วันเดียวก็เที่ยวได้ อุทัยธานี

อุทัยธานี เป็นจังหวัดนึงที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ระยะทางจากกรุงเทพราวๆ 230 กิโลเมตร สามารถไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป แต่ถ้าจะมานอนพักสักคืน เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่าย ชมบรรยากาศริมน้ำยามเย็น ปั่นจักรยานเล่นเลียบแม่น้ำสะแกกรัง ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ที่นี่มีที่พักริมน้ำบรรยากาศดีๆและราคาไม่แรงให้เลือกพอสมควร 

เมืองที่มีวัดสวย ของกินอร่อย ไม่จ้อกแจ้กวุ่นวาย คนก็น่ารัก มีเสน่ห์ในแบบอุทัย อุทัย

วันนี้เราจะไปเที่ยวกันแบบวันเดย์ทริป ตามมาเลยค่ะ 

เริ่มต้นออกเดินทางแต่เช้ามืด เพื่อจะให้ทันตลาดเช้า โดยใช้เส้นทาง บางบัวทอง-สุพรรณบุรี จริงๆถ้าวิ่งเส้นสายเอเชียจะใกล้กว่า แต่บ้านเราอยู่โซนนนทบุรีเลยเลือกใช้เส้นทางนี้ค่ะ

ขับสบาย รถน้อย ถนนโล่ง พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น เราก็มาถึงชัยนาท บรรยากาศยามเช้าระหว่างทางดึงดูดให้ลงจากรถเลยค่ะ

มาถึงอุทัยประมาณเจ็ดโมงนิดๆ ที่หมายแรกเลย เราจะไปเดินตลาดเช้ากัน

"ตลาดเช้าริมน้ำสะแกกรัง" ตลาดเช้านี้จะเริ่มขายกันตั้งเช้ามืดไปจนถึงสายๆ ร้านรวงตั้งขายกันเลียบแม่น้ำสะแกกรัง ใกล้ๆกับวงเวียนสีม่วง ฝั่งตรงข้ามกับวัดอุโบสถาราม  มีพ่อค้าแม่ค้านำของสารพัดชนิดมาวางกันคึกคัก ทั้งของสดของแห้ง พืชผัก ผลไม้ ปลาแม่น้ำ กับข้าว ขนมนมเนย 

ใครที่มาพักค้างที่นี่ แนะนำให้ตื่นเช้าๆ มาเดินสัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่กันด้วยนะคะ

ผักพื้นบ้านก็มีให้เห็น และที่จะมีเยอะจริงๆก็พวกปลาชนิดต่างๆทั้งปลาสด ปลาแห้ง มีสารพัดชนิดเลยทีเดียว ทอดมันร้านในรูปอร่อยมากค่ะ เนื้อเหนียวนุ่ม รู้เลยว่าใส่ปลาเนื้อปลาเยอะ

หลังจากเดินจับจ่ายตลาดกันอย่างเพลิดเพลิน เราจะข้ามสะพานเพื่อข้ามแม่น้ำไปฝั่งตรงข้ามค่ะ

สะพานนี้สร้างมาน้านนาน ตั้งแต่ปี 2527 แน่ะ ดูสิ แวะตลาดแป๊บเดียว ของกินเต็มมือเลย 555 บรรยากาศสงบๆ และบ้านแพริมน้ำที่ยังคงมีให้เห็น

เค้ามีถนนเล็กๆเลียบแม่น้ำไว้ให้ทำกิจกรรมยามเช้าและยามเย็นด้วยนะ จะวิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ได้หมด วิวแจ่ม อากาศดีขนาดนี้ ชอบจัง

