สวัสดีค่ะ

ทักทายกันอีกครั้ง หนนี้ได้รับโอกาสดีๆจาก”เพจพักสบาย”ร่วมกับibis Erawan Hotels – Thailand” ในการเฟ้นหานักรีวิว ซึ่งเราโชคดีเป็น 1 ใน 3 นักรีวิวที่ผ่านการคัดเลือกในครั้งนี้ค่ะ

ส่วนตัวแล้วเราเป็นสมาชิกของบัตร Accor Plus มา 8 ปีกว่า และกล้าพูดว่าตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของไอบิสคนหนึ่งค่ะ เพราะแบรนด์ไอบิสอยู่ในเครือแอคคอร์ ซึ่งเรามีโอกาสได้เข้าพักที่ไอบิสบ่อยมากที่สุด ด้วยราคาที่สบายกระเป๋าและจับต้องได้ง่าย บางครั้งได้ราคาโปรโมชั่นไม่ถึงพันบาทต่อคืน แม้แต่ราคาไม่ถึง 100 บาทก็เคยได้มาแล้วค่ะ เมื่อหลายปีก่อน

เรามีโอกาสได้ไปพักกับไอบิสมาแล้วเกือบทั่วประเทศไทย ขาดแต่”ไอบิส สยาม”เพียงแห่งเดียว ที่เคยแต่ไปแวะทานอาหาร แต่ไม่ได้เข้าพัก ... และสำหรับการเข้าพักครั้งล่าสุดกับไอบิส เราเจาะจงเลือกพักที่“ibis Styles Krabi Ao Nang” ที่พักไอบิสล่าสุดของเครือไอบิสเอราวัณ ซึ่งเป็นอีกแห่งหนึ่งที่เราเล็งไว้มานาน พอรู้ว่าผ่านการคัดเลือกครั้งนี้ก็ไม่รีรอที่จะเลือกขอพักที่นี่ทันทีค่ะ



ก่อนจะไปพักกันที่กระบี่ ขอให้ข้อมูลสักเล็กน้อยเกี่ยวกับ”ไอบิส” ...
ไอบิสในประเทศไทย จะแบ่งออกเป็น ibis (โลโก้หมอนสีแดง) และ ibis Styles (โลโก้หมอนสีเขียว) ซึ่ง ibis Styles (โลโก้หมอนสีเขียว) จะมีแค่ 2 แห่งคือ ที่จ.เชียงใหม่ และที่จ.กระบี่ ... แต่ที่เชียงใหม่ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของไอบิส เอราวัณ เพราะฉะนั้นการตกแต่งและรูปแบบห้อง จึงแตกต่างจากไอบิสอื่นๆในไทย(ซึ่งจัดเป็นกลุ่มของไอบิส เอราวัณ)โดยสิ้นเชิง

++ หมอนแดงและหมอนเขียว ทางที่พักไม่ได้เตรียมให้นะคะ เราเอาไปเอง ++
หมอนแดง  -ได้มาจากส่งรูปเข้าประกวดในแคมเปญ ibis Happy Sleep
หมอนเขียว - ได้มาจากการสอยดาวในงาน ibis Market



ibis Erawan Hotels – Thailand
https://www.facebook.com/ibisthailand
หากนับเฉพาะไอบิสในกลุ่มของ”ไอบิส เอราวัณ”แล้ว ถือว่ามีสาขามากที่สุดในประเทศไทย ประกอบไปด้วย ...
1) ibis Phuket Kata
2) ibis Phuket Patong
3) ibis Samui Bophut à เป็นไอบิสเพียงแห่งเดียวในไทย ที่อยู่ติดทะเล
4) ibis Hua Hin
5) ibis Pattaya
6) ibis Bangkok Siam
7) ibis Bangkok Sathorn
8) ibis Bangkok Riverside
9) ibis Bangkok Nana
10) ibis Styles Krabi Ao Nang ** (น้องใหม่ล่าสุดในเครือไอบิส เปิดให้บริการตุลาคม 2557)

