ลัด เลาะ ล้อวิถี ที่เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี

กลับมาอุทัยธานีอีกครั้ง เพื่อมาค้นหาภาพในความทรงจำว่า...

อุทัยธานีคือ เมืองเล็ก เงียบสงบ ริมแม่น้ำสะแกกรัง เมืองที่มีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีร่วมสมัย ผสมผสานเป็นมนต์เสน่ห์ประทับใจ ว่าภาพเหล่านี้ยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า??

อย่าช้าอยู่เลย.. เริ่มลุย “อุทัยธานี” กันดีกว่าค่ะ

บรรยากาศยามเช้าบนสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรังช่างสดชื่นจริงๆ  

ทั้งอากาศดี ลมพัดเย็นสบาย และภาพวิวชาวแพตรงหน้า ทำให้เวลาของโบว์แทบจะหยุดเดิน

รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดร้องเรียกลูกค้ากันอย่างไม่ขาดหู เดี๋ยวต้องขอไปดูซะหน่อยแล้วว่ามีอะไรขายบ้าง

ตลาดเช้าที่นี่ เป็นไปอย่างเรียบง่าย สินค้าในตลาดส่วนใหญ่ก็เป็นของที่ชาวบ้านหามาได้อย่างเช่น ผักที่ปลูกเอง ปลาที่หาได้จากแม่น้ำสะแกกรัง เป็นบรรยากาศที่ดูแล้วอบอุ่นมากค่ะ

ถ้ามาเดินตลาดสดเทศบาลตอนเช้า แนะนำว่าไม่ควรพลาดขนมจีนน้ำยาและน้ำพริกเก่าแก่ของคุณยายท่านนี้เลยค่ะ รับรองว่าทั้งประหยัดเงินในกระเป๋าและอร่อยถูกปากแน่นอน

หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราไปเดินเล่นในตัวเมืองอุทัยธานีกันก่อนดีกว่าค่ะ

เดินไปเดินมาก็ต้องมาหยุดอยู่หน้าร้านหนังสือร้านหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมถนนศรีอุทัย ซอย13

สังเกตดีๆ หน้าร้านจะมีเจ้าตัวเล็ก กับเจ้าเทโพ สุนัขสีแดงและแมวสีขาวนอนเฝ้าอยู่หน้าร้านด้วย

เจ้าของร้านเค้าภูมิใจจัดแต่งให้เป็นร้านหนังสือเล็กๆ ที่เหมือนเรานั่งอ่านอยู่ที่บ้าน มีมุมให้พักสายตาเวลานั่งอ่านหนังสือนานๆ เป็นบรรยากาศที่นักอ่านหลายคนต้องชื่นชอบ

มุมนั้นก็สวย...มุมนี้ก็น่ารัก ต้องหาหนังสือซักเล่มมานั่งอ่านแล้วล่ะค่ะ

“พี่จิ๋ว” เจ้าของร้านหนังสือกาลครั้งหนึ่ง บอกกับโบว์ว่า “การหาหนังสือดีๆ มาอ่านซักเล่มนั้น ไม่ใช่เรื่องอยาก ถ้าหากเราคุยกับหัวใจตัวเองรู้เรื่อง” 

ที่นี่มีหนังสือชื่อ “ยังดีที่มีแมว” หนังสือที่พี่จิ๋วเขียนขึ้นมาเอง แล้วเจ้าแมวตัวนั้นที่พูดถึง ก็คือ “เจ้าเทโพ” แมวของพี่จิ๋วตัวนี้แหละค่ะ พี่จิ๋วบอกว่า เขาเริ่มเขียนเล่มนี้ตั้งแต่เจ้าเทโพยังเด็กๆ จนตอนนี้ก็โตเป็นสาวแล้ว ใครมาก็อย่าลืมแวะไปทักทายเจ้าเทโพกันนะคะ

