นอนพักกลางป่าที่ภูเขียว เที่ยวทุ่งกะมัง แล้วพากันไปส่องสัตว์ป่าหายาก
เมื่อฤดูฝนมาถึง ทั่วทุกภาคของไทยก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกและสายฝน หันไปทางไหนก็เจอแต่ความชุ่มฉ่ำ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีดูสวยงามราวกับว่าเป็นฤดูแห่งความสุขของมัน และผืนป่าอีกแห่งที่อุดมสมบูรณ์น่าไปพักผ่อนในวันหยุด สถานที่อยากแนะนำ คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว-ทุ่งกะมัง จังหวัดชัยภูมิ ที่นี้ยังมีธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ และสัตว์ป่านานาชนิดรอเราอยู่อีกมากมาย



เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว เราต้องขับรถเข้ามาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีกราว 24 กิโลเมตรเพื่อเข้ามายังที่ทำการ ระหว่างทางเราจะได้พบกับเส้นทางอันร่มรื่นเขียวขจี เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่คอยให้ร่มเงา และสัตว์ป่าหลายชนิด ส่วนมากจะเป็นนก และสัตว์เท้ากีบ กวาง เก้ง งู และเนื้อทรายที่ใช้เส้นทางนี้ร่วมกับเรา ดังนั้นเราควรขับช้า ๆ ค่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของที่นี่ หรือถ้าอยากฟังเสียงธรรมชาติใกล้ ๆ ลองเปิดหน้าต่างรถดู นอกจากจะได้ยินเสียงที่ไพเราะของผืนป่าที่อุดมสมบูณ์แห่งนี้แล้ว ก็ถือเป็นการเปิดรับลมและอากาศบริสุทธิ์ที่ทำให้เราสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย






ประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของทุ่งกะมังนี้ เกิดจากการทำลายป่าของชาวบ้าน ที่ขึ้นไปบุกรุกป่าธรรมชาติเพื่อปลูกพืชและตั้งหลักแหล่งจนผืนป่าถูกทำลาย สัตว์ป่าถูกล่า โดยเฉพาะกระซู่ ที่เป็นสัตว์ป่าสงวนที่หายากมาก ปัจจุบันกระซู่ได้สูญพันธุ์จากผืนป่าภูเขียวไปแล้ว จึงนำไปสู่การประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงต้องการให้ปล่อยสัตว์ป่าคืนถิ่นในบริเวณนี้ เช่น เก้ง กวาง กระจง และนกต่าง ๆ มีการจัดทำดินโป่งในบริเวณทุ่งกะมังเพื่อให้สัตว์มากินดินโป่ง และเผาแปลงทุ่งหญ้าเพื่อให้เกิดหญ้าระบัด ที่เป็นอาหารของเก้ง กวางในช่วงฤดูแล้ง และบนยอดเนินเหนือบริเวณทุ่งกะมัง ยังมีพระตำหนักที่ประทับอยู่เหนืออ่างน้ำด้วย



ตามธรรมชาติแล้ว ถิ่นที่อยู่เดิมของมันอยู่ตามที่ราบลุ่มริมแม่น้ำ และทุ่งหญ้าริมทะเลซึ่งมักมีกอหญ้าขึ้นอยู่มาก แต่ทุกวันนี้พื้นที่เหล่านี้ถูกคุกคามจนไม่เหลือพื้นตามธรรมชาติดั้งเดิมสำหรับเนื้อทรายแล้ว จึงทำให้เนื้อทรายสูญพันธุ์ไปช่วงนึง แต่ปัจจุบันมีการพาะขยายพันธุ์ และนำมาปล่อยให้สืบพันธุ์เองตามธรรมชาติแล้ว เราจึงพบเนื้อทรายได้ที่ ห้วยขาแข้ง และ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โดยเฉพาะที่ภูเขียว เป็นสถานที่ที่มีเนื้อทรายอยู่มากที่สุดในไทย






ทริคเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่อยากเดินป่า ผมขอแนะนำว่าเราต้องเป็นคนช่างสังเกต ตาต้องดูรอบ ๆ ทิศทาง หูต้องคอยฟังเสียงสิ่งรอบตัว เราจะสังเกตว่าตรงจุดที่เราอยู่มีสัตว์ป่าอยู่หรือไม่นั้น ให้เราสังเกตได้จากรอยเท้า มูลสัตว์ หรือแม้กระทั่งซีกไม้ที่หัก เพราะสัตว์ป่าแต่ละชนิดจะมีวิธีการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันไป ถ้าเรามีข้อมูลของสัตว์ไว้บ้าง เวลาเราเดินป่าจะทำให้เราสนุกและตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น


การที่เราเข้าไปในป่า ต้องระลึกไว้เสมอว่าเป็นการรุกเข้าไปในพื้นที่ของสัตว์ป่า อันเป็นถิ่นอาศัยปกติและแหล่งหาอาหารของสัตว์เหล่านั้น เราเข้าไปได้ แต่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