Search and share travel destinations and experiences in Thailand Sign up Log in
 
[[ ออกจากงาน เก็บประเป๋า นั่งรถไฟฟรีไปเกาะเต่า...ครั้งแรกกับประสบการณ์ Backpack แบบลุยเดี่ยว ด้วยงบ 3,300 ฿ ]] เกาะเต่า (Koh Tao/Turtle Island ) จ.สุราษฎร์ธานี
    • Posts-1
    Vichhy •  August 16 , 2016

     

     

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแรงบันดาลใจและกระทู้รีวิวของคุณ Anywhere For You Blog และคุณ High on Dreams มากๆ ครับ

    ถ้าไม่มีรีวิวของพวกรุ่นพี่สองคนนี้ผมคงจับต้นชนปลายไม่ถูกแน่ๆ ช่วยได้เยอะทั้งเรื่องแรงบันดาลใจและการเดินทางเลยครับ^^

     

    เริ่มจาก...ตกงานครับ - -“

     

    พอดีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาผมได้ลาออกจากงานอย่างกระทันหัน โดยยังไม่มีงานรองรับ

    ตอนนั้นรู้สึกเคว้งคว้างคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อน ความคิดแรกที่วิ่งเข้ามาในหัวคือ

     

    “ทะเลจะเยียวยาทุกอย่าง” 

     

    อย่ากระนั้นเลย ว่าแล้วก็หาข้อมูลทันที จนไปเจอรีวิวที่น่าสนใจของคุณ 2 คนที่กล่าวไปข้างต้น ก็เลย เอาวะ! เกาะเต่านี่ละ

    รถไฟฟรีก็มี ค่าใช่จ่ายเหมาะกับคนตกงานอย่างเรา แล้วผมก็เก็บของทันที่ เต็มตัวออกเดินทาง แบบตัวคนเดียวครั้งแรก

     

     

    (ขอบอกว่ามันค่อนข้างยาวนิดนึงนะครับเพราะผมใส่รายละเอียดไปแบบไม่ตกหล่นเลย)

    • Posts-2
    Vichhy •  August 16 , 2016

    Day 1

    12 สิงหาคม ไหว้แม่แต่เช้า ขุ่นแม่ก็ให้พรขอให้เดินทางปลอดภัย แต่ไม่มีการให้ตังค์เพิ่มแต่อย่างใด -“- 

     

    11.15 น. ออกจากบ้านไปรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าวครับ เพราะใกล้บ้านที่สุด นั่งไปจนสุดสาย ถึงสถานีหัวลำโพง ประมาณเที่ยงนิดๆ ไปถึงก็เดินถือบัตรประชาชนเข้าไปขอตั๋วฟรี สาย 171 กรุงเทพฯ - สุไหงโกลก ก็ได้เป็นตั๋วยืนมาครับ เนื่องจากวันนั้นเป็นวันหยุดยาว คนเลยเยอะมากกก

     

    ผู้คนมหาศาลล้านแปด

     

     

    ได้ตั๋วมาแล้ววว

     

    ผมก็ไปยืนอยู่ใกล้ๆ ห้องน้ำของคันที่ 7 ครับ ที่เลือกใกล้ห้องน้ำเพราะใกล้ทางเชื่อมที่คนจะออกมาสูบบุหรี่ และเข้าห้องน้ำสะดวกครับ แต่ยืนได้แปบนึงพี่สาวคนสวยที่นั่งตรงข้ามห้องน้ำ แกมากับลูกอายุประมาณ 3-4 ขวบครับ ก็ชวนให้ไปนั่งกับแกครับ

    แกบอกเพื่อนแกซื้อไว้แล้วไม่มา ผมเลยโชคดี ไม่ต้องยืนไปตลอดทาง 

     

    คนไทยน้ำใจงามยังมีอยู่บนโลกนี้จริงๆ ^_^

     

    พี่สาวคนสวย

     

    ระหว่างช่วงศาลายาก็มีข้าวกล่อง 20 บาทมาขาย เลยจัดไก่กระเทียมไข่ดาวมา แต่กินไปได้ครึ่งกล่องครับ รสชาดคือแบบ แบบว่า....