มาอุทัยธานีคราวนี้โบว์ติดจักรยานมาด้วย ก็เค้าบอกว่า “อุทัย.. เมืองน่าใช้จักรยาน” นี่ค่ะ

ก็เลยอยากพิสูจน์ที่เค้าบอกมาว่าจริงไหม  

อุทัยธานี มีเส้นทางปั่นจักรายานอยู่ด้วยกันหลายเส้น แดดร่มลมตกแบบนี้ไปปั่นชิวๆ แถววัดโบสถ์ หรือ

วัดอุโบสถาราม วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดอุทัยธานีริมแม่น้ำสะแกกรัง ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน

โชคดีที่วันนี้เราได้มาเจอกับ “คุณครูถวิล” ซึ่งเป็นครูอยู่ที่จังหวัดอุทัยธานี ครูถวิลได้อธิบายถึงประวัติความเป็นมาของวัดโบสถ์ และโบราณสถานต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียด ทำให้โบว์เข้าใจและหลงรักจังหวัดอุทัยธานีมากขึ้น

ภายในวิหารมีภาพวาดที่เกี่ยวกับคำสอนของพุทธศาสนาสอดแทรกไว้มากมาย และบริเวณวัดอุโบสถาราม ยังมีของที่น่าชมอีกมาก เช่น เสมาหินสีแดงหน้าโบสถ์ ตู้พระธรรม และตู้ใส่ของเขียนลายกนกเถาลายดอกไม้ บาตรฝาประดับมุกที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 อีกด้วยค่ะ

ครูถวิลบอกว่าตรงข้ามวัด มีร้านซาลาเปาด้วยค่ะ ซาลาเปาทั่วไปก็มีไส้หมูสับ หมูแดง ไส้หวาน แต่ที่นี่ไส้ปลาแรดค่ะ!! เขานำเอาเนื้อปลาแรดมาปรุงรสเป็นไส้ต่างๆ ซื้อไว้เป็นเสบียงรองท้องกันสักหน่อย

อิ่มท้องแล้วเราก็ออกมาปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนาสีเขียว ได้กลิ่นของดิน ได้ยินเสียงลมที่พัดพายอดข้าวสีกัน อากาศที่นี่สดชื่น และบริสุทธิ์มากๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชาวบ้านที่นี่ถึงมีความสุข….

อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของจังหวัดอุทัยธานีก็คือ ชุมชนชาวแพแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งส่วนมากมักจะประกอบอาชีพประมงน้ำจืดและปลูกผัก ถือว่าเป็นวิถีชีวิตที่หาชมได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน

ว่าแล้ว.. เราไปล่องเรือ ชมวิถีชีวิตของชุมชนชาวแพกันค่ะ

เราขึ้นเรือได้ที่ท่าน้ำตลาดเทศบาล ล่องกินลม ชมวิวมาเรื่อยตามแม่น้ำสะแกกรัง สองฝั่งของแม่น้ำจะเป็นชุมชนชาวเรือนแพ ซึ่งอยู่กันแบบเรียบง่าย

ใบเตยถือเป็นพืชที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างดี เราจึงเห็นว่าแพทุกหลัง มักจะมีแพเตยผูกติดอยู่ด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่คู่กับบ้านเรือนแพที่นี่ค่ะ

กลิ่นปลาย่างหอมๆ ร้องเรียกให้เราต้องแวะขึ้นไปดู พอก้าวเท้าขึ้นแพ ก็เห็นป้าแต๋วกำลังย่างปลาอยู่เต็มเตาเลยค่ะ หอมน่าทานมาก มีปลาหลายชนิดให้เลือก ทั้งปลาสวาย ปลาเนื้ออ่อน และปลากด ป้าแต๋วบอกว่าปลาแห้งพวกนี้เอาไปทำต้มโครงปลากรอบอร่อยนักแล หรือจะเอาไปทำเป็นน้ำพริกปลาย่างก็ได้ค่ะ 

