปทางสไตล์ญี่ปุ่น ห้องดูสะอาดมากกกกอันนี้จะเป็นห้องแอร์ทั้งหมดนะคะห้องน้ำรวมแยกเป็นชั้นๆไปชั้นใครชั้นมันค่ะสิ่งอำนวยความสะดวกก็จะมีเป็นไดร์เป่าผมให้ด้านหน้าห้องน้ำค่ะสามารถใช้ได้เลยแต่ต้องใช้อย่างระวังๆน๊าอย่าไปดื้อทำของเขาพังนะคะ ส่วนรายละเอียดการจองที่พัก LA BELLE NUIT HOUSE  สามารถจองผ่านเว็ปBooking หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 064-3395246 ได้เลยนะคะ

เอาล่ะจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยเราก็ออกเดินทางตามหาของประทังชีวิตกันสำหรับวันนี้ค่ะ

MAO COFFEE ร้านกาแฟที่ใครได้เข้าไปต้องตกหลุมรัก ร้านกาแฟที่ไม่ได้มีดีแค่กาแฟอย่างเดียว 

เมนู Recommend จากทางร้านจะเป็นตัวเมากาแฟที่ไม่ได้ใส่แค่กาแฟอย่างเดียวเพราะทางร้านจะผสมบรั่นดีลงไปในช๊อตกาแฟด้วย แต่เมื่อเช้าเราดันดื่มกาแฟมาแล้วเลยเลือกลองเป็นเซทเมานมมาแทนแล้วกันค่ะ

ในเซทก็จะมีชานมให้1ขวดโหลกับนมสดอีก1แก้วให้เรามาผสมกันเอง รสชาติถือว่ากลางๆโอเคกับราคาค่ะ

ส่วนเค้กเราเลือกสั่งป็นเครปเค้กเรนโบว์มาลองชิมดูค่ะรสชาติเอาเรื่องอยู่เหมือนกันถือว่าผ่านเลยค่ะอร่อยมากๆ

มาต่อกันร้านที่2ที่เราจะพาไป iberry ร้านไอศกรีมของพี่โน้ตอุดม แต้พานิช  ร้านตั้งอยู่ในนิมมานซอยที่เท่าไหร่เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันเพราะกว่าจะหาเจอเราก็หลงมาแล้ว2รอบ5555555

เข้าไปนั่งด้านในร้านก็จะมีพวกของจิปาถะที่ขายหน้างานตอนแสดงเดี่ยวเต็มไปหมดเลยค่ะ สิ่งที่เยอะกว่าของก็คือลูกค้าในร้านนี่แหละค่ะเยอะมากๆและน่าจะเยอะแบบนี้ทุกวัน

ภายในร้านก็จะมีมุมน่ารักๆให้เราไว้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเอาไว้ไปอวดเพื่อนค่ะว่าเออเรามาแล้วเด้อออ5555

เมนูที่เราสั่งมาเป็นบิงซูสตอเบอรี่ คาดว่าน่าจะใส่สตอเบอรี่มาให้ทั้งสวน คือจะให้เยอะไปไหน5555 โดยรวมแล้วก็ถือว่าอร่อยคุ้มกับราคาที่จ่ายไปอยู่นะคะชอบตรงให้สตอเบอรี่เรามาทั้งสวนนี่แหละ^^

ตุนเสบียงไว้ในท้องเรียบร้อยได้เวลาเข้าป่าตามล่าเสือโคร่งกันค่ะ เสือโคร่งที่ว่านี่ไม่ใช่สัตว์ดุร้ายแต่อย่างใดนะคะแต่เป็นดอกนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกให้เราเห็นแค่ปีล่ะครั้งเท่านั้น  แลนด์มาร์คที่เราจะออกไปตามหาเสือโคร่งวันนี้ก็คือ ขุนช่างเคี่ยน  บนดอยปุยนั่นเองค่ะว่าแล้วก็ไปกันเลยยยย

ทางขึ้นไปบนขุนช่างเคี่ยนค่อนข้างอันตรายนะคะแนะนำให้นำเป็นรถจักรยานยนต์ขึ้นไปจะดีที่สุดค่ะเพราะหนทางแคบมากๆต้องขับอย่างระมัดระวังด้วยนะคะใช้เวลาจากด่านล่างขึ้นมาบนขุนช่างเคี่ยนประมาณ30นาทีเท่านั้นใช้เส้นทางเดียวกับทางขึ้นมาดอยสุเทพเลยค่ะขับมาตามป้ายบอกทางได้เลยไม่ต้องกลัวหลงนะคะทางไปขุนช่างเคี่ยนจะมีป้ายบอกตลอดทางค่ะไม่ต้องห่วง

