ปล่อยใจไปตามหาเขา..

เขาหลวง สุโขทัย อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร 

ระยะทางเดินเท้าทั้งหมดประมาณ 3.7 กิโลเมตร 

 

..ในคืนวันเดินทาง วันศุกร์ที่ 2 ก.ย. 2559 เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 4 ทุ่ม มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุโขทัย..

 

 **สำหรับไม่ได้ขับรถยนต์ส่วนตัวไป** 
      - สามารถนั่งรถทัวร์จากขนส่งหมอชิตได้ แนะนำนั่งเวลา 22.00 น. หรือ 22.30 น. (ลองเช็คเวลาอีกที) เพราะจะถึงสุโขทัยช่วงเช้าเกือบพอดี ราวๆ ตีสี่กว่า หรือตีห้า ลงที่อำเภอคิรีมาศ (ตรงทางเข้าอุทยานแห่งชาติรามคำแหงพอดี ตรงนั้นจะมี 7-11) ส่วนขากลับสามารถรอรถได้ตรงอำเภอคิรีมาศได้เลย (มีรอบ 13.00 น.ของบริษัท 999 ลองเช็คอีกที)

       - จากนั้นอาจจะโบกรถ หรือนั่งวินมอไซด์ หรือเหมารถ เข้าไปตัวอุทยานฯ อีกที

สำหรับรถเหมาตรงร้านขายไก่ยางห้าดาว(ลืมขอเบอร์มา ร้านเปิดแต่เช้า หายห่วง)

หรืออีกวิธีติดต่อเจ้าหน้าที่ให้มารับได้ แต่ต้องโทรบอกล่วงหน้า

และที่สำคัญอย่าลืมซื้ออาหารให้ครบทุกมื้อ มีตลาดเช้าอยู่ใกล้ๆ เราไปซื้อเสบียงกันที่วัดวาลุการาม บอกให้พี่วินฯ พาไปซื้อได้ หรือไม่ก็7-11 (ด้านบนมีแค่อาหารแห้งขาย พวกน้ำ มาม่า โจ๊กคัพ )

**เบอร์ของพวกพี่วินฯ  088 815 1547,  089 704 5239 (ค่าวิน ประมาณ 150-160 บาท)**

 

08.00 น. เวลาเปิดทำการอุทยานฯ  จ่ายค่าค่าเข้าอุทยานฯ  40 บาท แต่อุทยานฯ เปิดให้เข้าตลอด 24 ชั่วโมง      ที่อุทยานฯ มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิง มีลานกว้างสามารถกางเต็นท์นอนรอได้เลยถ้าหากว่าเดินทางมาถึงดึก

       
สิ่งที่อุทยานฯ มีให้เช่า

  • เช่าเต็นท์ 225 และ 150 บาท (ราคาไม่แน่ใจ)
  • แผ่นรองนอน  20 บาท
  • มีผ้าห่มให้เช่าค่ะผืนละ 20 บาท (ไปเช่าด้านบน)
  • ถุงนอน 30 บาท    
  • ส่วนใครที่เอาเต็นท์มากางด้านบน เสียค่าเข้าคนละ 30 บาท
  • ด้านบนมีพวกน้ำ(น้ำเปล่า น้ำอัดลม) มาม่า ขนมขายนะคะ ราคาจะแพงกว่าข้างล่างนิดหน่อย

 *มีบริการน้ำร้อนฟรี*

  • ด้านบนมีเตาแบบสามข่าให้เช่า
  • ด้านบนมีพวกหม้อ กระทะให้เช่าด้วย

ที่นี่มีลูกหาบ กิโลกรัมละ 25 บาท ถ้ามาสายระวังลูกหาบหมดน๊า (ครั้งนี้เราแบกกัรเอง จ้างแค่ของส่วนกลางกันเท่านั้น)
ระหว่างทางเดินขึ้นเขาจะมีน้ำดิบไว้ให้เติมระหว่างทาง แต่ช่วงที่เราไปใช้งานไม่ได้ต้องแบกน้ำไปให้เยอะเพื่อให้พอระหว่างทาง 

