ขอพักใจไปแบบเบลอๆ ตอน ดอยผ้าห่มปก

     สวัสดีครับ ผมเพิ่งจะเขียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก และครั้งนี้ผมก็ตะลุยเมืองเชียงใหม่ โดยได้คำแนะนำมาว่าลองไปเดินขึ้นเขาชมพระอาทิตย์ขึ้น กลางปุยหมอกหนาและอากาศหนาวๆ ณ อุทยานดอยผ้าห่มปก อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ... 

     ประเด็นของทริปนี้เริ่มมาจากผมจะไปเชียงคาน กับเพื่อนเนื่องจากได้ตั๋วฟรี แต่ก็ต้องชวด เพราะลืมประสานงานกับบริษัททัวร์ล่วงหน้า จึงต้องเสียตั๋วฟรี ประจวบกับร่างกายและสภาพหัวใจต้องการพักผ่อนอย่างแรง จึงอยากจะหยุดพักไปไหนสักที่ไกลๆ จึงเล็งไว้ที่เชียงใหม่ อากาศเย็นๆ กับเมืองวัฒนธรรม คนน่ารัก ตัดสินใจตีตั๋วไปเชียงใหม่ โดยมีสมาชิกคนร่วมทางไปด้วย หนึ่งในนั้นคือเจ้าถิ่น ซึ่งเรามั่นใจได้ว่า ทริปนี้ไม่มีหลงทางแน่ๆ     

     ก่อนอื่นต้องขอแนะนำก่อนว่า ดอยผ้าห่มปก หรือ ฟ้าห่มปก เป็นดอยที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย ซึ่งระยะทางการขึ้นไปจากจุดกางเตนท์ 3500 เมตร ซึ่งไม่ใช่น้อยเลยนะ ฮ่าๆๆ แต่ไหนๆ ก็อยากจะพักใจอยากจะปลดปล่อยอะไรที่เหนื่อยๆ มา เอาวะ เหนื่อยก็ไป และพร้อมลุยมาก .... 

     

    เริ่มกันเลยดีกว่า ทริปนี้ขอบอกว่าไม่ได้จำกัดเรื่องงบประมาณ แต่คงไม่เกินเลยมากไป ... 

-------------------------------------------------------------------------------

ผมเลือกเดินทางกับรถทัวร์ กทม.-เชียงใหม่ รอบ 21.30 น. ในราคา 500 บาท โดยผมจองตั๋วทั้งไปและกลับ รวมเป็นเงิน 1000 บาท ซึ่งเมื่อเลิกงานปุ๊ปก็ไปรอขึ้นรถทันที ในวันที่ไปคนน้อยมาก รถทัวร์โล่ง ยืดขานั่ง นอน สบาย และถึงอาเขต เชียงใหม่ 7.30 น. โดยประมาณ 

 

ซึ่งผมได้โทรจองรถเช่าที่เชียงใหม่ไว้ เพราะเนื่องจากน่าจะเป็นส่วนตัวมากกว่า และอยากไปไหนก็สะดวกกว่า เลยตัดสินใจจองรถ 3 วัน ซึ่งเป็นราคา 3600 บาท อันนี้หารราคากับผู้ร่วมทริปก็เบาขึ้นหน่อย และระหว่างรอรถมาก็จัดอาหารมื้อแรกที่เชียงใหม่ นั่นก็คือ ... 

5555 โจ๊กแม็ค คือ อาเขตใกล้ๆ Avenue ก็ตัดสินใจไปรอที่ แม็ค และชาร์จแบตโทรศัพท์ไป พลางๆ ระหว่างรอรถ ประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง พี่ส่งรถจากบริษัทเช่าก็เอามาให้ ผมเลยมุ่งหน้าเข้าที่พักเป็นลำดับต่อไป คือเหนียวตัวมาก เพราะเลิกงานปุ๊บก็มาขึ้นรถปั๊ป น้ำท่ายังไม่ได้อาบ ฮ่าๆ แอบเน่านิดนึง 