"วัดอุโบสถาราม" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยุ่ริมแม่น้ำสะแกกรัง สามารถเดินข้ามสะพานปูนเล็กๆไปเที่ยววัดได้ สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ จิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์และวิหาร เป็นภาพเขียนสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในโบสถ์เป็นภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติเริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพานฝีมือประณีตมาก ส่วนในวิหารเขียนเป็น ภาพพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทพยดาบนสวรรค์และภาพปลงสังขาร ด้านบนฝาผนังเป็นพระสงฆ์สาวก ชุมนุมสลับ กับพัดยศเหมือนจะไหว้พระประธานในวิหาร ฝาผนังด้านนอกหน้าวิหารมีภาพถวายพระเพลิงศพ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและภาพชีวิตชาวบ้านที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา เข้าใจว่าเป็นฝีมือชั้นหลัง (ที่มา: http://www.paiduaykan.com/province/north/uthaithani/watubosatharam.html )

จากวัดมองย้อนกลับมาที่แม่น้ำ ก็จะเห็นฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดที่เราเดินเล่นมาตะกี้ค่ะ

มาตลาดตอนเช้าทั้งที ก็ต้องไม่พลาดแวะซื้อขนมปังสังขยาเจ้าดังของอุทัย ร้านนี้มาสายๆก็หมดละค่ะ 

ส่วนใหญ่จะมีลูกค้าโทรมาสั่งไว้ก่อน วันนี้เรามาถึงเช้า เลยได้ชิมค่ะ 

แอบถ่ายขนมมาให้ดู ได้แค่นี้ค่ะ ไวมาก สังขยาไส้ทะลัก หวานกำลังดี ไส้เยอะสะใจ แต่ตัวแป้งหนมปังเราว่าแข็งไปนิดนึงที่ถัดไป "วัดจันทารามหรือวัดท่าซุง" 

วัดท่าซุง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและงดงาม เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่สมัย หลวงพ่อใหญ่องค์แรก (ผู้สร้างวัด) แต่เริ่มเป็นที่รู้จักและดังขึ้นเมื่อมีการพัฒนาและสร้างอุโบสถใหม่และสร้างมหาวิหารโดยพระราชมหาวีระ ถาวาโร (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) 

นอกจากจะมาเที่ยวชมความงดงามของวิหารแก้วแล้ว ยังมีรถซาเล้งรับจ้างพาเที่ยวชมที่ต่างๆรอบวัด คิดราคายังไงไม่แน่ใจแต่ไม่แพงค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจจะปฏิบัติธรรมก็สามารถมาปฏิบัติธรรมกับทางวัดได้ด้วย การเข้าชมภายในวิหารแก้ว สามารถเข้าชมได้เป็นรอบๆตามเวลา เวลาเปิดมหาวิหาร คือ ระหว่าง 9:00 - 11: 30 น. และ 14:00 - 16:00 น. เวลานอกเหนือจากนี้สงวนให้ผู้ปฏิบัติธรรมเจริญพระกรรมฐานค่ะ

จากวัดท่าซุงเราไปไหว้พระ ชมวิวเมืองอุทัยแบบกว้างๆกันดีกว่าค่ะ

"วัดสังกัสรัตนคีรี" 

ตั้งอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง ยอดเขาสะแกกรัง เป็นดินแดนที่ชาวอุทัยยกให้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัด เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง ของเมืองอุทัยมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ชาวเมืองต่างให้ความเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหม่ฝั่งตรงข้ามบันไดทางขึ้นยอดเขาสะแกกรัง

(http://www.paiduaykan.com/province/north/uthaithani/kaosakaekrang.html)

ยอดเขาสะแกกรังสามารถขึ้นได้สองวิธีคือเดินขึ้นทางด้านหน้า มีบันไดจำนวน 449 ขั้น หรือทางรถยนต์ จะมีถนนตัดขึ้นไปทางด้านหลัง ผ่านทางด้านข้างสนามกีฬาจังหวัด 

ด้านบนมีวิหารพระพุทธรูป วิหารพระบรมสารีริกธาตุ ศาลเจ้า รอยพระพุทธบาทจำลอง และเป็นจุดชมวิวเมืองอุทัยธานีได้แบบพาโนราม่า วันนี้ฟ้าใสและสดสวยมาก 

 