โลโก้สีเหลี่ยมๆของไอบิสสื่อถึง"หมอน" จนมีแคมเปญ"หลับสบายกับไอบิส - ibis Happy Sleep"เมื่อประมาณปี 2012-2013 ซึ่งครั้งนั้นไอบิสได้ทำการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ รวมถึงเปลี่ยนที่นอนให้อ่อนนุ่มนอนหลับสบายมากขึ้น (หากใครเคยได้พักไอบิสก่อนหน้านั้น จะรู้ว่าที่นอนเขาแข็งมาก T.T ดีใจมากที่เขาเปลี่ยนที่นอนให้อ่อนนุ่มมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนนอนแล้วแอบปวดหลัง)

เห็นคำว่า Styles โผล่เพิ่มเข้ามา ชวนให้สงสัยล่ะว่า จะแตกต่างจากไอบิส (โลโก้หมอนสีแดง) ที่อื่นอย่างไร?? จะมาเล่าให้ฟังในรีวิวนี้ค่ะ ^^



.
.

ทริปนี้พาลูกหมีวัยซนขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวกระบี่กันค่ะ เป็นเด็กที่ชอบเครื่องบินมาก ปิดเทอมทั้งทีเลยพาไปบินให้สมใจ ... วิวนอกหน้าต่าง ฟ้าสีสวยมาก แต่หารู้ไม่ว่าอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสรออยู่ที่ปลายทาง ตอนแรกว่าจะซื้อเดย์ทริปออกไปเที่ยวเกาะ แต่อากาศร้อนจัด จนยอมแพ้ค่ะ





ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม. ติดต่อรับรถเช่าเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อ (ถ้าไม่เช่ารถ เขามีบริการรถ shuttle bus ไปส่งตามที่พักต่างๆบริเวณอ่าวนางในราคาคนละ 150.-บาท แต่เรามีลูกเล็กไปด้วย เลยขอสบายและสะดวกสักนิดนึง)

แวะทานมื้อกลางวันกันง่ายๆระหว่างทางผ่าน กับร้านดังของกระบี่“ร้านขนมจีนไก่ทอด โกจ้อย” ... ตอนแรกกะจะไปทานที่”สาขาตลาดเก่า” ตรงข้ามโรงเรียนเทศบาล 1 ปรากฏว่าหาไม่เจอค่ะ ร้านย้ายไปแล้ว T.T วนไปมาสักพัก ตั้งหลักใหม่ ก็เผอิญเจอโดยบังเอิญ

ร้านย้ายมาอยู่ริมถนน ทางไปสนามบินกระบี่นี่แหละค่ะ ออกมาจากตัวเมืองนิดนึง ... สอบถามพนักงานที่ร้านเขาบอกว่าเป็นสาขาตลาดเก่า ย้ายมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2558  เพราะหน้าโรงเรียนเทศบาล 1 หาที่จอดรถยาก เขาเลยมาเช่าพื้นที่ด้านข้างบ้านหลงรักกระบี่ ... สาขานี้หยุดทุกวันอาทิตย์ เปิดตั้งแต่ 0730 – 1730 น.

Note : ร้านขนมจีนไก่ทอด โกจ้อย ตอนนี้มีทั้งหมด 4 สาขา คือ
- สาขาตลาดเก่า (ย้ายมาอยู่ด้านหน้าของบ้านหลงรักกระบี่)
- สาขาในเมือง
- สาขาสนามบินกระบี่
- สาขาเหนือคลอง



อิ่มแล้ว มุ่งหน้าสู่”อ่าวนาง”ที่พักของเราค่ะ ... มาตามทางป้ายบอกทางไปอ่าวนางเลย ที่พักจะอยู่ก่อนถึงชายหาด อยู่ทางซ้ายมือตรงข้ามกับมัสยิดอ่าวนาง
.
.

Ibis Styles Krabi Ao Nang
https://www.facebook.com/ibisStylesKrabiAoNang



มาถึงที่พักตอนเที่ยง คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นช่วงเวลาเช็คเอาท์ ทำเรื่องเช็คอินเสร็จ แต่แม่บ้านยังเคลียร์ห้องไม่เสร็จ เลยต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมง

++ บริเวณ lobby ที่ต้องมาเก็บภาพตอนกลางคืน เพราะกลางวันคนเยอะตลอด ++


ที่นี่จะมี welcome drink ตั้งไว้ให้บริเวณล็อบบี้ เป็นแบบบริการตัวเอง ดีตรงที่ว่าไม่ใช่ครั้งเดียวแล้วจบ อยากทานตอนไหนก็ได้ พร้อมกับมีขนมให้ทานเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่น เผือกทอด กล้วยฉาบ ขนมปังไส้สับปะรด ฯลฯ ... พนักงานดูแลดี คอยเติมน้ำสมุนไพรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างตอนมาถึงเป็นกระเจี๊ยบ ตอนเย็นเป็นน้ำฝรั่ง วันถัดมาเป็นน้ำมะตูม