     

    มื้อแรกของการเดินทาง

     

    กว่าจะออกจากกรุงเทพได้ ช้ามากๆ ประมาณบ่าย 3 แล้ว เพิ่งถึงบ้านโป่ง สงสัยมีสิทธิ์ไปเลทแน่เลย โทรไปจองเรือนอนไว้แล้วด้วย เค้าบอกออก 4 ทุ่มตรง

     

    เลยถามพี่สาวผู้ใจดีว่าเค้านั่งบ่อยไหม พี่เค้าบอกนั่งบ่อย ลงยะลาทุกเดือน ปกติไม่เลทนะครับไม่เกิน 15 นาที ได้ยินแบบนั่นก็โล่งใจ เลยนั่งชมวิวทิวทัศน์ข้างทางจนเผลองีบไปนิดนึง

     

    รถมาถึงสถานีราชบุรี เลยได้เจอก๋วยเตี๋ยว 10 บาทในตำนานต้องจัดซะหน่อย

    เฮ้ยยยย รสชาดดีกว่าหน้าตาภายนอก อยู่ท้องใช้ได้ ทดแทนกับข้าวกล่องครึ่งกล่องตะกี้นี้

     

    17.24 มาถึงสถานีหัวหิน พี่สาวผู้ใจดีบอกวันนี้ถึงเร็ว เพราะเค้าขับซิ่ง แต่ยังแอบหวั่นในใจนิดๆ กลัวไม่ทันเรือ ประมาณ 20.00 รถมาจอดสถานีทับสะแก เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันแม่ ที่สถามนีเลยจัดงาน จุดพลุใหญ่โตว จอดไปอีก 20 นาที T^T (ตอนนั้นเริ่มทำใจนิดๆว่าจะไม่ทันเรือ)

    ปาฎิหารย์มีจริง! ถึงสถานี 21.30 รีบออกไปหน้าสถานีรถไฟ ต่อรองราคากับพี่วินได้ในราคา 120 บาท แล้วบอกพี่วินให้จอดแวะ เซเว่นเพื่อซื้อของจำเป็นให้หน่อย

    21.45 ถึงสถานี ท่ายางแล้วครับ พี่วินขับโคตรเร็วนึกว่านั่งจรวด เนื่องจากเป็นวันศุกร์เลยได้เรือของ บริษัท เกาะเจริญ ค่าเรือนอน คนละ 400 บาท ห้องแอร์ เย็นสบายแฮ

     

    เรือออกค่อนข้างตรงเวลาครับ ประมาณ 22.15 ดีที่รถไฟไม่เลทในห้องนอนก็จะมีคนไทย คนต่างชาติปะปน กันไป

    สภาพในห้องครับ

     

    แล้วก็ตามคำแนะนำของกระทู้รุ่นพี่ ว่าบนเรือไม่มีของขาย ดีที่ซื้อมาตุนไว้ก่อน จิบเบียร์ ดูดาวก่อนเข้านอน ชิคๆ คูนๆ อ่ะ

    ลุงเตียงข้างๆ ดึกๆ แกก็ลุกมาคุยกันอยู่ข้างนอก แกบอกแกมาทำงานเก็บเครื่องปั่นไฟกลับกรุงเทพ คุยกันไปเรื่อย ประมาณเที่ยงคืนก็แยกย้ายเข้านอน z Zz Z

     

    เจอกันตอนสว่าง เกาะเต่า!!!!

    • Posts-3
    Vichhy •  August 16 , 2016

    Day 2

    ตี 3.45 ก็มาถึงเกาะเต่าแล้ว แต่ยังมึดอยู่เลยเลยกะนอนต่อบนเรือ แต่ซักพักมีพี่ตำหนวดเข้ามาในห้องนอนประมาน 4-5 คน

    พวกที่นอนอยู่ในห้องมีประมาณ 7-8 คน ก็ทำหน้าเหว๋อๆ เราก็เหว๋อ แต่ไม่ได้คิดไร ซักพักหันมาถามผม มาทำไร มากับใคร ถึงแล้วทำไมไม่ลง มายืนล้อมเตียงกันหมด เราก็เลยเก็บของแล้วลงจากเรือเลยดีกว่า 

     

    พอลงจากเรือมาก็เดินไปตามทาง รีสอร์ตที่ผมพักอยู่ใกล้ๆ กับท่าเรือเลย เลยเดินไปไม่ไกล

     

    นี่คือรีสอร์ตที่ผมจะพักแต่เค้ายังปิดเลยเดินไปซื้ออะไรรองท้องที่เซเว่น ที่อยู่ใกล้ๆ กับที่พัก (ใกล้มากๆ สบายเลย)

    ได้โจ้กคัพกับเป๊ปซี่แมกซ์มา 1 กระป๋องกันตายไปก่อนเพราะร้านค้าก็ยังไม่เปิดกันเลย เช้าเกิน