 

ที่พักที่ติดต่อไว้คือ ผมได้จองจากเว็ป Booking ซึ่งได้ในราคาที่ถูกตกคืนละ 450 บาท เลยจัดการจองไปเลย 3 คืน ยาวๆ ที่พักก็อยู่ในเมือง เดินทางสะดวกดี คูเมือง ศรีภูมิ ซ.5 

วันแรกก็อยู่ในเมือง ตะลอนอยู่ในเมือง ขอพักแบบชิวๆ เบาๆ ในเมืองไปเรื่อยๆ ส่วนแพลนวันต่อไปคือต้องมุ่งหน้าไป ฝาง ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 4 ชม. จากเมืองเชียงใหม่ เอาละจ้าาาา ลุยกันต่อวันที่ 2 

 

---------------------------------------------------------

วันที่ 2 เดินทางสู่ อ.ฝาง อุทยานผ้าห่มปก เริ่มออกจากโรงแรม 6.30 น. ขับไปแบบเรื่อยๆ ชิวๆ แวะนู้นนี่นั้น ซื้อของกิน บนดอย บลาาๆ ๆ  มอง 2 ข้างทาง ธรรมชาติที่สวย ไม่เคยเห็นในเมืองหลวงอย่าง กทม. ที่มีแต่รถ ควัน ไอร้อน 

เฮ้ยยย ซึ่งมันดีมาก ขับรถแบบไม่ต้องเปิดแอร์ เปิดกระจก สูดอากาศบริสุทธิ์ เหมือนรับออกซิเจนเข้าปอดครั้ง กรองควันเสียๆ จากเมืองกรุง แอบกลัวตกเขาเหมือนกัน 555555 ซึ่งมันรู้สึกดีมากกกกกกก ขับไปสักพักก็ถึง อุทยานผ้าห่มปก โดยมีค่าเข้า 50 บาท (ไม่แน่ใจ) และก็เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อติดต่อรถขึ้นไป ราคา 1800 บาท ไป-กลับ ซึ่งเราโชคดีที่มีผู้ร่วมทริปและคนอื่นๆ ที่รอขึ้นดอยไปด้วย จึงได้เพื่อนร่วมหารค่ารถไป รถปิ๊คอัพ ออกบ่าย 2 ระหว่างที่รอก็ไปหาอะไรกินในอุทยาน 

 

บ่าย 2 โมงตรง ทุกคนพร้อมกันที่รถ มุ่งหน้าสู่ลานกางเตนท์ ระหว่างทาง ถนนก็แบบ ... นั่งจนปวดตูด แต่เมื่อมาถึงก็หายเป็นปลิดทิ้ง มันสวยมาก หมอกหนา สัมผัสได้ถึงความหนาวว 

 

และนี่คือที่หลับนอนของผม คืนนี้ .... 

อากาศเย็นสบาย น้ำในห้องน้ำก็เย็นมาก เหมือนกัน คืนนี้เราก็ทำอาหารกินกัน ปิ้งย่างตามประสา ได้ความร้อนมาช่วยคลายความหนาว ก็ค่อยยังรู้สึกดีหน่อย ที่อุทยานจะปล่อยไฟตั้งแต่ 18.00 - 20.00 น. หลังจากนั้นก็จะปิดไฟ และสิ่งที่ผมได้เห็นคึอ ดาวเต็มท้องฟ้า สวยมาก แต่เสียดายดูไม่เป็นว่าไหนดาวอะไร กลุ่มไหน เฮ้ออ ก็นึกถึงคนๆ นึง เขาดูดาวเป็น ถ้าเรามาด้วยกันคงจะเป็นอะไรที่ดี แต่ก็นะ พอๆๆ เปลี่ยนเรื่อง ข้ามโหมดดราม่าไปก่อน ... เรานัดกับพี่เจ้าหน้าที่ ตี 3.30 น. เพื่อที่จะเดินป่าขึ้นเขา แล้วคืนนี้ก็พอแค่นี้ เข้านอน ลืมบอกไป ผมติดต่อเช่าเตนท์และถุงนอนไว้ ตั้งแต่ตอนเข้าอุทยานนะครับ จำราคาไม่ได้ละ แล้วเจอกัน ตี 3.30 น . 