น้องพนักงานบอกว่าไว้สำหรับแขกที่กลับมาจากไปทัวร์ทะเลแบบ day trip ด้วยค่ะ แขกจะชอบมาก กลับมาที่พักท่ามกลางอากาศร้อนๆ บางทีต่อแถวรอกันยาวเลย

++ เด็กหมี happy เลยค่ะ นั่งรอแม่บ้านเคลียร์ห้อง กินเพลินเลย ไม่อั้น ++


บริเวณล็อบบี้ จะมี Koh Bar บริการเครื่องดื่มต่างๆ ซึ่งหากเป็นสมาชิกถือบัตร Accor Plus เขาจะมีคูปองแลก welcome drink เพิ่มได้ สามารถแลกรับเครื่องดื่มได้ที่นี่ ซึ่งรายการเครื่องดื่มมีให้เลือกตามสถานะของบัตร เช่น สถานะ Silver จะเลือกได้เฉพาะน้ำอัดลม, น้ำผลไม้, smoothies ... หากเป็นสถานะ Gold จะมีเมนูให้เลือกเพิ่มมากขึ้น และสถานะ Platinum สามารถเลือกได้หมดทุกเมนู รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างค๊อกเทล เบียร์และไวน์

++ Mocktail : Krabi Blossom บริการพิเศษเพิ่มเติมสำหรับสมาชิกบัตรแอคคอร์ ++


ใกล้ๆกัน จะมีโต๊ะ pool (มีค่าบริการแบบหยอดเหรียญ)



แต่ที่โดดเด่นคือ”เก้าอี้มาการองหลากสี” อยู่ติดกับ internet corner ซึ่งให้บริการฟรีสำหรับแขกที่เข้าพัก รวมถึงมีจักรยานให้เช่า และยังมี shutter service  บริการฟรี ไปส่งที่อ่าวนางทุกๆ 1 ชั่วโมงรวมถึงรับกลับมายังโรงแรม ที่นี่ห่างจากอ่าวนางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งรถแค่ 5 นาที

++ เก้าอี้มาการอง – เอกลักษณ์โดดเด่นของที่นี่ค่ะ ++


++ บริการให้เช่าจักรยาน หากใครไม่ต้องการรอรอบเวลา shuttle service ขี่จักรยานไปหาดก็ยังไหวค่ะ++


คำว่าStyles” ง่ายๆ ตรงตัวเลยค่ะ ... คือ “มีสไตล์”
เพราะฉะนั้นแล้ว การตกแต่งห้องพักที่นี่จึงมีดีไซน์และสไตล์แอบซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ เน้นถึงความสดใสและสนุกสนาน ไม่ให้รู้สึกว่าเรียบมากเกินไปนัก หากเทียบกับไอบิสหมอนสีแดง

ยกตัวอย่าง ...
- เก้าอี้มาการอง สีสันสดใส
- มุม internet corner และผ้าม่านในห้องพักที่ซ่อนการตกแต่งของกิจกรรมปีนหน้าผา อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ จ.กระบี่
- ลายประดับหัวเตียงนอน ที่เป็นรูปแผนที่จ.กระบี่

++ โปรดสังเกตรูปคนไต่หน้าผา เหนือเครื่องคอมพิวเตอร์ ++

ห้องพักที่นี่ มี 2 แบบ คือ Standard Room และ Family Room สามารถเพิ่ม extra bed โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าเป็น baby cot สำหรับเด็กทารกบริการฟรีค่ะ

สำหรับการเข้าพักครั้งนี้ เราพักในห้องแบบ”Family Roomค่ะ ซึ่งปกติแล้วห้องพักแบบนี้จะให้บริการสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนและเด็ก 2 คน มีความพิเศษตรงที่มีเตียงชั้นเพิ่มเข้ามาในห้องพัก พร้อมบริการเครื่องเล่นเกมส์ XBOX ฟรีในห้องพัก (ติดต่อขอยื่มแผ่นเกมส์ได้จากทาง front office ค่ะ)





