รีวิวเกาะเต่า ชื่อทริป รอรถ รอเรือ รอรูป แต่ไม่รอรัก

เห็นคนอื่นเค้ารีวิวเกาะเต่ากันเยอะแยะเลยอยากรีวิวบ้างเพราะเพิ่งจบทริปไปสดๆร้อนๆ ทริปของเราอาจไม่ใช่ทริปสุดประหยัดหรือทริปโหด มันส์ ฮา แต่เรารู้สึกว่านี่มันสนุกสุดๆเท่าที่เคยทำแล้วหวะ เห้ยยยยยยย

                                                                     (ตั๋วล้วนๆ แผนไม่มี )


ต้องบอกก่อนว่ากว่าเราจะได้ไปเกาะเต่านี่ไม่ง่ายเลย เพราะพอบอกที่บ้านว่าจะไปเที่ยวที่นี่กับเพื่อน ทุกคนที่บ้านพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ได้!" หึ่ย ทำไมล่ะทำไมไม่ได้ เราก็ดื้อไม่ยอมฟังจนสุดท้ายก็ได้มา แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้แผนการอะไรก็ไม่มีซักอย่าง นอกจากตั๋วรถไฟขบวน 43 นครปฐม - ชุมพร ในราคา 490 บาท และอีกใบนึงเป็นของเพื่อนเราจากสถานีกรุงเทพฯ ราคา 510 บาท

 

(รถไฟด่วนพิเศษ กรุงเทพ - สุราษฏร์ธานี )

 

เราใช้เวลาบนรถไฟกันนานพอสมควร ประมาณ 7 ชม.ได้มั้ง โชคดีที่เป็นรถแอร์ มีข้าวบริการอย่างดี นอนหลับไปได้หลายตื่น ตื่นบ่อยมากจริงๆ

สุดท้ายเราก็ถึงชุมพรตอนประมาณเกือบ 4 โมงเย็น

(สถานีรถไฟ ชุมพร)

หลังจากนั้นก็เดินไปหาข้าวกินแล้วกลับมานั่งร้านกาแฟหน้าสถานีรถไฟเพื่อโทรจองโรงแรมและเช่ารถสองแถวไปขึ้นเรือที่ท่ายางซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที

พอไปถึงเราก็จัดการซื้อตั๋วเรือนอนในราคา 400 บาท แล้วนั่งรอไปหลายชั่วโมงอยู่เพราะเรือออกตอน 5 ทุ่ม ระหว่างนั้นเราก็ไปอาบน้ำและตบยุงกันไปเปาะแปะๆ พอถึงเวลาเราสองคนก้าวขึ้นเรือกันแบบหวั่นๆเพราะนี่คือประสบการณ์ครั้งแรกกับการนั่งเรือนอน (ตกลงจะนอนหรือจะนั่งเนี่ย งงละนะ) ตอนเข้าไปแรกๆก็รู้สึกดีอยู่หรอก แบบว่าเห้ย ห้องแอร์ด้วย มีเตียงสองชั้น

(เรือนอน พรทวีสิน เตียง 2 ชั้น มีแอร์ ไม่ค่อยน่ากลัว)

เรือลำก็ใหญ่เพราะเป็นเรือเฟอรี่ใช้ขนส่งนู่นนี่เต็มไปหมดออกทะเลเรือไม่น่าโคลง หลับสบายหละคราวนี้ แต่ที่ไหนได้! พอผ่านไป 3 ชม.เท่านั้นแหละโอยยย เรือโคลงหนักมากนึกว่าจะตายซะแล้ว ตื่นมาดูนาฬิกาไม่รู้กี่รอบจนสุดท้ายหลับไปพักนึงก็ถึงจุดหมาย ใช้เวลาในการเดินทางอันแสนทรมานไปทั้งสิ้น 6 ชม. ***แนะนำว่าให้เข้าห้องน้ำก่อนนะ เพราะว่าถ้าลุกมาเข้าห้องน้ำกลางคืน อาจจะทำให้นออนไม่หลับเลย ***

(จุดที่ลงเรือนอนพรทวีสิน อยู่ที่ท่าเรือแม่หาด)

(โรงแรม ณดาภา)

โรงแรมที่เราพัก ชื่อ โรงแรมณิดาภา เป็นโรงแรมที่ใกล้กับท่าเรือแม่หาด เมื่อลงมาจากเรือ เดินตรงขึ้นมา 300 เมตร เลี้ยวขวา ก็จะเจอ โรงแรมณิดาภาอยู่ โรงแรมนี้สะอาด ใหม่ การให้บริการดี บรรยากาศดี มองเห็นวิวทะเล ตอนที่เราไปเช็คอิน เราไปก่อนที่ reception จะมา เลยวางกระเป๋าละไปเดินเล่นที่ทะเลชองหาดแม่หาด พอกลับมาเราเจอกับลุงที่เป็นเจ้าของโรงแรมณดาภา ลุงเค้าให้บริการดีมาก และลุงได้ลดค่าห้องให้อีก 100 บาท

(เกาะเต่าต้องมีเต่าซิ อ่าวแม่หาด)

