ลองออกไปผจญภัยกับ "ตัวเอง" แล้วจะเจอมากกว่าประสบการณ์

          กลับมาอักครั้งของการรีวิวการเดินทาง เล่าที่เดิม เพิ่มเติมคือ "เพื่อนร่วมทาง" จากความเดิมตอนที่แล้ว ที่ผมมาป้อมปี่ แล้วอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่เพื่อจะขอขึ้นเขาสันหนอกวัว แต่ก็ไม่ได้ขึ้น วันนี้ผมกลับมาใหม่ กลับมาอีกครั้ง แต่กว่าจะโทรติดก็ 100+ สายเหมือนกัน ยากพอๆกับโทรไปเขาช้างเผือกเลย ฮ่าๆๆๆ 

          มาเริ่มกันเลยดีกว่า วันนี้ผมจะไม่เล่าถึงการเดินทางมานะครับ เพราะหลายๆกระทู้ก็มีเขียนกันบ้างแล้ว แต่ถ้าคนไหนอยากทราบก็มาอ่านกระทู้เดิม ที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ครับ มันคือ ภาค 1 ครับ ฮ่าๆๆๆ  https://goo.gl/7PX3EY


DAY 1
          ผมเดินทางจาก กรุงเทพฯ  - ป้อมปี่ ประมาณเที่ยงครับรอบนี้ แต่ดันเกิดปัญหานิดหน่อย เนื่องจากผมลืมเช็คเงินในกระเป๋า เลยมีติดตัวมาประมาณ หนึ่งพันบาท เพราะไม่มีที่ให้กด ซวยแล้ว กินมูมมามเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ (เอาหน่ะ ไม่เป็นไร บอกกับตัวเอง) ในกระเป๋ายังพอมีอาหารติดตัวมา พอมาถึงก็มากางเต๊นท์นอนที่เดิม จุดเดิม ชมวิวเดิม แต่บรรยากาศก็ยังดีเหมือนดิม ถ้าหากใครจะมาขึ้นสันหนอกวัวก็มาที่นี่ได้เลยครับ ไม่ต้องไปที่ทำการของอุทยานฯเขาแหลม แต่ต้องโทรจองไว้ก่อนนะครับ กิจกรรมของผมวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ทำเหมือนที่ทุกคนทำแหละครับ ดูวิว ถ่ายรูป แล้วก็นอนพักผ่อนเตรียมขึ้นสันหนอกวัวในวันถัดไป 

DAY 2
          ตื่นเช้าเลยครับวันนี้ 6 โมง รีบจัดการตัวเอง ไปอาบน้ำ แปรงฟันให้เรียบร้อย เอาแบบให้สะอาดเอี่ยมอ่องไปเลย เพราะขึ้นเขาไปแล้วไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ (ไม่ใช่ขี้เกียจอาบนะ แต่ข้างบนไม่มีน้ำให้อาบเชื่อสิ) หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็กับมาจัดการกับข้าวของเครื่องใช้ เก็บที่นอน เก็บเต๊นท์ เสร็จสับก็ประมาณ 7 โมงครึ่ง ผมก็เดินไปที่ร้านค้าอุทยาน สั่งข้าวกระเพราะหมูสับ  1 จาน กับอีก 1 ห่อ น้ำเปล่าขวดเล็ก 2 ขวด เอาไว้กินระหว่างทางเดินขึ้น (น้ำดื่มผมแนะนำให้เอาขึ้นไป 2 ขวดเล็กใช้ดื่มตอนเดินขึ้น กำลังดีครับ ข้างบนจะมีลำธารเล็กไปกรอกน้ำไว้ใช้ได้ครับ) หลังจากกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ใกล้เวลา 8 โมง ที่เจ้าหน้าที่นัดไว้ 