     

    และแล้วก็มีเรื่องสุดระทึกเกิดขึ้นกับผมจนได้ นั่งสูบบุหรี่อยู่หน้าเซเว่น ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ ตี 5 ซักพักก็มีฝรั่ง(ชาย)

    รูปร่างใหญ่ กล้ามแขนเท่าลำตัวผมได้ เดินมานั่งมอไซด์ใครไม่รู้ที่จอดหน้าเซเว่น ใกล้ๆกับผม แมร่งก็นั่งจ้องผมตลอดเวลา

    ด้วยความเป็นไทยยิ้มง่าย ผมก็เลยยิ้มทักทายมัน เท่านั้นละ... ฮิบอ้ายยยยย มันพูดอะไรซักอย่างพอจับใจความได้ว่า

     

    “คุณสนใจไปนอนเล่นทวารกับผมไหม” นี่คือแปลแบบสุดภาพนะครับ ความจริงหยาบคายกว่านั้น แล้วมันก็แล่บลิ้นโชว์ เจาะลิ้น เจาะหน้าเตาะตาเต็มไปหมด ผมก็บอก no no (ตรูไม่ใช่กย์นะ แสรกกกกก) มีการทำเสียงแมว ทำ แง่วววทำท่าขยุ้มใส่ผมด้วย 555 ตอนแรกก็คิดว่ามันคงแกล้งเล่นแต่มันทำหน้าจริงจังมาก พูดจาเฮียๆ ไม่หยุด ไม่ยิ้มเลยด้วย ตอนนั้นเริ่มเหว๋อละเพราะตัวมันใหญ่มาก โครสลายทีเดียวผมคอหักอะ เลยแบกเป้จะเดินหนี

     

    เท่านั้นละ! มันลุกพรวดตามผมเลย ดีที่มีรถเข็นขายของจอดขวางระหว่างมันกะผมอยู่ ผมจะเดินไปซ้ายมันก็เดินมาดักซ้าย

    จะเดินไปขวามันก็เดินมาดักอีก ตอนนั้นเริ่มกลัวจริงจังละ

     

    เลยใช้ทักษะที่มีโยกหลอกว่าจะไปซ้ายแล้วพุ่งตัวเข้าเซเว่นที่อยู่ทางขวาทันที มันก็พูดอะไรลับหลังผมซักอย่าง (เหมือนคนเมายา) ดีที่มันไม่ตามเข้ามาในเซเว่น โชคดีไป ซักพักมันก็เดินหายไป ถึงกับใจเสียไปนิดนึง แต่ไม่เป็นไร ฝรั่งดีๆ ก็มีเยอะ ไม่ทำให้ทริปนี้เฟลแน่นอน

    ตรงนี้แหละครับสถานที่เกิดเหตุ แต่ตอนสว่างแล้วคนพลุกพล่านไม่น่ากลัวเลยครับ

     

    ประมาณ 6 โมงก็เริ่มสว่าง เลยเดินไปหาดทรายรี รอเวลาเช็คอินตอน 10 โมงจะเช่ามอไซด์ร้านก็ยังไม่เปิด ถามพนักงานเซเว่นว่าไกลไหม น้องเค้าก็บอกประมาณ 2 กิโล แต่ด้วยความว่างก็เลยเดินไป เอาวะ!

     

    จะมีบางช่วงที่กำลังทำถนน แต่ส่วนใหญ่ถนนดีนะครับ

     

    มาถึงหาดทรายรี ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการเดิน เริ่มมีผู้คนออกมาหน้าหาดแล้ว

    บรรยากาศยามเช้าอันฉดฉื่นนน

     

    มาสำรวจทำเลที่ต้องมาซิ่งคืนนี้ซะหน่อย ฮ่า ฮ่า

     

    เดินกลับมาจะถึงที่พักประมาณ 8 โมง กะหาร้านข้าวข้างทางธรรมดานั่งกินก่อน เจอร้านข้าวแกงใกล้ๆ ที่พัก

    เลยจัดไปเลย คั่วกลิ้งไข่ดาวราดข้าว 70 บาท! ตกใจเล็กๆ แต่รสชาดดีฮะ อร่อยเลยละพริกแกงเผ็ดมาก

    เดินกลับมาที่พักที่จองไว้ Koh Tao Loft Hostel เจอพี่พนักงานคนนึงมาเปิดให้พอดี ชื่อพี่คมครับ หน้าโหดแต่ใจดี

    เค้าบอกให้เข้ามานั่งรอก่อน เชคอินได้ 11 โมง - -“  ก็นั่งคุยกับพี่เค้าไปจนรีเซฟชั่นมา

    แล้วก็เป็นอย่างกระทู้รุ่นพี่บอกไว้ พูดภาษาไทยกับเค้าไม่ค่อยรู้เรื่องครับ เลยต้องโชว์ภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ไป เค้าถึงเข้าใจ ตอบกลับมาคล่องแคล่วมากสำเนียงเป๊ะ You Know?