เข้ามาในห้องพัก เด็กหมีก็ร้องตื่นเต้นกับรูปฝูงปลาที่ตกแต่งอยู่บนผนัง และไม่ทันไรก็ปีนขึ้น-ลงเตียงชั้นอย่างสนุกสนาน ตามประสาที่บ้านไม่มีเตียงชั้นให้ปีนเล่น



ห้องพักแบบนี้ ตกแต่งเอาใจเด็กน้อย มีตุ๊กตาวางไว้ให้บนเตียงด้วย น่ารักดีค่ะ สรุปคืนนั้นแม่หมีแย่งลูกขึ้นไปนอนเตียงชั้นบน นอนกอดตุ๊กตา ขาแอบเลยนิดนึง เพราะเป็นเตียงไซส์เด็ก ^^”

++ ลายผ้าม่าน ก็ยังเป็นรูปคนไต่หน้าผา ++


พื้นที่เหมือนไอบิสอื่นๆ ห้องอาจจะไม่ได้ใหญ่กว้างขวางมาก แต่จัดสรรพื้นที่ได้สัดส่วน โดยส่วนตัวเราชอบไอเดียทีเก็บกระเป๋าใต้เตียงนอนค่ะ ทำให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและมีพื้นที่ในห้องพักมากขึ้น กระเป๋าไม่เกะกะ



++ สามารถเก็บกระเป๋าใต้เตียง เพิ่มพื้นที่ในห้องพัก ++





++ ห้องน้ำขนาดกระทัดรัด แต่เพียงพอ ++


มุมโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ติดกับตู้แขวนเสื้อผ้า ... ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าเป็นเหมือนกล่องมากกว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า เพราะไม่มีบานประตูเปิด-ปิด

ด้านในมีอุปกรณ์ตามมาตรฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตู้เซฟ ร่ม ไฟฉายฉุกเฉิน ... ส่วนตัวชอบที่มีผ้าเช็ดตัวเพิ่มเติมให้ (pool towel) วางไว้ให้ในห้องพักเลยค่ะ สะดวกดีไม่ต้องคอยเซ็นต์ยืม จะหิ้วไปชายหาดก็ยังได้



ตู้เย็นไม่ได้มี minibar อะไรมากมาย มีเพียงแค่น้ำเปล่า ตามแบบฉบับ budget hotel ... สำหรับเราไม่เดือดร้อนค่ะ เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้ทานอะไรอย่างอื่นใน mini bar อยู่แล้ว

ส่วนบริเวณหัวเตียง มีชา-กาแฟและกาต้มน้ำร้อนให้ตามมาตรฐานทั่วไปเช่นกัน

แต่สำหรับที่นี่ จะไม่มีมุมโต๊ะเขียนหนังสือนะคะ มีเพียงโซฟาเล็กๆ (ไอบิสบางแห่ง อย่าง ibis Bangkok Riverside ห้องจะกว้างกว่าและมีมุมโต๊ะเขียนหนังสือให้)



ระเบียงเล็กๆพร้อมเก้าอี้ ไว้ชมวิวสระว่ายน้ำและภูเขาหินปูน อันเป็นเอกลักษณ์ของจ.กระบี่ ... ฟิล์มกรองแสงที่ติดค่อนข้างทึบดีค่ะ ห้องเลยไม่ค่อยร้อน เพราะแสงเข้าทางฝั่งห้องที่เราพักเต็มๆตอนช่วงเย็น และถ้ามองจากระเบียงด้านนอก จะเห็นเป็นเงาสะท้อน ไม่สามารถมองเข้ามาภายในห้องพักได้

++ วิวจากระเบียงห้องพัก เห็นสระว่ายน้ำและภูเขาหินปูน ++


จุดเด่นอีกอย่างของไอบิสคือ เป็น “Pet Friendly Hotel” ค่ะ ที่นี่ยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งจำกัดน้ำหนักตัวและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ... ต้องขออภัยที่ไม่มีข้อมูลตรงส่วนนี้มากนัก เพราะตัวที่ลูกหมีอุ้มไป พักฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ ^^” (ก็นะ แม่หมีไม่ยอมให้เขาเลี้ยงสุนัขค่ะ เขาเลยมีตุ๊กตาตัวนี้เป็นตัวโปรด คอยอุ้มไปด้วยทุกที่)