          ผมเดินไปลงทะเบียน ณ จุดที่ลงทะเบียน เนื่องจากการเดินขึ้นเขา ต้องเดินขึ้นเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละ 7 คน โดยมีเจ้าหน้าที่นำทาง เพราะเผมมาคนเดียวก็โดนจับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น นี่ละครับ "เริ่มต้นมิตรภาพของการเดินทาง"  ผมได้ไปรวมกลุ่มกับกลุ่มที่มา 4 คน หญิง 2 ชาย 2 รวมผมอีกคนเป็น 5 คน แล้วน้องผู้หญิงในกลุ่มนี้ก็เดินมาถามผมชื่ออะไร ผมก็บอกไป น้องเขาก็แนะนำตัว แนะนำเพื่อน ทุกคนต่างแนะนำตัวเองเพื่อทำความรู้จักกัน จริงจริงแล้วอายุเราก็ห่างกันแค่ปีเดียว ผมก็บอกน้องไม่ต้องเรียกพี่หรอก ฮ่าๆๆๆ แต่น้องก็ยังเรียก เอาหน่ะ ก็เลยเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มไปโดยปริยาย สักแปปหนึ่งก็มีน้องอีก 2 คน ชาย 1 หญิง 1 เดินมาลงทะเบียน กลุ่มผมก็เลยครบ 7 คนพอดี แล้วพวกเราก็เริ่มจ่ายเงิน ค่าขึ้นเขา ค่ารถไปส่งทางขึ้นเขา ค่าลูกหาบ ประมาณคนละ 300 บาท กลุ่มเราทำความรู้จักกันไวมาก เนื่องจากอายุไล่เลี่ยกัน แล้วแถมแต่ละคนมีความ ฮาตลอดเดินทาง
          หลังจากนนั้นเราก็ขึ้นรถกระบะเพื่อไปยังจุดเดินขึ้นเขา ซึ่งอยู่ห่างจากอุทยาณฯ ประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อนั่งรถมาถึงทางขึ้นเขา เราก็ไม่รีรอครับ ไม่ใช่เดินขึ้นนะ ถ่ายรูปกันก่อนสิ ฮ่าๆๆๆ ผมรู้ใครๆก็ทำใช่มะ เรามาถึงทางขึ้นเขาประมาณ 9 โมง หลังจากถ่ายรูปเสร็จ พี่เจ้าหน้าที่ก็เริ่มพาเดินขึ้นเขาเลยครับ ประมาณ 9 กิโลเมตร แรกแรกก็เดินกันสบายอยู่แหละครับ เดินผ่านเขาไปประมาณ 2 ลูกเริ่มเจอความชันขึ้นเรื่อยๆ 

พวกเราเป็นสายเต่าครับ เดินไป พักไป เฮฮาบ้างเป็นบางช่วง บางช่วงก็พูดกันไม่ออก เหนื่อยและเมื่อยมากครับ ทางเดินในช่วงที่ผมไป เป็นฝุ่นมากเพราะเหมือนผ่านสมรภูมิการเดินมาเยอะ ทำให้ทุกคนต้องใช้ผ้าบัฟโพกหน้ากันฝุ่นแทนครับ เดินมาเรื่อยๆ เดินมาสักพักก็มาถึงจุดพัก ที่เรียกว่า "เนินหมาถอย" ก็แวะพักเหนื่อย ถ่ายรูปสักหน่อย  
หลังจากหายเดินก็เดินกันต่อครับ ทางต่อจากนี้ค่อนข้างชันมากๆ เป็นดินฝุ่น ลื่น และมีเชือกที่เจ้าหน้าที่ผูกไว้ให้ในการเกาะระหว่างเดินขึ้น แต่เชือกเหมือนจะทำให้พวกเราโยกไปโยกมา ซึ่งมันไม่ค่อยดีเท่าไร เดินมาเรื่อยๆ เรื่อยๆ เดินรัดขอบผา ตรงนี้ระวังกันหน่อยนะครับ เพราะทางเดินแคบมา และเป็นขอบผา ดินก็ค่อนข้างลื่น เดินมาได้ครึ่งทาง ก็เที่ยงพอดี พวกเราก็พักกินข้าว เสวนาฮาเฮ เมาส์มอย คนในกลุ่มกันเองนี่แหละ แบบว่า ขุดเพื่อนมาเผากัน ฮากันไปเป็นแถบๆ 
เนื่องจากเรามาถึงตรงนี้ประมาณเที่ยงพี่เจ้าหน้าที่เลยให้พวกเรานั่งพักยาวๆหน่อย เพราะถ้าขึ้นไปยอดเขาเร็ว ตอนนี้จะร้อนมาก  เดี๋ยวจะไม่มีที่นั่งพักกัน พอได้เวลาเราก็เริ่มเดินทางขึ้น กับระยะทางที่เหลือ เส้นทางในการเดินครั้งนี้ค่อนข้างร่มเพราะเดินอยู่ในป่า เดินไปเรื่อยๆ ก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ชันขึ้นเรื่อย แล้วก็เริ่มเป็นป่าเปิดขึ้นเรื่อยๆ ทางให้แดดเริ่มส่องถึง เอาง่ายๆ เริ่มร้อนแล้วล่ะ พวกเราเดินกันมาถึงจุดกางเต๊นท์ประมาณ บ่าย 2 เลยล่ะครับ
          หลังจากได้ทำเลกางเต๊นท์ พวกเราก็เริ่มกางกันเลยครับ 4 หลัง กางเข้าหากัน ปูผ้าใบวางของไว้ข้างหน้า และข้างหน้ามีกองไฟไว้ก่อทำอาหาร ไว้ผิงไฟตอนกลางคืนครับ หลังจากกางเต๊นท์เสร็จ พี่เจ้าหน้าทีก็พาเดินไปกอกน้ำที่ลำธารเล็กๆ ต้องเดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร  เพื่อเอาน้ำมาไว้ใช้ทำอาหาร ล้างหน้า ล้างมือกัน น้ำบนนั้นเย็นมาก หลังจากนั้นกลับมาที่เต๊นท์ พวกเราก็ทำภารกิจสำคัญครับ คือการนอนพัก ฮ่าๆๆๆ หมดแรงกันไปเป็นแถบ 
          หลังจากได้นอนพักกันไป พอถึงประมาณ 5 โมงครึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ก็พาพวกเราขึ้นไปที่สันหนอกวัว (สันใหญ่) ประมาณ 1 กิโลเมตร แล้วก็มีน้องคนหนึ่งพูดมาว่า เดี๋ยวหนูไปดูใน Youtube ก็ได้ เนื่องจากทุกคนเมื่อยขาขี้เกียจเดินขึ้นไปดู (พูดกันเล่นๆ) สุดท้ายก็เดินขึ้นไป เพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกอากาศเริ่มเย็น ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างพูดกันว่า ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกทุกคนก็ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศกันอย่างสนุกสนาน และตัวสั่นไปพร้อมๆกัน พอพระอาทิตย์ตกแล้ว พวกเราก็กลับมาที่เต็นท์เพื่อมาทำกับข้าวกินเป็นมื้อเย็นกัน 