โชคดีที่ตอนเรามานางพญาเสือโคร่งกำลังบานพอดี ดอกนางพญาเสือโคร่งจะคล้ายๆกับดอกซากุระของญี่ปุ่นค่ะขึ้นมาด้านบนตอนแรกก็งงตัวเองว่านี่เรามาเชียงใหม่หรือมาญี่ปุ่นกันแน่55555

ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานเต็มที่ให้เราได้เห็นกันแค่ปีล่ะครั้งเท่านั้นนะคะจะบานในช่วงกลางเดือนมกรา-ต้นเดือนกุมภาใครที่ยังไม่เคยเห็นเสือโคร่งของภาคเหนือรีบจองตั๋วแล้วตามเรามาเลยค่ะ^^

เสียดายที่มีเวลาขึ้นมาด้านบนน้อยไปหน่อยเลยต้องรีบกลับลงมาที่พักเพราะกลัวจะค่ำเสียก่อน มาถึงที่พักก็ต่างแยกย้ายกันไปคนล่ะทางเนื่องจากวันนี้ไปมาหลายที่มากกกกเพลียแดดเพลียลมมากถือเป็นวันที่ลุยวันนึงเลยก็ว่าได้ ก่อนนอนก็เก็บทุกสิ่งอย่างลงกระเป๋าใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยของฝากที่เราแอบไปซื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้55555 เอาเป็นว่าเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปซื้อมาตอนไหนรู้แค่ว่าขอนอนก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเดี๋ยวไปเช็คอินขึ้นเครื่องไม่ทันไม่มีตังค์ซื้อตั๋วใหม่แล้วนะ -_-

ตื่นเช้ามาพร้อมกับรอยยิ้มของพี่คนดูแลที่พักรวมถึงดูแลพวกเราตลอดที่อยู่ LA BELLE NUIT HOUSE  ด้วย ขอบคุณสำหรับการดูแลและคำแนะนำเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวนะคะแล้วก็ขอบคุณสำหรับสติ๊กเกอร์ในมือที่กล้องเราดันไปโฟกัสหน้าพี่เขาจนลืมโฟกัสที่สิ่งของ5555

ไม่เป็นไรเราให้ดูรูปเต็มก็ได้5555 ขอบคุณสำหรับสติ๊กเกอร์มากนะคะน่ารักมากเลยไว้คราวหน้าเราจะกลับมาพักอีกครั้งนะคะ

มาทันเช็คอินพอดีนึกว่าจะได้ซื้อตั๋วใหม่ซะแล้ว -_-  เรามาถึงสนามบินประมาณ9โมงเช้าเพราะเราจองตั๋วได้ไฟล์รอบเช้ามากว่าจะมาถึงก็อู้กำเมืองกะลุงคนขับรถแดงตั้งเมินนนนน รอบนี้เราได้ตั๋วโปรของสายการบินพี่สิงโตมาในราค790บาทกว่าจะได้มาก็ตบตีกับอินเตอร์เน็ตอยู่พักใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะกว่าจะได้ตั๋วโปรแต่ล่ะใบมา5555

เอาล่ะได้เวลากลับแล้วววยังไม่อยากกลับเลยยังอยากใช้ชีวิตบนจังหวัดเชียงใหม่อยู่อีกสักเดือนสองเดือน(ลาออกเลยมั้ยล่ะ) สำหรับใครที่อยากที่จะลองมาเชียงใหม่เราแนะนำเลยค่ะอยากให้มามากๆบางคนกลัวที่จะเดินทาง บางคนกังวลเรื่องเงิน เราจะบอกว่าจริงอยู่ที่เงินเป็นปัจจัยสำคัญของการเดินทางแต่สิ่งที่พวกเราจะได้เจอตลอดการเดินนั่นคือมิตรภาพและความสุขที่มันจะเกิดขึ้นเองอัตโนมัติ อ่านรีวิวนี้จบแล้วก็อย่าลืมจัดการจองตั๋วแล้วจูงมือแฟนมาเที่ยวด้วยกันนะคะ ทริปนี้ต้องปแล้วไว้เจอกันใหม่ทริปหน้า บ๊ายบายค่ะ ʕ·ᴥ·ʔ