ปล่อยพ่อ-ลูกไปว่ายน้ำเล่นกัน (ลูกหมีได้เพื่อนใหม่จากหลายชาติเลยค่ะ สำหรับการมาพักที่นี่) ส่วนตัวเองก็ไปชมห้องพักแบบ Standard เก็บภาพมานิดหน่อย

สำหรับห้องพักแบบ Standard แล้ว การตกแต่งเหมือนกันกับ Family Room ทุกอย่างค่ะ ต่างกันเพียงแค่ไม่มีเตียงชั้น ... เตียงนอนมีให้เลือกได้ทั้งแบบ double bed (เตียงเดี่ยว) และ twin beds (เตี่ยงคู่) สามารถ request ขอห้องพักแบบ connecting room ได้ตามต้องการค่ะ

++ โปรดสังเกตภาพที่หัวเตียง เป็นรูปแผนที่จ.กระบี่ ++



++ ห้องพักแบบ twin beds ++


++ วิวจากระเบียง ++


วกกลับมาในบริเวณของ lobby ... ที่นี่ ยังมี facilities อื่นๆอีกค่ะ อาทิเช่น
- บริการห้องประชุมและห้องสัมมนา แต่ไม่มีโอกาสได้เก็บภาพมาฝาก ไม่ได้ใช้บริการในส่วนนี้ค่ะ
- บริการเคาน์เตอร์ทัวร์ มีโปรแกรมให้เลือกหลากหลาย ที่เป็นที่นิยมก็จะเป็นทัวร์ 4 เกาะและเกาะห้องค่ะ
- Koh Bar (ให้รายละเอียดไปแล้วในตอนต้น)

Plum Siam Massage & Spa
บริเวณศาลาริมสระว่ายน้ำ เท่าที่สอบถามมา เขาบอกว่าเป็นร้านข้างนอกมาเช่าพื้นที่ ไม่ใช่ของโรงแรมโดยตรง แต่ราคาโอเคเลยไม่แรงมาก ยกตัวอย่างเช่น นวดเท้าหรือสครับเท้า 300 บาทต่อ 1 ชั่วโมง

เรากลับมาจากพักที่นี่ไม่ถึง 2 อาทิตย์ เขามีโปรโมชั่นพัก 2 คืนแล้วแถมแพ็คเกจนวดไทย 1 ชม.ด้วย ... เสียใจจัง T.T พลาดโปรโมชั่นดีๆ

++ บริเวณนวดในศาลาริมสระว่ายน้ำ ++


ห้องอาหาร The Cliff Cafe & Restaurant
ห้องอาหารอยู่ใกล้สระว่ายน้ำ มีทั้งส่วน outdoor ตกแต่งสีสันสดใส และในส่วนของห้องแอร์

++ บริเวณด้านนอกแบบ open air ++



++ บริเวณด้านในแบบห้องแอร์ ++




บริการอาหารเช้าตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 11 โมง ... อาหารเช้าตามมาตรฐานทั่วไป แต่เท่าที่สังเกตและสอบถามจากเชฟ เมนูที่ทำจากเนื้อหมูจะมีหลักๆ คือพวกแฮมและเบคอนค่ะ จะมีป้ายรูปหมูกำกับชัดเจน แต่ถ้าอาหารอื่นๆเช่นข้าวผัด ข้าวต้ม หรือก๋วยเตี๋ยวผัด จะไม่ใช้หมูเป็นส่วนประกอบค่ะ จะเป็นไก่

อาหารที่นี่ส่วนหนึ่งเป็นฮาลาลค่ะ เข้าใจว่า เพราะที่พักอยู่ตรงข้ามกับมัสยิดอ่าวนาง และมีแขกชาวมุสลิมมาพักค่อนข้างเยอะพอสมควร









บริการอาหารเที่ยงแบบ a la carte รวมถึงมี afternoon tea set ให้บริการ ... ส่วนมื้อเย็นจะมีอาหารบุฟเฟ่ต์บางวัน เช่นวันอังคารเป็น BarBQ Buffet, วันพฤหัสเป็นอาหารไทย, และคืนวันเสาร์เป็น Italian Night

สระว่ายน้ำ
จะมี 2 สระด้วยกัน คือ สระเด็กและสระผู้ใหญ่ ... ส่วนตัวแล้ว ชอบที่เขามีอุปกรณ์เครื่องเล่น อย่างห่วงยางและที่ฉีดน้ำไว้ให้เด็กๆเลือกเล่นได้ตามอัธยาศัย