ที่บนเกาะเทโพยังมีกลุ่มจักสาน ที่หมู่บ้านตาลเอน คุณลุงคุณป้าจะรวมตัวกันทำงานจักสานจากไม้ไผ่ที่หามาได้จากรอบๆ หมู่บ้าน มาสานเป็นพัดบ้าง ตะกร้าบ้าง หรือแม้แต่เสื่อรำแพนค่ะ เป็นการนำวัตถุดิบพื้นบ้านมาสร้างประโยชน์อีกทางหนึ่ง

มาเที่ยวที่นี่ทั้งที ก็ต้องเรียนรู้กันอย่างลึกซึ้งนะคะ ว่าแล้วก็ให้คุณลุงคุณป้าช่วยสอนวิธีการสานพัดให้โบว์ด้วยดีกว่าค่ะ เห็นพัดเล็กๆ แบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสานออกมาได้สวย ขั้นตอนเยอะมาก แถมต้องใช้ความประณีตอย่างมากอีกด้วยค่ะ   

อุทัยธานีมีเส้นทางสวยๆ ให้เราปั่นจักรยานชมวิวอีกหลายเส้น อย่างข้างหลังของโบว์นั้น ก็เป็นสะพานข้ามแม่น้ำสะแกกรัง ฝั่งโน้นจะเป็นตลาดเทศบาลที่เราไปมาเมื่อตอนเช้า และตอนเย็นๆ แบบนี้ก็จะมีถนนคนเดินที่บริเวณตรอกโรงยาด้วย เดี๋ยวเราลองไปเดินเล่นชิวๆ กันดีกว่าค่ะ

ถนนคนเดินตรอกโรงยา หรือตลาดเก่าบ้านสะแกกรัง จะเปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นไปจนถึงประมาณสามทุ่ม มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ อาหาร ขนม น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ บางอย่างหากินได้ยากมาก แต่ที่นี่ยังมีให้เราได้ชิมด้วย

เดินไปเดินมาเพลินๆ เจอ “บ้านนกเขา” นี่เลยค่ะ ที่นี่เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ของชุมชนขนาดย่อม แต่อัดแน่ด้วยข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ไว้เยอะเลย ถ้าหากใครชอบสะสมของเก่า โบว์แนะนำว่าลองเข้ามาชม เข้ามาพูดคุยกับพี่เจ้าของดูนะคะ ได้ความรู้แล้วก็สนุกดีด้วยค่ะ 

มาอุทัยธานีคราวนี้ ดีใจที่ยังเห็นความเรียบง่ายของผู้คน ความสงบ และรอยยิ้มของคนเมืองเก่าที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตริมแม่น้ำไว้ และทุกอย่างยังคงชัดเจน เหมือนกับว่าหยุดเวลาเอาไว้ และสิ่งที่เพิ่มเติม ก็คำว่า “อุทัย เมืองน่าใช้จักรยาน” แต่ไม่ว่าจะเป็นนักปั่นหรือนักไม่ปั่น ลองมาเที่ยวอุทัยธานีสักครั้ง แล้วจะพบความสงบสุข

 

ที่นี่อุทัยธานี แล้วโบว์จะกลับมาอีกครั้งค่ะ 

 

ที่พัก

ช่วงเวลาที่โบว์อยู่ที่อุทัยธานี เราพักกันที่ “บ้านร่มเย็นเฮ้าส์” ตั้งอยู่ที่ 114 หมู่ 3 บ้านท่ารากหวาย ต.เกาะเทโพ อ.เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี

เป็นบ้านพักหลังเล็กน่ารัก อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบายมีความเป็นส่วนตัวมากค่ะ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ : 1,200- 1,500บาท/วัน

โทร.062-415 4965

 

ชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ตอน ลัด เลาะ ล้อวิถี ที่เมืองอุทัยธานี จ.อุทัยธานี

ได้ที่นี่ค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=NXOtO06DD64&t=463s

 

 ติดตามชมรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค

ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 15.30 – 16.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส