ชีวิตสโลวไลฟ์กับการเดินทางไร้แบบแผน
ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า นี่เป็นรีวิวแรกและนั่งรถไฟครั้งแรก
สวัสดีครับการเดินทางครั้งนี้เกิดจากแรงบันดาลใจที่ดูรายการเมืองเรืองแสงเมื่อปี 54 ที่เขาไปถ่ายทำที่โพธาราม จ.ราชบุรี และเห็นรีวิวจากในนี้ของน้องผู้หญิงสองคนที่พึ่งไปมาไม่นานนี้
เดินทางครั้งนี้เริ่มจากการที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไร มีแค่กล้อง 1 ตัว และเสื้อสำรองไว้ในกระเป๋ากล้องอีกหนึ่งตัว เนื่องจากตอนแรกตั้งใจว่าจะไปแค่คืนเดียว ไปถ่ายรูปเล่นเฉยๆ เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เมื่อใจพร้อมก็ออกเดินทาง







พอถึงที่พัก มันมืดแล้วก็เปิดห้องนอน ห้องที่เรานอน ห้องอนุบาล 3 ราคา 600 บาท มันก็โอเคเพราะอยู่คนเดียว พรุ่งนี้ค่อยถ่ายรูปให้ดูว่ามีแบบไหนบ้าง เข้าที่พักอาบน้ำ มีจักรยานให้ปั่นไม่ต้องเช่า เราก็ปั่นออกมาตลาดกะว่าจะมากินข้าวต้ม สองทุ่มกว่างเอง หมดล่ะ เลยไปกินบะหมี่ แล้วก็ซื้อของจิปาถะก่อนเข้าห้อง อ่อ มี่ร้านเหล้าเล็กๆด้วยนะ บรรยากาศน่านั่งดี ระหว่างทางมาตลาด


เสร็จแล้วได้เวลาตลอน เอาจักรยานข้างล่างออกไปปั่นดูรอบๆเมือง ไปตั้งต้นที่ร้านกาลนานก่อน ประมาณ 9 โมง วันนี้ฝนไม่ตก มีแดด
ระหว่างนั้น ก็ถามพี่บอลว่ามีที่ไหนน่าไปบ้าง ก็คุยกันซักพักนึงพี่เขาก็หยิบแผนที่มาให้ 





สรุปว่า ช้าไปไม่ถึง 10 นาที รถพึ่งออกไปจากสถานี สรุปว่าเดินไปนั่งเล่นที่ร้านพี่แต้วพี่บอลเหมือนเดิม นั่งเปื่อยเลยและ คิดอยู่ว่าจะกลับบ้านหรือไปไหนต่อดี คุยไปคุยมาสรุปว่าไปต่อประจวบ พี่แต้วติดต่อเพื่อนที่โน่นให้ชื่อพี่ชุ ถ้าไปถึงแล้วให้โทรหาเขา เขาจะมารับ โอเคจองตั๋ว บ่ายสาม สรุปว่ารถไฟมาจริง 4 โมงเย็น เพราะมีการซ่อมทาง ตามตั๋วถึงประจวบ ทุ่ม 20 เอ้ย ชิวๆบวกกับรถเหลด ไปชั่วโมงก็ไม่น่าจะเกิน 2 ทุ่มครึ่ง แต่ถึงประจวบจริงทำไมมันสามทุ่มกว่าวะ 555 ไม่ซีเรียส

คืนนั้น ไปถึงประจวบ ประมาณ สามทุ่มกว่าก็โทรหาพี่ชุ แกเป็นผู้หญิง ห้าวๆแมนๆ ทำร้านไอติมอยู่ แต่ทำตามออเดอร์เท่านั้น แกก็ขับมาเตอร์ไซค์พาไปหาที่พัก ได้ที่พักเป็นโรงแรมอุ่นตะวัน ราคา 450 แต่คุยๆไปได้ห้อง 380 ไม่มีตู้เย็นอย่างเดียว แต่ทุกอย่างเหมือนกับโรงแรมห้าดาว พี่ชุแกก็ถามว่าจะไปเที่ยวไหน เดี๋ยวพรุ่งนี้แกมารับ เหอะๆ จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ ผมบอกแล้วแต่พี่ครับ เราก็เอาของไปเก็บ แล้วลงมาหาข้าวกิน เดินออกจาก โรงแรมประมาณ 800 ม. ก็เจอร้านก๋วยเตี๋ยวแต่เราสั่งเกาเกลาข้าวเปล่า ตอนแรกว่าจะไปถนนคนเดิน พอดี 4ทุ่มกว่า มันเก็บหมดล่ะ ก็เลยกลับห้อง
ตอนเช้าตีห้ากว่าๆออกมารอพี่ชุ หกมามาแล้วครับ เนื่องจากชุดเดิมล่ะ ไม่ได้เตรียมมาก็ไปทั้งแบบนั้น เสื้อยืดขาสั้น เท้าแตะ พี่แกพาไปตลาดก่อน
เช้ามาก พี่ชุบอกให้รออยู่นี่แปป ผมก็ได้โอกาสใส่บาตรตอนเช้าเลยแล้วกันในรอบหลายปี เพราะจะมีร้านขายกับข้าวไว้ใส่บาตรเป็นชุดๆ จังหวะนั้นมียายใส่อยู่ผมก็ต่อคิว รอซักพักพี่ชุกับมาก็พร้อมข้าวเหนียวหมูปิ้งและถุงมือ อันนี้เริ่มสงสัยว่าถุงมือเอามาทำไม ถึงบางอ้อตรงที่พี่เขาก็บอกว่าจะพาไปปีนเขา เขาล้อมหมวก ในค่ายทหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกล พี่ชุใจดีขับมอเตอร์ไซค์พาไปในค่ายทหารตอนพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก ข้างล่างก่อนขึ้นไป จะมีศาลอยู่ เราก็ไหว้แล้วค่อยเดินขึ้นไป พี่ชุบอกถ้าลงมาแล้วให้โทรหา จะมารับ


หลังจากนั้นก็ลงมา โทรหาพี่ชุ พี่ชุมารับแล้วไปส่งที่แค่ตลาดซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับการดูแลเทคแคร์ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก ขอบคุณจริงๆครับ แกทิ้งท้ายว่าจะให้พี่ไปส่งที่สถานีรถไฟก็ได้นะ แต่เราปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เลยขอเดินเล่นที่ทะเลอีกซักพักก่อนเข้าโรงแรม
ปล. การเดินทางที่ไม่ได้วางแผนมันก็สนุกดี คือลุ้นเอาว่าจะเจอกับอะไร แต่ถ้าเป็นผู้หญิงแนะนำหาเพื่อนเดินทางไปด้วยจะดีกว่า เพราะบนรถไฟมันคงไม่ค่อยปลอดภัย ขอบคุณพี่แต้ว พี่บอล พี่ชุ ที่ช่วยเหลือทุกอย่าง แม้ว่าพึ่งเจอกันครั้งแรก คนโพธารามน่ารักมาก ต้องไปให้ได้ครั้งที่สองทั้งสองที่เลย ขอเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อน
ขอบคุณที่อ่านรีวิวแรกนี้จนจบ ยาวไปนิดนึง ไว้จะเขียนมาให้อ่านกันใหม่นะ







