เนื่องจากพี่เจ้าหน้าที่ฝากพี่ลูกหาบหุงข้าวให้ ระหว่างที่เราไปดูพระอาทิยตย์ตก ตอนนี้ทุกคนเริ่มเป็นพ่อครัว แม่ครัว ช่วยกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากระหว่างทางที่เดินขึ้นเขามาได้เมาส์มอยเรื่องอาหารกันว่า น้องในกลุ่มคนหนึ่งอยากกินต้มยำ กับผัดบวบ  น้องๆก็ซื้อกันมาครบทุกอย่าง ยกเว้น พริกใส่ต้มยำ เอาละสิ ต้มยำไม่มีพริก จะเป็นยังไง ฮ่าๆๆๆๆ ต้มจืดล่ะมั้ง สุดท้ายก็ใช้เครื่องมาม่ามาใส่แทนพริก อีกฝั่งก็ทอดไข่เจียว ผัดผักบวบ หนุ่มๆก็ปิ้งใส้กรอก  พวกเราใช้เวลาทำอาหารกันสักพักหนึ่งก็เสร็จ โอ้วโห เยอะเหมือนกันนะเนี่ย มีทั้ง ต้มยำ ผัดบวม ใส้กรอกย่าง ใส้กรอทอด ไข่เจียว น้ำพริกจากเซเว่น ต้มมาม่า ผัดมาม่าใส่ทูน่าใส้กรอก กับข้าวนี่เยอะกว่ากินตอนอยู่ข้างล่างเขาซะอีก หลังจากนั้นก็ไม่รีรอครับ พวกเรากินข้าวกัน และก็ชวนพี่เจ้าหน้าที่มากินด้วยกัน กลับข้าวมือนี้อร่อยทุกอย่าง ต้องขอขอบคุณฝีมือ หนุ่มสาวทุกคนที่ช่วยกันทำ ช่วยให้ไม่มีใครต้องจู๊ดๆ ฮ่าๆ