++ เครื่องบินส่วนตัว เอาใส่กระเป๋าไปเองนะฮับ แต่พนักงานที่นี่น่ารักมาก ช่วยเป่าลมให้ ++


นอกจากนี้ยังมีมุมสนามเด็กเล่นเล็กๆ พร้อมไม้ลื่นและชิงช้า



ใกล้ๆกัน เดินขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 จะมีส่วนของ Sun Deck บริการเก้าอี้ชายหาด ไว้ให้นอนอาบแดดกัน (ซึ่งแน่นนอนว่า เราไม่ได้ใช้ แค่นี้ก็ร้อนจะแย่แล้ว T^T)


.
.

สำหรับการเข้าพัก 3 วัน 2 คืนครั้งนี้ ... วันแรกเราใช้เวลาพักผ่อนอยู่ในที่พักเต็มที่ เด็กขอกระโดดน้ำเล่น สนุกได้ทั้งวัน แถมแรงดีมาก ปิดเทอมแล้วพลังงานเหลือเฟือ ตื่นตี 3 มาขึ้นเครื่อง (ตื่นเองก่อนปลุกด้วยค่ะ ตื่นเต้นจัดจะได้ไปเที่ยว) กลางวันไม่นอนเล่นน้ำทั้งวัน จน 5 ทุ่มกว่าก็ยังไม่นอนค่ะ แม่หมียอมแพ้เลยค่ะ งานนี้ T.T

วันที่ 2 ขอออกไปตะลอนชมโลกภายนอกบ้าง อุตส่าห์เช่ารถไว้แล้วนี่นา เลยไป”ท่าปอมคลองสองน้ำ” 1 ใน Unseen Krabi หลังจากเคยไปครั้งแรกเมื่อปี 2546 ซึ่งนานมากแล้ว (ไม่ได้กลับไปตั้ง 12 ปี) ... ใช้เวลาขับรถไปประมาณ 30 นาที แต่ถ้าหากไม่มีรถ สามารถซื้อทัวร์แบบเดย์ทริปได้ค่ะ เขาจะพ่วงกับโปรแกรมพายเรือคายักที่ท่าเลน แล้วปิดท้ายที่ท่าปอมคลองสองน้ำ
.
.

ท่าปอมคลองสองน้ำ
ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่คนละ 20 บาท / เด็กคนละ 10 บาท

ที่เรียกว่า”คลองสองน้ำ” เพราะว่าเป็นบริเวณรอยต่อของน้ำจืดกับน้ำเค็ม เมื่อน้ำทะเลหนุนสูง น้ำในคลองที่จืดสนิทจะกลายเป็นน้ำกร่อย ... พอน้ำลง น้ำจืดจากป่าต้นน้ำก็จะดันน้ำทะเลออกหมด ทำให้พื้นที่ธารน้ำท่าปอมเป็นป่าพรุ ที่มีลักษณะพิเศษคือมีน้ำเค็มและน้ำจืดไหลมาบรรจบกัน



น้ำที่นี่สีสวยใส โดยบางช่วงใต้ผืนน้ำแต่งแต้มด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็นได้อย่าง ชัดเจน เห็นฝูงปลาแหวกว่าย สามารถเดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นวงรอบในระยะทาง 700 เมตร ซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ยังมีป่าธรรมชาติให้เลือกชมในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติด้วยค่ะ



เรามาที่นี่ครั้งแรกเมื่อปี 2546 เพิ่งจะได้กลับมาอีกครั้ง สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตอนนี้ไม่ให้ลงเล่นน้ำ มิฉะนั้นจะถูกปรับ 500 บาท ได้ยินว่ามีคนลงไปเล่นน้ำและเอาสบู่กับแชมพูลงไปใช้ ก็เลยห้ามลงเล่น
.
.
++ วิวสวยๆระหว่างการเดินทาง ++


ช่วงบ่ายเรากลับมายังอ่าวนาง แต่เลยไปทางสุสานหอยล้านปี ตามคำบอกเล่าของพนักงานของไอบิส สไตล์ท่านหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยชื่อถึง เขาชื่อว่า”คุณแมว”ค่ะ ... คุณแมวเป็นพนักงานที่ดูแลครอบครัวของเราดีมากๆตั้งแต่ตอนที่ไปถึง จนถึงเดินมาส่งขึ้นรถวันกลับ