     

    นี่พี่คม คนไทยนะครับ ถึงหน้าโหดแต่ใจดี 555

     

    เนื่องจากยังไม่สามารถเชคอินได้ แต่เค้าให้เข้าไปอาบน้ำก่อนได้ ผมก็เลยอาบน้ำก่อน ซักพักไฟดับ! เค้าว่าดับรอบเกาะ ประมาณ 4 โมงเย็นอะไฟถึงจะมาอีกที กะจะนั่งเล่นนั่งพักซะหน่อย เลยเดินไปจองทริปดำน้ำสำหรับพรุ้งนี้ กับพี่ปุ๊กตามลายแทงเลยครับ พี่ปุ๊กใจดีสมคำร่ำลือ แถมจองเลยกลับให้ แล้วกลับจากดำน้ำพี่เค้าก็ให้อาบน้ำที่ร้านแกด้วย และยังหามอไซด์ให้อีกคันนึงอีก แนะนำเลยครับ แสงทองทัวร์ ของพี่ปุ๊ก ค่าดำน้ำพี่ปุ๊กคิด 630 ค่ามอไซด์ 200 บาท ไม่มีมัดจำครับ

     

    พี่ปุ๊กครับ พี่เค้าบอกว่าทริปพรุ้งนี้เค้าไม่ได้ไปด้วย เพราะต้องกลับไปหาแม่ครับ

     

     

    ได้มาแล้ว Koh Tao Complete Guide ไกด์บุ๊คในตำนาน แถมมากับมอไซด์ น้ำมันก็มีให้เต็มถัง ลุยฮะ!

     

    ที่แรกที่ผมมาคือ หาดโฉลกบ้านเก่า เป็นหาดเล็กๆ แต่บรรยากาศดีโคตรๆ มีเกาะทรายเล็กๆ กลางทะเลด้วย 

    ธรรมชาติช่างสวยงามตามที่เค้าบอกไว้จริงๆ

     

    ที่ต่อมาคือตาโต๋บีช ตรงนี้เสียค่าเข้า 50 บาท เพราะเป็นหาดส่วนตัวและเป็นทางไปจุดชมวิว จอห์นสุวัน ด้วยครับ หาดนี้ติดกับหาดโฉลกบ้านเก่าครับ สวยงามไม่แพ้กัน

    มีความใส

     

    และนี่คือ Freedom Beach

    สำหรับผม ผมชอบหาดนี้ที่สุด เป็นหาดเล็กๆ เล็กกว่าหาดอื่น แต่ผมว่ามันสวยสุดๆ แนะนำเลยครับมานี่ต้องมา

    Freedom Beach ให้ได้ ต่างชาติมาสน๊อกเกิ้ลกันริมหาดเลย ลงน้ำไป 2-3 ก้าวก็เจอฝูงปลามากมาย มีแต่ต่างชาติครับ

    ไม่มีคนไทยเลย

     

    สุดด่ะ!!

     

    นักดำน้ำตัวน้อย กำลังโดนโค้ชเทรนอยู่ครับ

     

    เงาผมไง จะใครละ

     

    ไฮไลท์ของวันนี้อีกอย่างคือ จุดชมวิว John Suvan เสียค่าเข้าเพิ่มอีกคนละ 50 บาท ขอเตือนไว้ก่อนว่าทางค่อนข้างโหดร้ายพอสมควร ฟีลเดินขึ้นเขาจริงจัง เค้าทำทางแบบหยาบๆ ไว้ให้ แต่ก็มีบางจังหวะที่ต้องใช้มือก่ายหรือพยุงตัวขึ้นไป เค้ามีเชือกไว้ให้เกาะขึ้นไปนะครับจะง่ายขึ้น 

     

    ใส่รองเท้าแตะมาอีกตะหาก ไม่ใช่เหงื่อตก เหงื่อแตกเป็นทางเลย -_-“

     

    แต่วิวที่ได้มาเห็นผมว่าโคตรคุ้มกับเหงื่อที่เสียไปนะครับ มองเห็นได้ 2 หาดซ้ายขวา หาดทางซ้ายเป็นหาดโฉลกบ้านเก่า

    หาดขวาคือ ชาร์ค เบย์ 

     

    สวยงามตามท้องพระโรง!