---------------------------------------------------------

ขณะนี้เวลา 3.30 น. เจ้าหน้าที่ก็มาปลุกให้เราไปล้างหน้า เตรียมตัวขึ้นเขา ซึ่งน้ำในห้องน้ำโคตะระ เย็นมากกกกกกกก เหมือนเอาน้ำจากช่องฟีส มาล้างหน้า มองแง่ดีก็ กระชับรูขุมขนดี 5555 จากนั้นเราก็ลุยกันเลยยย แต่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ขณะเดินขึ้นไป ผมไม่สามารถถ่ายรูปได้ เนื่องจากมันมืดมาก เอาเป็นว่ามันท้าทายและเหนื่อยพอควร 5555 ผ่านไป 3500 เมตร  2 ชั่วโมง เราก็มาถึงจุดสูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศไทย โอ้โห้ววววววววว วพระเจ้า มันสวยมาก มันหนาวมาก อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 8 -12 องศา ผมจำไม่ได้ หนาวจนแทบจะกดชัตเตอร์ไม่ได้  ... 

ผมใช้เวลาอยู่บนยอดเขาจนพระอาทิตย์ขึ้น อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็เดินทางลงจากเข้า ซึ้งตอนลงเราใช้เวลาแค่ 1.30 ชั่วโมง ฮ่าๆๆ ก็แน่อยู่แล้ว ตอนลงมันไวกว่าตอนขึ้น จริงม่ะ ??? 

จากนั้นเราก็ไปเตรียมของเพื่อกลับลงไปอุทยานข้างล่าง โดยนัดกับลุงปิ๊กอัพมารับตอน 10 โมง และระหว่างรอก็ถ่ายรูปเก็บภาพความประทับไปเรื่อยๆ ตามประสาคนโสดละน้อ  ฮ่าๆๆ ๆ 

ใช้ระยะเวลา ชั่วโมงนิดๆ ในการเดินทางลงจากจุดกางเตนท์ มาถึงอุทยาน จากนั้นก็จัดการอาบน้ำ และเดินทางเข้าสู่เมืองเชียงใหม่ต่อไป ... 

 

ผมต้องขอโทษด้วยนะครับการเขียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก อาจจะไม่ดี ใช้คำไม่สละสลวย แต่ก็พยายามใช้บทคำพูดที่สามารถให้เข้าใจกันง่าย และจุดสำคัญของการเดินทางนั้นคือความความตั้งใจ ถ้าเรามุ่งมั้นตั้งใจ ไม่ว่าทางเดินจะเหนื่อยแค่ไหน ลำบากเท่าไหร่ เราก็จะเดินไปให้ถึงจุดเป้าหมาย #ความรักก็เช่นกัน เฉกเช่นการเดินทางครั้งนี้ ผมเป็นคนไม่ชอบอะไรที่แบบลำบาก เหนื่อย เหงื่อเยอะ แต่ตั้งใจที่จะมาเดินขึ้นเขาสักครั้งในชีวิต ก็เลย ฮึ๊บบ สู้ เอาวะ มาก็มา เป็นไงก็เอา สักครั้งในชีวิตขอขึ้นไปจุดที่สูงสุดเป็นอันดับ 2 หน่อย มันจะสวยสักแค่ไหนกัน จะเหนื่อยถึงตายไหม ?? และผมก็ได้พบกับสิ่งที่ผมตั้งใจเดินทางมาจริงๆ :) 

 

 

ขอบคุณทุกคนนะครับที่สละเวลามาอ่านอะไรก็ไม่รุ สาระก็ไม่มีบ่นไปเรื่อยๆ ฮ่าๆ ๆ #ราตรีสวัสดิ์ครับ