ทุกครั้งที่เดินผ่านหรือเผอิญเจอกันบริเวณล๊อบบี้ คุณแมวจะคอยทักทายและชวนลูกหมีคุยเล่นตลอด พอรู้ว่าเราจะออกไปข้างนอกกัน คุณแมวก็แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งไม่ไกลจากที่พักให้ค่ะ ด้วยเหตุผลว่าเด็กๆน่าจะชอบที่นี่ ... ต้องขอบคุณคุณแมวด้วยค่ะ เพราะไม่เคยรู้จักที่นี่มาก่อน และแน่นอนค่ะว่าถูกใจลูกหมีเขาล่ะ
.
.

ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่
ใช้เส้นทางเดียวกันกับสุสานหอยล้านปี ขับผ่านท่าเรืออ่าวน้ำเมา ให้สังเกตทางขวามือ จะเห็นรูปปั้นปลานีโม่และม้าน้ำอยู่ด้านหน้า ... ที่นี่เข้าชมฟรีค่ะ เป็นศูนย์เพาะเลี้ยงเพื่อจำหน่ายพันธุ์ปลาต่างๆ มีหลายบ่อ ทั้งแบบบ่อเปิด-บ่อปิด เลี้ยงในกระชัง เลี้ยงในตู้กระจก ฯลฯ



สำหรับบ่อกลางแจ้ง จะเป็นทางเดินรอบบ่อ พร้อมมีหลังคาบังแดดให้ มาตอนบ่ายๆช่วงฤดูร้อนก็ยังไหวค่ะ







มาที่นี่ครั้งแรก เพิ่งรู้ว่าปลาการ์ตูนหรือนีโม่มีหลากหลายสีสันและลวดลายมากกว่าที่คิดไว้ มีทั้งลายขาวดำ ลายจุดเหมือนม้าลาย รวมถึงเพิ่งเคยเห็นปลาการ์ตูนท้องโตครั้งแรก พุงพุ้ยน่ารัก … นอกจากนี้ยังมีปลาดาว ปลาไหลมอเร่ย์ ปักเป้า ปลาเทวดา ปลาหูช้าง ฯลฯ แต่หาม้าน้ำไม่เจอ

เด็กๆมาทัศนศึกษาที่นี่กันเยอะค่ะ และแน่นอนว่าลูกหมีชอบมาก ตะโกนส่งเสียงเรียกให้เดินไปดูทางนั้นทางนี้ ไม่ยอมหยุดเลยค่ะ


.
.

ร้านอาหารบ้านโกเล็ก
มื้อกลางวันไม่ไกลจากสถานที่ดูปลาค่ะ ขับรถต่อไปอีกนิดนึง จะมีทางแยกซ้าย จากถนนใหญ่เข้าไปลึกหน่อย ช่วง 300 เมตรสุดท้ายเป็นทางลูกรัง แต่ด้านในร้านบรรยากาศดีค่ะ ติดริมน้ำและป่าโกงกาง

นอกจากร้านอาหารก็ยังมีบริการ homemade bakery แบบห้องแอร์ ... ราคาอาหารไม่แพง เปิดเพลงเพราะ ชื่อร้านอาจจะดูโบราณหน่อย แต่บรรยากาศกับเพลงค่อนข้างเป็นวัยรุ่นสมัยใหม่





ลองสั่งเมนูชื่ออัยย๊ะ ลาก๊ะ ราคา 230.- บาท เป็นรวมทะเลนึ่ง มีหอยแครง หอยตลับ กุ้ง ปลาหมึก เนื้อปลา ฯลฯ โรยมาด้วยหอมทอดกรอบ แยกน้ำจิ้มซีฟู้ด



หมูฮ้องราคา 150.-บาท และอีกจานของคุณลูกหมีเป็นกุ้งชุบแป้งทอดราคา 150.-บาท พนักงานดูแลดี ... เสียดายว่าอิ่มมากเลยไม่ได้ลองชิมเบเกอรี่เขาต่อ แต่นับเป็นอีกร้านที่ถูกใจสำหรับทริปเที่ยวกระบี่ครั้งนี้ค่ะ





.
.