หลังจากเช็คอินโรงแรมเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาเที่ยวแล้ว เย่ เราสองคนเลือกที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่เที่ยวกันเองแทนที่จะซื้อแพ็คเกจดำน้ำ ตรงนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะมีหลายร้านที่ต้องจ่ายเงินมัดจำตั้งแต่ 1000 ไปจนถึง 3000 บาท ถ้าอยากได้แบบไม่เสียค่ามัดจำต้องถามคนพื้นที่ดู และในที่สุดเราก็ได้รถมาแล้วเสียเงินค่าเช่าไป 200 บาท ถึงเวลาทำหน้าที่สก๊อยสาว.... ไม่แน่ใจว่าคิดถูกรึเปล่าเพราะทางมันสมบุกสมบันมากใครที่คิดจะเที่ยวแบบเราต้องมีความ **สามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์เยอะพอสมควร** โชคดีที่เพื่อนทำงานพาร์ทไทม์เป็นพี่วิน (แฮ่ ล้อเล่น) เราเลยรอดพ้นจากการวัดถนนลูกรังบนเกาะมาได้

ป.ล. ทางค่อนข้างไกลพอสมควรนะครับ

(ทางไป อ่าวม่วง หรือ จุดดำน้ำ Mango Bay)

จนกระทั่งเราฝ่าด่านถนนหนทางที่ซับซ้อนและสูงชันมองไปทางไหนก็มีแต่ป่ามาเจอกับ “อ่าวม่วง” หรือ “Mango Bay” แต่ก่อนจะเข้าไปชมความอลังการที่ธรรมชาติได้สร้างขึ้นเราต้องจ่ายเงินค่าเข้าให้กับรีสอร์ทที่อยู่หน้าอ่าวนี้ในจำนวน 200 บาทเพื่อแลกเป็นคูปองรับประทานอาหาร

(Mango Bay Boutique Resort)

แล้วเราก็เดินเท้าลงไปด้านล่างจนถึงร้านอาหารของรีสอร์ท จากตรงนี้เราสามารถมองเห็นได้เลยว่าภายใต้น้ำทะเลสีเขียวอมฟ้ามีแนวปะการังทอดตัวอยู่และมีฝูงปลาแหวกว่ายหยอกล้อไปมา แต่เท่านั้นยังไม่เพียงพอกับการที่เราสองคนบุกป่าฝ่าดงขึ้นมาถึงที่นี่ เราต้องลงไปสัมผัสให้ใกล้ได้มากที่สุด เราจึงใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ในการดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น รับรองได้เลยว่าสวยคุ้มค่ากับการเดินทางอันแสนยาวนาน

(น้ำใสมากที่จุดดำน้ำ Mango Bay)

(จุดดำน้ำ Mango Bay อ่าวม่วง)

ในช่วงระหว่างวันเราสองคนใช้เวลาไปหาดละนิดหาดละหน่อยแต่ว่าใช้เวลาในการเดินทางมากพอสมควรเนื่องจากสภาพถนนที่สูงชันและเป็นทางลูกรังต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่

 

จนกระทั่งถึงเวลาที่พระอาทิตย์ต้องอำลาท้องฟ้าสีคราม เรารีบมานั่งรอเก็บภาพประทับใจของแสงสุดท้ายที่หาดทรายรี ทีเด็ดเค้าว่าอยู่ที่ต้นมะพร้าว และรับประทานอาหารเย็นกันที่นี่

(หาดทรายรี เกาะเต่า)

(หาดทรายรี เกาะเต่า)

(หาดทรายรี เกาะเต่า)
เวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างรวดเร็วอีกไม่กี่ชั่วโมงเราต้องเดินทางกลับกันแล้ว หลังจากที่ผ่านประสบการณ์จากเรือนอนเราทั้งสองคนตัดสินใจกลับชุมพรด้วยสปีทโบ๊ทของท่าเรือ ลมพระยา ในราคา 600 บาท

(อันนี้นอกเรื่อง ท่าเรือ ส่งเสริม)

(ท่าเรือส่งเสริม)

(ระหว่างนั่งเรือสปีทโบ๊ท น่าจะเป็นหมู่เกาะง่ามใหญ่ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร)

ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้น 2 ชม.

(บ๊าย บาย เกาะเต่า)

และเดินทางกลับบ้านด้วยรถไฟขบวน 84 ถึงบ้านในวันรุ่งขึ้นโดยสวัสดิภาพ

(รถไฟขบวนที่ 84 ตรัง - กรุงเทพ)

***จบทริปของพวกเรา***

ภาพเพิ่มเติมของเส้นทางการไปหาดทรายนวล ออกจาก Hardcore นิดๆ อดทนนิดนึงรับรอง

(เส้นทางการไป หาดทรายนวล ยืนดูเพื่อนเข็นมอเตอร์ไซต์)

(Hardcore นิดหน่อย)

กล้องที่ใช้บันทึกภาพ

1. Camera: Asahi Pentax
Lens: Pentacon 2.8/29
Film: Kodak 200

2. Camera: Cannon Eos m

Lens: 18-55 mm. , 22 mm.

3. Telephone I-phone 5s

***เป็นการเขียนครั้งแรกผิดพลาดประการใดขออภัยนะที่นี้ด้วย***