     

    ขาลงมาก็กลับมาแวะ Freedom Beach อีกทีครับ เสียดายค่าเข้า 50 บาท ฝรั่งเยอะขึ้นครับคราวนี้ ผมเลยต้องใส่แว่นกันแดดไว้อำพรางสายตา ฮ่า ฮ่า

    ออกมากจาก Freedom Beach ก็บ่ายโมงกว่าละ กะจะหาไรกินก่อนเข้าที่พัก เจอร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านๆ ร้านนึงระหว่างทาง ผมเลยรีบพุ่งตัวเข้าไป รสชาดโอเคครับ แต่ให้เยอะมาก

     

    สนนราคาอยู่ที่ 60 บาท

     

     

     

    นี่คือที่พักของเราในคืนนี้ ที่นี่มีทั้งหมด 3 ห้อง เป็นห้องแอร์ 2 ห้อง ห้องพัดลม 1 ห้อง ในห้องจะมีเตียงสองชั้น 3 เตียง

    ทั้งหมดจึงมี 6 ที่นอน เป็นห้องรวมชายหญิง สภาพห้องโอเคเลยนะ สะอาดดีทีเดียว มีปลั๊กไฟให้เตียงละ 1 รู ห้องน้ำในตัว

    ก็ไม่แย่ครับ แต่ต้องทำใจนิดนึง ใช้รวมกัน

    พอซัก บ่าย 3 ก็ออกไปขี่รถเล่นอีกครั้ง คราวนี้ไปทางเหนือของเกาะครับ ไปตรงนางยวนเทอเรส

    จุดนี้จะสามารถมองเห็นเกาะนางยวนได้ครับ ขี่มอไซด์ไปได้ชันนิดหน่อย แต่ไม่ลำบากมากครับ

    นั่งชมวิวซักพัก ถ่ายรูปอะไรไปเรื่อย ผมก็ตั้งใจจะขับไปอ่าวหินวงต่อ แต่ด้วยความร้อนแรงของแดดบนเกาะ บวกทางไปที่ชันใช้ได้ ผมเลยขี่กลับดีกว่า ฮ่า ฮ่า 

     

    จุดชมวิว Mango ตอนแรกก็กะจะไปแต่ไม่ไหวกับแดด และระยะทาง น่าเสียดายจริงๆ ที่ขี้เกียจซะก่อน

     

    ต้องแวะ เซเว่นซื้อครีมกันแดด ทาผิวเลยครับ เพราะตอนนี้แสบทั้งตัวจริงจัง

     

    พระอาทิตย์เริ่มตกดินผมเลยออกมาเดินเล่นที่หาดตรงท่าเรือครับ แต่จะมีเรือมาจอดกันเยอะ คนลงเล่นน้ำก็มี

    ที่โฮลเทลนี้เค้ามีล็อคเกอร์ให้นะครับ แต่ไม่มีกุญแจให้ ต้องหามาเอง ผมเลยเดินไปซื้อแม่กุญแจอันเล็กมาเนื่องจากผม

    เอาแม็คบุ๊คมาด้วย เลยต้องลงทุนค่าแม่กุญแจ 70 บาทครับ เพื่อความปลอดภัยของแม็คบุ๊ค(ที่ยืมเพื่อนมา)

     

    เดินกลับมาที่พัก ตั้งใจว่าจะอาบน้ำแล้วไปหาของกินที่หาดทรายรี พร้อมดูแสงสียามค่ำคืนซักหน่อย ดั้นนนนนนนน ลืมกุญแจห้องไว้ที่เตียง! ไม่รู้จะทำยังไง เผอิญเห็นต่างชาติ 2 คน เดินผ่านมา จำได้ว่านอนเตียงข้างๆ เลยรีบพุ่งตัวเข้าไปขอความช่วยเหลือ 

     

    Please Open the door for me, I’m forget key in room 

     

    ตอนแรกก็กังวลว่าเค้าจะเข้าใจเราปะวะ สำเนียงไทยมากๆๆ ฮ่า ฮ่า  แต่เค้าก็ตอบกลับมาว่า Oh yessss ok ok ยิ้มแย้ม วิ่งไปเปิดประตูให้