          หลังจากกินเสร็จพวกเราก็แยกย้ายทำภารกินส่วนตัวกัน สักพักหนึ่ง ก็ไปรวมตัวกันที่เต๊นท์หนึ่งหลัง อัดกันเข้าไปในนั้นล่ะครับ ค่อนข้างแน่นนั่งเบียดกันเลยที่เดียว พวกเราเข้ามาทำกันอะไรกันอ่ะหรอ พวกเราเข้ามานั่งเล่นเกมส์เศรษฐี ฮ่าๆๆๆๆ (ยังขนขึ้นมาเล่นกันได้) เล่นกันไป แบบเฮาฮาปาจิงโกะ เล่นกันจนบางคนหลับไปเลย ฮ่าๆๆ เริ่มดึกมาก ประมาณ เกือบเที่ยงคืน ก็เริ่มออกมาข้างนอกกันมาถ่ายดาวที่มีเต็มท้องฟ้า ทั้งๆที่อากาศหนาวมาก ประมาณ 13 - 14 องศา แถมลมก็แรงมากๆ พัดแรงจนคนสั่น เต๊นท์สั่นหลัง ถ่ายกันไปสักพัก แบตกล้องน้องหมด ต่างคนก็เริ่มแยกย้ายเข้านอน บางคนก็แยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ใช่ครับมีห้องน้ำ แต่เป็นห้องน้ำแบบว่าเป็นหลุม มีกระดานรองข้างๆ เอาเป็นว่าไม่เข้าจะดีกว่า ฮ่าๆๆๆ หลังจากนั้นก็เข้านอน นัดกันไว้ ตี 5 ครึ่งตื่นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น good night



DAY 3
          ผมตื่นมาเพราะนาฬิกาปลุก ตี 5 ครึ่ง ออกมานอกเต๊นท์ หนาวมาก ลมก็โครตแรง แต่ดาวนี่เต็มท้องฟ้า ลายตาไปหมด เยอะกว่าตอนที่รอถ่ายดาวซะอีก พระจันทร์ก็หายไปแล้ว สักพักทุกคนก็ทยอยตื่นแล้วออกมา เตรียมตัวไปดูพระอาทิย์ขึ้น พวกเราเดินไปดูบนยอดเขา (สันเล็ก) 
ไปกันแบบสั่นซู่มาก ไปยืนรอดูพระอาทิตย์ขึ้น รอไปสั่นไป พระอาทิตย์ก็ไม่ขึ้นสักที กว่าจะขึ้นก็เกือบ 7 โมงเช้า โอ๊ยยย มายืนให้หนาวกันซะงั้น ฮ่าๆๆๆ หลังจากนั้นก็ไปถ่ายรูปเล่นกับป้าย ที่ใครๆก็ต้องถ่ายเมื่อได้ขึ้นมาแล้ว เชื่อสิ ถ่ายกันไปสักพักชักทนความหนาวไม่ไหวก็เดินลงไปที่เต๊นท์ หาของกินกันละทีนี้ ทั้งมาม่า โจ๊ก กาแฟ โอวันติน มีไรก็กินกันเข้าไป เมื่อคืนจัดเต็มไปแล้วไง หมดสิ เหลือแค่นี้ ฮ่าๆๆๆ 

          หลังจากนั้นก็เก็บข้าวเก็บของกันเสร็จสับ ก็ประมาณ 9 โมง ก็เตรียมเดินลงกันเลยครับ ตอนขางลงที่เดินกันสบายมาก อย่างไว มาถึงครึ่งทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดปราบเซียนที่เดิม เนินหมาถอย คราวนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่ามีเชื่อกไว้เพื่อตอนลงมากกว่านี่เอง เพราะจะต้อง หันหลังถอยลง เกาะเชือกไว้ให้มั่น เดินถอยลงอารมณ์เดียวกับโดดผา ฝุ่นนี่ฟุ้งกระจายกันเลยที่เดียว พวกเราเดินมาเรื่ยๆ จนเหลือเขาอีก 3 ลูกสุดท้าย ซึ่งเป็นเนินที่เราเดินลงตอนขามา บ่นกันไป เมื่อยขาอีกแล้ว เดินไปครับเดินไป ตลอดทางก็ถามพี่เจ้าหน้าที่ว่า ใกล้ยังครับพี่ แบบนี้ประมา 3 - 4 รอบ ฮ่าๆๆๆ ขานี่เดินแบบ Auto กันเลยทีเดียว สุดท้ายเราก็มาถึงซะที มีเจ้าหน้าที่เอาน้ำมาขายให้ตรงนั้นเลยครับ เพราะคงรู้ว่าหิวกันทุกคน ก็จัดกันไปสิครับ คนละกระป๋อง 2 กระป๋อง  ชื่นใจกันไป หลังจากนั้นก็นั่งรถไปลงที่อุทยานเหมือนเดิม พวกเราก็จัดการแลก Contact กันไวก่อนแยกย้ายกัน นี่ล่ะครับมิตรภาพจากการเดินทาง
ฺ Bye...จบทริป...Bye

บันทึกกาญเดินทาง "เพื่อนร่วมทาง"
KANCHANABURI SAY Hi
#สันหนอกวัว