บ่ายแก่ กลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง ให้ลูกหมีเล่นน้ำคลายร้อน ก่อนที่ช่วงเย็นจะนั่งรถ shuttle van ของโรงแรมออกไปเดินเล่นที่ริมหาดอ่าวนางกันค่ะ

ช่วงเย็นคนเยอะ ที่นั่งในรถเต็ม แต่ทางที่พักก็อำนวยความสะดวกโดยการเพิ่มรอบรถในช่วงเวลานั้นๆให้ค่ะ ไม่ได้จำกัดว่าวิ่งแค่รอบเดียว ... นั่งรถไปไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงชายหาดแล้ว พร้อมบริการรับกลับโรงแรมตามรอบเวลา ถึงแม้ที่พักอาจจะไม่ได้อยู่ติดทะเลแต่ก็อำนวยความสะดวกให้ดีมากค่ะ

++ รอบเวลารถ ไปอ่าวนาง ++


เดินเล่นยามเย็นบนหาดทรายด้วยกัน ... ชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน





ช่วงหัวค่ำบริเวณหน้าโรงแรม ibis Styles Krabi Ao Nang จะมีตลาดนัดขายของเล็กๆให้เดินเล่นเพลินๆค่ะ หรือจะเดินหาขนมอร่อยๆทาน บริเวณหน้ามัสยิดอ่าวนางฝั่งตรงข้ามโรงแรมก็มีค่ะ ... ของทานเล่นหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารฮาลาลบริเวณนี้มีเยอะมาก และที่ห้ามพลาดคือ โรตีค่ะ มีให้เลือกเยอะแยะเลย (ลูกหมีไม่เคยทานโรตีมาก่อน ยอมเปิดใจลองชิม เพราะทริปนี้เลย)





สุดท้ายนี้ ขอถือโอกาสขอบคุณเพจพักสบาย และ ibis Erawan Hotels – Thailand ที่ให้โอกาสครอบครัวหมีได้กลับไปพักผ่อนที่ไอบิสอีกครั้งค่ะ

ด้านล่างนี้ คือข้อความเก่าๆที่เคยโพสไว้ใน facebook ส่วนตัวเมื่อปี 2013
เพราะลูกหมีคนนี้ มีโอกาสได้ไปพักที่ไอบิสบ่อยๆ และผูกพันกับไอบิสมาตั้งแต่เริ่มจำความได้  

เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกชายตัวน้อยวัย 2 ขวบกว่า ...
* ภาพที่เขาเดินลากกระเป๋าเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อไปเช็คอิน ที่ ibis Pattaya
* ภาพที่เขากล้าที่จะกระโดดลงสระน้ำครั้งแรกที่ ibis Hua Hin
* พิซซ่าชิ้นแรกในชีวิตของเขา จากห้องอาหาร Taste ที่ ibis Phuket Kata และเขาชอบมากถึงขนาดออกมาแล้วเดินกลับไปที่ห้องอาหารอีกรอบ
* ภาพที่เขาเกาะกระจกหน้าต่างห้องพัก แล้วมองหาเรือกับรถไฟอย่างไม่รู้เบื่อ ที่ ibis Bangkok Riverside
* ภาพที่เขาได้เจอเพื่อนใหม่จากอีกซีกโลกและเล่นสนุกด้วยกัน ที่ ibis Phuket Patong
* ภาพที่เขาสนุกสนาน มุดเข้ามุดออกอยู่ใน baby cot ที่ ibis Bangkok Riverside
ฯลฯ

ทุกเรื่องราว คือ ความสุขของแม่คนนี้ที่ได้เห็นลูกน้อยสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม … เป็นความตื้นตัน-ประทับใจเมื่อเราได้หวนกลับไปในที่ที่คุ้นเคยและเขาเปล่งเสียงเรียกชื่อ"ไอบิส"โดยที่เราไม่ได้บอก ... เขาจำได้และรู้มากกว่าที่เราคิด




ขอบคุณที่มอบรอยยิ้มในช่วงปิดเทอมให้เด็กน้อยคนนี้อีกครั้งนะคะ
ปัจจุบันอายุ 5 ขวบแล้วฮับ ...
จะผ่านไปกี่ปีก็"รักไอบิส"เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ"ibis Styles"
^^



เพราะทุกการเดินทาง ... คือประสบการณ์ที่แตกต่างและอยากจะจดจำ
* Nina's Journey *
www.facebook.com/ninajourney