    (ขอบอกว่าเธอสองคนนี้น่ารักแบบมากๆๆๆ ซะด้วย 555)นางฟ้ามาโปรดแท้ๆ >///<

    นี่ละครับ แอบถ่ายหนังหัวเธอมาได้แค่นี้  555 (ไม่กลับหัวให้ด้วย เด๋วไม่ Real)

     

    เข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะใกล้ค่ำแล้ว (คำเตือนน้ำอุ่นที่นี่ร้อนแรงมากนึกว่าน้ำจากกะทะทองแดง)

     

    19.30 ไปถึงหาดทรายรีอีกครั้ง แต่คราวนี้ผิดกับตอนเช้าลิบลับ คนพลุกพล่านมาก ฟีลเหมือนอยู่ถนนข้าวสาร ผมเลยเดินเล่นตามซอยต่างๆ ของขายเยอะครับ 80% เปนฝรั่ง อีก 20% เป็นพม่าครับ ไม่เจอคนไทยเลย

    มื้อเย็นของผมครับ ไส้อั่ว แต่ทำไมเป็นไส้อั่วที่เปรี้ยวที่สุดที่ผมเคยกินมาครับ ไม่รู้เป็นสูตรเค้าหรือบูด...

     

     

    รู้ตัวอีกทีมานั่งอยู่ Lotus Bar (ในตำนาน) แบบงงๆ ซะงั้น เนื่องจากยังหัวค่ำเลยยังไม่มีใครลุกขึ้นมาดีดดิ้นกัน

    แล้วก็มีควงไฟกันตามประเพณี

     

    หรือจะซื้อเบียร์เซเว่นเดินมาเนียนก็ได้นะครับ คือ Hoe นี่ผมไม่ได้หยิบนะ ผมหยิบช้างข้างล่าง 555

     

    ก็นั่งเล่นจิบชิวๆ ไป ประมาณ 4 ทุ่มก็กลับครับ แหม่ะที่ร้านกำลังมันส์เลย แต่เนื่องจากกลัวอันตรายมาถึงตัว(เหมือนเมื่อตอนเช้ามืด -“-) และเด๋วจะขี่มอไซด์กลับไม่ไหวเลยกลับมานั่งจิบที่ที่พักอีกนิดหน่อยก็เข้านอนครับ พรุ้งนี้มีทริปดำน้ำแต่เช้า

     

     

    บาร์หน้าที่พักก็ได้รับความนิยมใช้ได้นะ

    • Posts-4
    Vichhy •  August 16 , 2016

    Day 3

    วันต่อมาผมตื่นมา 7.45 น. อาบน้ำเก็บของเตรียมออกไปดำน้ำ เดินออกมาเช็คเอาท์

     

    ฝนตกซะงั้น! ทริปดำน้ำจะรอดไหม

     

    แต่ซักพักก็หยุดตก ค่อยยังชั่วหน่อย เลยขี่มอไซด์ไปคืนร้าน พร้อมซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด มาชุดนึงเป็นอาหารเช้า

     

    กว่าเรือจะออกก็ประมาณ 10 โมงครับ ตอนแรกถามพี่เค้าบอกว่ามี ร่วมทริป 25 คน ผมก็ว่าเยอะแล้วละ

    แต่ถึงเวลาไปจริงๆ มีทั้งหมด 36 คน ต่างชาติล้วน!!! เป็นแกะดำเลยผม ส่วนใหญ่ไปเป็นกลุ่ม 4 คน 6 คน 2 คน 

     

    จุดแรกคือ Shark bay แปลตรงตัวว่า อ่าวฉลาม เพราะว่าอ่าวนี้มีฉลามจริงๆ นะครับ พี่เค้าบอกมา แต่วันนี้ผิดหวังครับ ไม่มีอะไรเลย อย่าว่าแต่ฉลามเลย ปลาตัวน้อยยังหาไม่เจอ เลยรีบขึ้นเรือไปที่ต่อไปทันทีครับ ดำไม่ถึง 10 นาที

     

    ที่ต่อมาคืออ่าวลึก สวยครับที่นี่ ปะการังเยอะ ปลาเยอะ เยอะคือแบบเยอะมากๆ อะครับ ว่ายน้ำกับปลาเลย ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ เยอะไปหมดจริง ปลาที่นี่ก็เฟรนลี่มาก ว่ายมาเล่นกับคนไม่กลัวมนุษย์เลย เสียดายไม่ได้เอากล้องใต้น้ำมา T^T