** ที่สำคัญอย่าลืมยาทากันยุง ระหว่างทางยุงค่อนข้างเยอะ ไม่งั้นตัวแดงแน่เลย ส่วนทากเราไม่เจอหายห่วง**

 

08.30 น. เราได้เวลาเดินขึ้น

**ขอบคุณสำหรับมิตรภาพและการเดินทางร่วมกันนะคะสมาชิก**

 

instagram : https://www.instagram.com/i.amtammy/

 

..เส้นทางเดินเท้า ช่วงแรกจะเป็นทางราบประมาณ 400 - 500 เมตร หลังจากนั้นทางจะเริ่มค่อยๆ ชันขึ้นเรื่อยๆ

Photo : p'toey

 

เดินกันมาเรื่อยๆ ทางก็ชันขึ้นเรื่อย ช่วงไหนชันเยอะหน่อยจะมีราวไม้ให้คอยจับให้เรามีแรงพยุงค่อยๆ เดินต่อไป

เราเดินตามไหล่เขาเรื่อยๆ  เริ่มเดินขึ้นตามสันเขาบ้าง ทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างชัดเจน มองจากด้านบนวิวด้านล่างสวยมาก มันคุ้มค่ามากที่เรามาแม้จะเหนื่อยหน่อยก็เถอะนะ ท้องฟ้าก็สดใสไม่มีแดด ไม่มีฝน ถือเป็นโชคดีของเรามาก

..ถึงแล้วจุดที่พักชมวิว ขณะที่มีความสูง +576 เมตร ตรงนี้จะมีโต๊ะไม้ตัวยาวให้นั่งพักชมวิว

มื้อกลางวันของเรา.."ข้าวเหนียวหมูห่อใบตอง" 

ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจ ทานข้าวพร้อมนั่งมองวิวสวยๆ เห็นเมฆ ลอยไปลอยมา

หลังจากอ่มท้องก็พร้อมลุยต่อ ทางเดินก็ชันขึ้นเรื่อยๆ แดดก็เริ่มแรงขึ้น

พ้นจากไหล่เขาแล้วววววว.. มาเดินข้างในป่ากันต่อ

photo ; tom

 

..อีก 300 เมตร เป็นไทรงาม ที่เป็นต้นไทรใหญ่ๆ สวยๆ

 


อีกอึดใจเดียวจะถึงแล้ว..

จุดสิ้นสุดคนพันธุ์อึด

 

 

พอถึงจุดกางเต็นท์ หาทำเลกางเต็นท์ได้สบายเลย ถ้าเช่าเต็นท์จากทางอุทยานฯ เจ้าหน้าที่เค้าจะกางไว้รอแล้ว ส่วนใครที่พกเต็นท์มาเองหาทำเลตามใจชอบได้เลย ควรกางเต็นท์ให้แข็งแรงยึดกับพื้นให้แน่นๆ เพราะช่วงกลางคืนลมค่อนข้างแรงมาก

สำหรับห้องน้ำบนนี้มีห้องน้ำเยอะพอสมควร เป็นห้องน้ำเล็กๆ ใช้สังกะสีมุง มีน้ำให้อาบได้สบาย

 

เก็บสัมภาระเรียบร้อย เราไปดูพระอาทิตย์ตกดินกันต่อที่เขาพระแม่ยา จากจุดกางเต็นท์ใช้เวลาเดินไปชมพระอาทิตย์ประมาณ 20-30 นาที

                                                           ไปดูพระอาทิตย์ตกที่เขาแม่ย่ากัน                                  

บนนี่มีสัญญาณโทรศัพท์บ้างเล็กน้อย บนนี้สวยมาก สามารถมองได้ยิ่งกว่า 360 องศาเลย อากาศดีมาก มีลมพัดตลอด

บนนี้ลมพัดแรงมาก และต้องค่อยๆ คลาน ค่อยๆ ยืนเพื่อให้ได้รูปแบบนี้มา

photo: tom

ตอนเช้าประมาณ 05.00 น. เราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขานารายณ์

แต่น่าเสียดายไม่เจอทะเลหมอกเลย

ไว้มีโอกาสเราจะกลับมาแก้มือเก็บหมอกใหม่ ^^