 

กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ไหว้พระ ชมสิ่งสวยงามกันไปแล้ว ขาดไม่ได้ก็ของกินอร่อยๆนี่แหละ

เราจะย้อนกลับไปในเมืองอีกครั้ง ไปหาของอร่อยๆเติมพลังกัน

"ตรอกโรงยา"

ตั้งอยู่กลางเมืองไม่ไกลกันจากตลาดเช้า ต้นซอยมีสตรีทอาร์ทเล็กๆ วันเสาร์อาทิตย์ตอนเย็นๆจะมีถนนคนเดิน ถึงแม้ตอนกลางวันจะไม่มีของขาย แต่ก็มีร้านของกินอร่อยๆที่เราไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

คุณพ่อเราเองค่ะ พาไปเที่ยวซะหน่อย

ร้านแรกเป็นก๋วยเตี๋ยวไก่เจ๊โหนก ที่ติดใจต้องมาซ้ำอีกหลายรอบ ร้านเริ่มขายประมาณเก้าโมงเช้า ขายจนถึงบ่ายๆหรือจนกว่าก๋วยเตี๋ยวจะหมด บางวันก็หมดเร็วเพราะมีคนมาเหมาไปทำบุญบ้าง เหมาไปเลี้ยงบ้าง มีทั้งไก่ตุ๋น หมูตุ๋น หมูเด้ง มีพริกเผาเข้มข้นราดด้วย เส้นบะหมี่อร่อยเหนียวนุ่ม อร่อยทั้งแบบน้ำแบบแห้ง

เจ๊โหนก ผู้ใจดี เรายืนกินขนมรอร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดอยู่ฝั่งตรงข้าม เจ๊เห็นกินไม่ถนัดเลยกวักมือให้ไปเอาถ้วยพลาสติกมาใส่ขนมกินด้วยค่ะ แถมตะเกียบกะส้อมมาด้วย ใจดี๊ใจดี คลังของอร่อย อยู่ในหม้อนี้

ชามนี้มีเบิ้ลนะจ๊ะ

"ร้านขนมแคะป้าเตียง" ขายอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านเตี๋ยวไก่ เป็นขนมแคะโบราณที่คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวหลอด ใส่หน่อไม้ ไชโป๊ว ราดน้ำซอสดำๆ รสชาติเค็มๆ บอกไม่ถูกค่ะ 555 "ร้านข้าวมันไก่โกตี๋" ร้านอยู่ตรงข้ามปากซอยตรอกโรงยา ฝั่งที่มีธนาคารทหารไทย ไก่เนื้อนุ่ม ข้าวมันหุงมาเหนียวนุ่มเรียงเม็ดสวย น้ำซุปอร่อย สั่งเนื้อน่องมา อร่อยใช้ได้เลย 

ใกล้ๆร้านข้าวมันไก่ มีร้านข้าวเหนียวมะม่วงน่ากินด้วย

อาคารห้องแถวต่างๆในเมืองเค้าตกแต่งไปแนวทางเดียวกัน มีกลิ่นอายความเป็นตึกเก่า เหมาะกับมาเดินเล่นสบายๆ ถ่ายภาพแนวสตรีท   

จริงๆจังหวัดอุทัยธานียังมีที่เที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกเยอะแยะเลย เช่น เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง วัดผาทั่ง วัดถ้ำเขาวง แต่ทริปนี้มาแค่วันเดียวเลยเลือกเที่ยวสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลกันและเน้นเที่ยวกับกินในตัวเมืองเป็นหลัก ปิดท้ายวันเดย์ทริปเมืองอุทัยธานีด้วยภาพนี้ วันนี้พาเค้าสองคนมาเที่ยว เจอกันทริปต่อไปเมื่อหัวใจอยากเดินทางนะคะ

สนใจติดตามพูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือชมภาพที่เที่ยวสวยๆกับเค้าได้น้า 

(Facebook : พาไปกิน บินไปเที่ยว by อะโลฮ่า)