    ฝรั่งที่นี่เค้าไม่ใส่ชูชีพกันนะครับ โดดกันตัวเปล่าๆ เลย

     

    จุดที่สามคือ อ่าวหินวงครับ ที่นี่ก็สวยครับแต่ปะการังไม่สวยเท่าอ่าวลึก ซักพักก็ขึ้นมารับทานอาหารกลางวันบนเรือครับ

    เป็นข้าวกะเพาไก่ไข่ดาว และไก่กะเทียม ไข่ดาว ละมั้ง ด้วยความหิว น้องพลับขอ 2 ครับ 555

     

    จุดที่ 4 อ่าวม่วง คนเริ่มลงไปเล่นน้ำน้อยลง น่าจะเพราะจุกอะครับ ฮ่าๆ ผมก็เป็น 1 ในนั้น นั่งเล่นบนเรือซักพักค่อยลงไปดำน้ำ

     

    จุดสุดท้าย ไฮไลท์ของวันนี้ คือเกาะนางยวน สวยงามตามท้องทะเลครับ แต่เซอไพรส์นิดๆ ตรงที่มีทัวร์จีนมาลงวันนั้นพอดีครับ

     

    เป็นร้อย!!

     

    และเมื่อมีทัวร์จีนมาลงก็อย่าไปคาดหวังกับห้องน้ำครับ ขนลุกกันเลยทีเดียว ผมอั้นไว้เข้าบนเรือดีกว่า

    เรือจะมารับตอน 4 โมงเย็นครับ

     

    เดินขึ้นไปบนจุดชมวิวมหาชนคนล้านแปด ผมดันไม่ได้ใส่รองเท้าลงจากเรืออีก เดินกันตาปลาแตกกันเลยทีเดียว

     

    แต่ขึ้นไปแล้วก็สวยงามครับ ต้องสลับกันไปยืนถ่ายรูป

     

    ยืมฝารางคนนีมาเปนแบบหนอยยย

     

    เดินลงมาผมก็มา snorkel กันตรงหาดเลย ชิวมากๆ เพลินฮะตรงนี้ ลงไป snorkel ทั้งสองฝั่ง ดำเล่นจนเกือบตกเรือ

    ไม่ได้ดูเวลาเลย 555  

     

    ที่นี่เค้าคิดค่าผ้าใบ 2 ตัว 150 บาทครับ ผมเสียดายเงิน เนื่องจากอีกไม่นานก็ต้องขึ้นเรือกลับแล้ว เลยวางของไว้กับพื้นทรายแบบ ชิคๆ คูนๆ ไปครับ

    พื้นทรายบนหาดส่วนใหญ่จะเป็นซากปะการังปนกรวดนะครับ

     

    บนเกาะเค้าไม่ให้นำขวดพลาสติกขึ้นเกาะนะครับ มีป้ายเขียนเตือนไว้

     

    กลับมาถึงเกาะเต่าประมาณ 4 โมงครึ่ง ขากลับทำกุญแจล็อกเกอร์หล่นหายไปในทะเลอีก โชคดีที่ โฮศเทลเค้ามีเลื่อยตัดเหล็ก

     

    ก็เลื่อยกันไปครับ - -“

     

     

    เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำที่ร้านพี่ปุ๊กครับ สั่งเบียร์ร้านพี่ปุ๊กมานั่งรอเวลาเรือมา เรือออกตอน 5 ทุ่มครับ

     

    ถึงเวลาเรือมาก็เดินขึ้นเรือขากลับเป็นเรือของ พรทวีสิน ตั้งใจว่าจะขึ้นไปหลับเอาแรง แต่ที่ไหนได้นอนไม่หลับเลย

    เพราะคืนนั้นพายุเข้า ลมแรงคลื้นสูงมากๆ เรือโคลงเคลงน่ากลัวเกือบตลอดเส้นทาง ผมสังเกตดูเกือบทุกคนก็คงไม่ได้นอนกัน

    ลุกๆ ยืนๆ กันหมด

    • Posts-5
    Vichhy •  August 16 , 2016

    Day 4

    มาถึงฝั่งตอน เกือบ 6 โมงเลยครับ มีรถสองแถวมารอรับลูกค้าไปที่ต่างๆผมก็นั่งไปลงสถานีรถไฟครับ

    เสียค่ารถไป 50 บาท แล้วก็ไปแลกตั๋วรถไฟฟรีขบวน 254 หลังสวน - ธนบุรี รถมาเทียบชานชาลา 7.10 น. ครับ

    ก่อนขึ้นก็ซื้อข้าวเหนียวหมูหน้าสถานีห่อนึง แล้วก็ขึ้นไปกินบนรถ เสร็จแล้วก็หลับทันทีครับ 555

     

    ถึงสถานีธนบุรี 17.00 น. ครับ ผมก็นั่งรถตู้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ ^^

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนจบครับ นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกของผม อาจจะมีผิดพลาดช่วงไหนไปบ้าง
    ต้องขออภัยไว้ด้วยนะครับ

    หวังว่าจะได้อะไรจากการรีวิวครั้งนี้ของผมบ้าง อย่างน้อยก็อยากให้รู้สึกสนุกเหมือนกัน
    คือเปลียนความคิดจากที่เคยกลัวการไปเที่ยวที่ไหนคนเดียวไปเลย กลับหลงรักการ Backpack ไปคนเดียวซะแล้วซิ ^^ 

    อีก 1 คนที่เป็นแรงบันดาลใจและอยากขอบคุณซักหน่อย คือเพื่อนเก่า นายดีบุก ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก ครับ

    ป่านนี้นายคงเดินทางไปถึงไหนแล้ว ^^ 

    • Posts-6
    Vichhy •  August 16 , 2016

    เพิ่มเติมครับ

    • แนะนำครับ ถ้าคุณเป็นคนดื่มแอลกอฮอล์ คุณอาจจะต้องระวังตัวมากเป็นพิเศษนะครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง ต้องมีสติตลอดเวลานะครับ ทำอะไรต้องหูตาไวครับ ไม่ควรพาตัวเองไปอยู่ที่อับ มึดๆ คนเดียวนะครับ

    • แสงแดดบนเกาะรุนแรงดังไฟจากนรกครับ ทางที่ดีควรหาครีมกันแดดไว้ดีกว่าครับ

    • ผมว่าควรเช่ามอไซด์นะครับ เดินไม่ไหวจริงๆ ครับแดดรุนแรง และแต่ละที่ก็ค่อนข้างห่างกันนะครับ คุ้มครับเชื่อผม 200 บาท ดีกว่าไปเสียค่า Taxi บนเกาะเพื่อไปที่ต่างๆ

    Enjoy your Trip ครับ ^^

     

    สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

    วันแรก
    -  MRT  ไปหัวลำโพง  42 บาท
    -  รถไฟ                             ฟรี
    -  ข้าวกล่อง                20 บาท
    -  น้ำเปล่า 2 ขวด        20 บาท
    -  ก๋วยเตี๋ยวห่อราชรี    10 บาท
    -  มาม่า บนรถไฟ        20 บาท
    -  มอไซด์ไปท่าเรือ     120 บาท
    -  เบียร์                      78 บาท
    -  ค่าเรือ                   400 บาท

    วันที่ 2
    -  โจ๊กคัพ+เป๊ปซี่         36 บาท
    -  ข้าวแกง                  70 บาท
    -  ค่าทริปดำน้ำ         630 บาท
    -  ค่าเช่ามอไซด์        200 บาท
    -  ค่าที่พัก                 450 บาท
    -  ค่าเข้า Freedom B.  50 บาท
    -  ค่าเข้าจุดชมวิว John Suvan  50 บาท
    -  กุญแจล็อกเกอร์       70 บาท
    -  เป๊ปซี่                      20 บาท
    -  ครีมกันแดด            60 บาท
    -  ไส้อั่ว                      30 บาท
    -  น้ำเปล่า                  10 บาท
    -  เบียร์ (Lotus Bar)  140 บาท
    -  เบียร์ (ที่พัก)           100 บาท

    วันที่ 3
    -  ข้าวเหนียวไก่ทอด     35 บาท
    -  ค่าเบียร์ร้านพี่ปุ๊ก      70 บาท
    -  ข้าวหมูแดง              60 บาท
    -  เบียร์ตอนเย็น           63 บาท
    -  ค่าเรือนอนกลับ       400 บาท
    -  น้ำเปล่า                   10 บาท

    วันที่ 4
    -  ค่ารถสองแถว           50 บาท
    -  ข้าวเหนียวหมู           12 บาท
    -  ค่ารถไฟ                         ฟรี
    -  รถตู้เข้าบ้าน             30 บาท

    รวมทั้งหมด 3,338 บาท ครับ ที่ใช้ไปในทริปนี้